............โดยส่วนตัวดิฉันสังเกตได้ว่าผู้ที่ดิฉันอยากให้ ส่วนมากไม่อยากรับกันค่ะ
ผู้ที่ให้โอกาสดิฉันได้เป็นผู้ให้บ้างนั้น ดิฉันแทบจะกราบขอบพระคุณในความเมตตาเลยทีเดียว.
อย่างเรื่องชานมไข่มุกของนินา ก็มีปัญหาแล้วค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/30495057
" นินาเอาชาไปให้ ดร.บ่นว่าเกรงใจพี่อธิ นินาก็บอกไปว่า พี่อธิตั้งใจเลี้ยงชาของนินา
ดร.ตลอดชีวิต "
" นินาก็บอกไปเลย พี่อธิมีเงิน "
อืมม..คำว่าดิฉันมีเงินนี่ ให้อ่านผ่านไปก่อนนะคะ อย่าได้ให้เป็นเหตุให้เกิดอกุศลจิต
ดิฉันคงจะอธิบายในส่วนนี้ทีหลังถ้ามีโอกาส แต่ขอบอกก่อนว่า
ดิฉันไม่คิดที่จะนำเสนอว่าตัวเองว่าเป็นคนร่ำรวยหรือยากจนเลย.
วันก่อนดิฉันเดินผ่าน ดร.ดี ก็ถามท่านค่ะ พรุ่งนี้ ดร.จะรับชากี่โมงดีคะ
" วันพฤหัสผมสั่งนินาแล้ว ผมเลี้ยงเอง ๖ แถม ๑ ก็ ๗ แก้วใช่ไหม " อีกล่ะเฮ้อ..
" ก็เราตกลงกันแล้วนี่คะ!!! ก็ดร.บอกเองก็นานๆ ที ไงคะ ก็แค่สัปดาห์ละ ๓ แก้ว"
" ๓ แก้วไม่ไหว " ดร.ชี้ไปที่พุง
ก็ชายสูงวัยอายุ ๗๐ รูปร่างอย่างนี้ ก็จัดว่าสมส่วนแล้ว ดูๆ ถึงจะเพิ่มอีกสัก ๓ กิโล. ก็ยังดูดีอยู่เลย
" งั้นก็ ๒ แก้วนะคะ วันพฤหัส ก็ได้ อธิจ่ายเอง " ดิฉันต่อรอง
" ผมจ่ายเอง เปลี่ยนกันเลี้ยงจะได้สนุก " ดร.ว่า
....ปัญหาคือการตีความคำว่า "นานๆ ที " ไม่ตรงกัน แต่นั่นแหละนะ ปัญหามีไว้สำหรับแก้นะคะ
..............ในส่วนการไม่รับของไซนี่ ทำเอาดิฉันคิดพิจารณาโดยแยบคายไปไม่เป็นเลยทีเดียว
เรื่องมีอยู่ว่า :
บริษัทของเราจ้างบริษัทรับทำความสะอาดค่ะ บริษัทนั้นส่งพนักงานมา ๓ คน
หนึ่งในนั้นคือไซ คนงานพม่าที่พูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว.
ไซเป็นคนงานที่รับผิดชอบในหน้าที่มากค่ะ ขยันขันแข็ง การงานไม่เคยบกพร่อง
พอว่างจากงานก็นั่งอ่านหนังสือค่ะ อ่านหนังสือวารสารที่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ
" พี่อธิ เจ้าไซมันอ่านหนังสือภาษาอังกฤษด้วย มันอ่านหรือมันเปิดดูรูปกันแน่ "
น้องดาจับสังเกต
ไซอ่านค่ะ แล้วก็อ่านรู้เรื่องด้วย ดิฉันดูออก
............ด้วยความตั้งใจทำงานของไซทำให้ดิฉันเอ็นดูมาก ทราบว่าไซได้เงินเดือนน้อย
บางเดือนเจ้านายกว่าจะจ่ายเงินเดือนให้ ก็ ปาไปเกือบครึงเดือน ทั้งๆ ทีมาเซ็นต์รับเงินที่บริษัท
ของเราตรงตามเวลา
" เจ้านายบริษัทนี้มันแย่จริงๆ เลยพี่ " น้องดาค่ะเล่าให้ดิฉันฟัง
(น้องดานี่ว่ากันว่าสังกัดสำนักข่าวหัวเขียว คุณเลขาของอาจารย์นี่ CNN ส่วนน้องนินา
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นค่ะ )
ดิฉันจึงให้ไซขึ้นไปทำความสะอาดห้องทำงานชั้น ๒ ( ชั้นที่ ๒ ไม่อนุญาตให้ผู้มีกิจขึ้นค่ะ
ปกติดิฉันทำความสะอาดเอง ถ้าทำความสะอาดครั้งใหญ่จึงเรียกคนงาน )
ไซทำความสะอาดได้เรียบร้อย ดิฉันก็ให้ทิปไปครั้งละ ๑๐๐ บ้าง ๒๐๐ บ้าง บอกว่าเธอทำได้สะอาด
ดีมาก พี่ให้พิเศษนะ ไซก็ไหว้รับ
ดิฉันไม่ได้เรียกใช้ไซบ่อยนะคะ น่าจะให้ขึ้นไปทำครั้ง หรือ ๒ ครั้ง เอ..หรือ ว่า ๓ ไม่แน่ใจค่ะ
วันหนึ่งน้องดามาเล่าให้ดิฉันฟังว่า
" พี่ๆ เมื่อกลางวัน ดาเจอเจ้าไซ มันเดินกลับไปกลับมาหน้าห้องครัว ดาสงสัย
เลยไปถามมัน มันว่าไม่มีเงินกินข้าว ว่าจะไปขอข้าวกินที่ห้องครัว แต่มันไม่กล้า ดาเลยให้
มันไป ๒๐๐ " ...........ไซเอ้ยไซ
" ดีมากเลยน้องดา พี่ดีใจด้วย " ดิฉันแสดงความยินดีกับน้องดา
แต่ดิฉันมาอดน้อยใจไซไม่ได้ ทำไมจะบอกดิฉันสักคำไม่ได้ ไม่มีเงินกินข้าวนี่นะ
ดิฉันเดินไปต่อว่าไซทันที.
" ไซ เธอไม่มีเงินกินข้าวทำไม ทำไมไม่บอกพี่สักคำ "
" พี่อธิให้ผมมาเยอะแล้ว " เสียงตอบกลับอย่างนอบน้อม เฮ้อ..
" ถ้าเธอมีปัญหาก็บอกพี่ได้นะไซ " ดิฉันบอกไซ
...........หลายวันต่อมา ไซมาขอพบดิฉันที่ห้อง ยกมือไหว้แล้วบอกว่า
" ผมมาลาพี่อธิครับ "
ไซได้งานใหม่ค่ะ เงินเดือนเยอะกว่าเดิม ดิฉันก็แสดงความยินดีด้วย
ดิฉันล้วงกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิด มีเงินอยู่เพียง ๓๐๐ บาท ก็ยื่นให้ไซ บอกว่า
" พี่มีเท่านี้เอง แต่ก็เก็บติดตัวไว้นะลูก ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน "
ไซบอกว่า
" พี่อธิให้ผมมาเยอะแล้วครับ ผมมาลาพี่เฉยๆ "
น้านนน...มันจะมาเยอะอะไร ดิฉันว่า น่าจะไม่ ๒๐๐ ก็ ๓๐๐ ดิฉันไม่แน่ใจ ยังไงก็ไม่เกิน ๕๐๐ แน่ๆ
" รับไปเถอะไซ ถึงมันจะเล็กๆ น้อยๆ ก็เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินนะ " ดิฉันขอร้อง
" ไม่ครับพี่ ผมไปแล้วนะครับ " ไซยกมือไหว้ลา
" ตั้งใจทำงานนะลูก เจ้านายเขาจะได้เอ็นดู " ดิฉันบอก
การที่ไซไม่รับทำให้ดิฉันคิดพิจารณาโดยแยบคายไปไม่เป็นจิตตกไปเลยค่ะ
ดูสิแทนที่ไซจะได้ประโยชน์ ได้ข้อธรรมที่เหมาะสม ไปใช้ในการดำเนินชีวิต คำว่า
ตั้งใจทำงานนะลูก เจ้านายเขาจะได้เอ็นดู
ไซจะได้ประโยชน์อะไร ไซก็ตั้งใจทำงานอยู่แล้ว เฮ้อ...ดิฉันว่าถ้าคนที่ไซมาลาเป็นคุณๆ ในห้องศาสนา
ไซคงจะได้ประโยชน์ไม่ใช่น้อย.
ถ้าเป็นคุณๆ จะให้คำแนะนำไซอย่างไรคะ ?
......................ดิฉันจะได้จดจำเอาไว้ เผื่อโอกาสหน้ามีใครมาลา
.............การเป็นผู้รับนี่ดิฉันก็เคยมีปัญหานะคะ เรื่องลูกค้าให้ทิปนี่แหละค่ะ
ว่าดิฉันควรหรือไม่ควรรับ เงินน่ะดิฉันอยากได้นะคะ แต่ก็จะปฏิเสธไปเป็นส่วนมาก
พอมาอ่านเจอว่า
ไม่ควรปฏิเสธลาภที่พึ่งได้ เอ..แล้วทิปนี่เป็นลาภที่พึ่งได้ไหมหนอ.
ดิฉันก็เลยเขียนไปถามคุณลุงท่านหนึ่งค่ะ (สมมุติว่าคุณลุงนะคะ ) คุณลุงให้หลักการมาว่า
1. คุณไม่ได้ขอ
2. ผู้ให้อยู่ในฐานะที่จะให้
3. ผู้ให้ยินดีที่จะให้
............โหหหห สบายเลยล่ะทีนี้ ดิฉันก็รับอย่างสบายใจสิคะ
1. คุณไม่ได้ขอ ( ดิฉันไม่ได้ขออยู่แล้ว )
2. ผู้ให้อยู่ในฐานะที่จะให้ ( ส่วนมากก็อยู่ในฐานะที่จะให้ทั้งนั้นแหละ )
3. ผู้ให้ยินดีที่จะให้ ( ยินดีไม่ยินดีล่ะคะ ดิฉันไม่รับก็ขอร้อง หรือไม่ก็บีบให้รับทั้งนั้นแหละ )
แห่ม..ด้วยคำแนะนำของคุณลุง ดิฉันรับอย่างมีความสุขเลยล่ะค่ะ ก็เงินนะใครไม่อยากได้
ถ้ามันควรรับนะคะ แล้วคนเห็นแก่เงินอย่างดิฉัน มีหรือจะไม่อยากรับ.
ติดอยู่แต่ว่าสงสัยว่ามันควรหรือไม่ควรเท่านั้นเอง.
แต่ทีนี้..คุณลุงนั่นแหละ ทำให้ดิฉันไม่มั่นใจในหลักการ ก็คุณลุงไม่ทำตามหลักการนี่คะ
เพราะถ้าครบ ๓ ข้อ คุณลุงก็ต้องรับสิ นี่คุณลุงไม่ยอมรับนี่คะ
ดิฉันว่าหลักการของคุณลุงยังไม่ครอบคลุม ( เพราะมันใช้กับคุณลุงไม่ได้นี่คะ ) ดิฉันก็เลย
เพิ่มข้อที่ 4 ให้นะคะ
4. ผู้รับเห็นควรว่าควรรับ หรือยินดีที่จะรับ.
..........หรือท่านใดจะเห็นต่างคะ ?
..........ที่ไซไม่รับจะเป็นเพราะไซเห็นว่าเงินในกระเป๋าดิฉันมีเพียง ๓๐๐ คงคิดว่ารับไปดิฉันจะใช้อะไร
หรือเปล่านะ ?
แต่ก็ช่างเถอะ ดิฉันรู้แล้วว่า ต่อไป ดิฉันต้องสร้างเหตุปัจจัย ให้ผู้รับเห็นควรว่าควรรับ หรือยินดีที่จะรับ.
.............การไม่รับของไซ
ผู้ที่ให้โอกาสดิฉันได้เป็นผู้ให้บ้างนั้น ดิฉันแทบจะกราบขอบพระคุณในความเมตตาเลยทีเดียว.
อย่างเรื่องชานมไข่มุกของนินา ก็มีปัญหาแล้วค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
" นินาเอาชาไปให้ ดร.บ่นว่าเกรงใจพี่อธิ นินาก็บอกไปว่า พี่อธิตั้งใจเลี้ยงชาของนินา
ดร.ตลอดชีวิต "
" นินาก็บอกไปเลย พี่อธิมีเงิน "
อืมม..คำว่าดิฉันมีเงินนี่ ให้อ่านผ่านไปก่อนนะคะ อย่าได้ให้เป็นเหตุให้เกิดอกุศลจิต
ดิฉันคงจะอธิบายในส่วนนี้ทีหลังถ้ามีโอกาส แต่ขอบอกก่อนว่า
ดิฉันไม่คิดที่จะนำเสนอว่าตัวเองว่าเป็นคนร่ำรวยหรือยากจนเลย.
วันก่อนดิฉันเดินผ่าน ดร.ดี ก็ถามท่านค่ะ พรุ่งนี้ ดร.จะรับชากี่โมงดีคะ
" วันพฤหัสผมสั่งนินาแล้ว ผมเลี้ยงเอง ๖ แถม ๑ ก็ ๗ แก้วใช่ไหม " อีกล่ะเฮ้อ..
" ก็เราตกลงกันแล้วนี่คะ!!! ก็ดร.บอกเองก็นานๆ ที ไงคะ ก็แค่สัปดาห์ละ ๓ แก้ว"
" ๓ แก้วไม่ไหว " ดร.ชี้ไปที่พุง
ก็ชายสูงวัยอายุ ๗๐ รูปร่างอย่างนี้ ก็จัดว่าสมส่วนแล้ว ดูๆ ถึงจะเพิ่มอีกสัก ๓ กิโล. ก็ยังดูดีอยู่เลย
" งั้นก็ ๒ แก้วนะคะ วันพฤหัส ก็ได้ อธิจ่ายเอง " ดิฉันต่อรอง
" ผมจ่ายเอง เปลี่ยนกันเลี้ยงจะได้สนุก " ดร.ว่า
....ปัญหาคือการตีความคำว่า "นานๆ ที " ไม่ตรงกัน แต่นั่นแหละนะ ปัญหามีไว้สำหรับแก้นะคะ
..............ในส่วนการไม่รับของไซนี่ ทำเอาดิฉันคิดพิจารณาโดยแยบคายไปไม่เป็นเลยทีเดียว
เรื่องมีอยู่ว่า :
บริษัทของเราจ้างบริษัทรับทำความสะอาดค่ะ บริษัทนั้นส่งพนักงานมา ๓ คน
หนึ่งในนั้นคือไซ คนงานพม่าที่พูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว.
ไซเป็นคนงานที่รับผิดชอบในหน้าที่มากค่ะ ขยันขันแข็ง การงานไม่เคยบกพร่อง
พอว่างจากงานก็นั่งอ่านหนังสือค่ะ อ่านหนังสือวารสารที่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ
" พี่อธิ เจ้าไซมันอ่านหนังสือภาษาอังกฤษด้วย มันอ่านหรือมันเปิดดูรูปกันแน่ "
น้องดาจับสังเกต
ไซอ่านค่ะ แล้วก็อ่านรู้เรื่องด้วย ดิฉันดูออก
............ด้วยความตั้งใจทำงานของไซทำให้ดิฉันเอ็นดูมาก ทราบว่าไซได้เงินเดือนน้อย
บางเดือนเจ้านายกว่าจะจ่ายเงินเดือนให้ ก็ ปาไปเกือบครึงเดือน ทั้งๆ ทีมาเซ็นต์รับเงินที่บริษัท
ของเราตรงตามเวลา
" เจ้านายบริษัทนี้มันแย่จริงๆ เลยพี่ " น้องดาค่ะเล่าให้ดิฉันฟัง
(น้องดานี่ว่ากันว่าสังกัดสำนักข่าวหัวเขียว คุณเลขาของอาจารย์นี่ CNN ส่วนน้องนินา
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นค่ะ )
ดิฉันจึงให้ไซขึ้นไปทำความสะอาดห้องทำงานชั้น ๒ ( ชั้นที่ ๒ ไม่อนุญาตให้ผู้มีกิจขึ้นค่ะ
ปกติดิฉันทำความสะอาดเอง ถ้าทำความสะอาดครั้งใหญ่จึงเรียกคนงาน )
ไซทำความสะอาดได้เรียบร้อย ดิฉันก็ให้ทิปไปครั้งละ ๑๐๐ บ้าง ๒๐๐ บ้าง บอกว่าเธอทำได้สะอาด
ดีมาก พี่ให้พิเศษนะ ไซก็ไหว้รับ
ดิฉันไม่ได้เรียกใช้ไซบ่อยนะคะ น่าจะให้ขึ้นไปทำครั้ง หรือ ๒ ครั้ง เอ..หรือ ว่า ๓ ไม่แน่ใจค่ะ
วันหนึ่งน้องดามาเล่าให้ดิฉันฟังว่า
" พี่ๆ เมื่อกลางวัน ดาเจอเจ้าไซ มันเดินกลับไปกลับมาหน้าห้องครัว ดาสงสัย
เลยไปถามมัน มันว่าไม่มีเงินกินข้าว ว่าจะไปขอข้าวกินที่ห้องครัว แต่มันไม่กล้า ดาเลยให้
มันไป ๒๐๐ " ...........ไซเอ้ยไซ
" ดีมากเลยน้องดา พี่ดีใจด้วย " ดิฉันแสดงความยินดีกับน้องดา
แต่ดิฉันมาอดน้อยใจไซไม่ได้ ทำไมจะบอกดิฉันสักคำไม่ได้ ไม่มีเงินกินข้าวนี่นะ
ดิฉันเดินไปต่อว่าไซทันที.
" ไซ เธอไม่มีเงินกินข้าวทำไม ทำไมไม่บอกพี่สักคำ "
" พี่อธิให้ผมมาเยอะแล้ว " เสียงตอบกลับอย่างนอบน้อม เฮ้อ..
" ถ้าเธอมีปัญหาก็บอกพี่ได้นะไซ " ดิฉันบอกไซ
...........หลายวันต่อมา ไซมาขอพบดิฉันที่ห้อง ยกมือไหว้แล้วบอกว่า
" ผมมาลาพี่อธิครับ "
ไซได้งานใหม่ค่ะ เงินเดือนเยอะกว่าเดิม ดิฉันก็แสดงความยินดีด้วย
ดิฉันล้วงกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิด มีเงินอยู่เพียง ๓๐๐ บาท ก็ยื่นให้ไซ บอกว่า
" พี่มีเท่านี้เอง แต่ก็เก็บติดตัวไว้นะลูก ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน "
ไซบอกว่า
" พี่อธิให้ผมมาเยอะแล้วครับ ผมมาลาพี่เฉยๆ "
น้านนน...มันจะมาเยอะอะไร ดิฉันว่า น่าจะไม่ ๒๐๐ ก็ ๓๐๐ ดิฉันไม่แน่ใจ ยังไงก็ไม่เกิน ๕๐๐ แน่ๆ
" รับไปเถอะไซ ถึงมันจะเล็กๆ น้อยๆ ก็เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินนะ " ดิฉันขอร้อง
" ไม่ครับพี่ ผมไปแล้วนะครับ " ไซยกมือไหว้ลา
" ตั้งใจทำงานนะลูก เจ้านายเขาจะได้เอ็นดู " ดิฉันบอก
การที่ไซไม่รับทำให้ดิฉันคิดพิจารณาโดยแยบคายไปไม่เป็นจิตตกไปเลยค่ะ
ดูสิแทนที่ไซจะได้ประโยชน์ ได้ข้อธรรมที่เหมาะสม ไปใช้ในการดำเนินชีวิต คำว่า
ตั้งใจทำงานนะลูก เจ้านายเขาจะได้เอ็นดู
ไซจะได้ประโยชน์อะไร ไซก็ตั้งใจทำงานอยู่แล้ว เฮ้อ...ดิฉันว่าถ้าคนที่ไซมาลาเป็นคุณๆ ในห้องศาสนา
ไซคงจะได้ประโยชน์ไม่ใช่น้อย.
ถ้าเป็นคุณๆ จะให้คำแนะนำไซอย่างไรคะ ?
......................ดิฉันจะได้จดจำเอาไว้ เผื่อโอกาสหน้ามีใครมาลา
.............การเป็นผู้รับนี่ดิฉันก็เคยมีปัญหานะคะ เรื่องลูกค้าให้ทิปนี่แหละค่ะ
ว่าดิฉันควรหรือไม่ควรรับ เงินน่ะดิฉันอยากได้นะคะ แต่ก็จะปฏิเสธไปเป็นส่วนมาก
พอมาอ่านเจอว่า
ไม่ควรปฏิเสธลาภที่พึ่งได้ เอ..แล้วทิปนี่เป็นลาภที่พึ่งได้ไหมหนอ.
ดิฉันก็เลยเขียนไปถามคุณลุงท่านหนึ่งค่ะ (สมมุติว่าคุณลุงนะคะ ) คุณลุงให้หลักการมาว่า
1. คุณไม่ได้ขอ
2. ผู้ให้อยู่ในฐานะที่จะให้
3. ผู้ให้ยินดีที่จะให้
............โหหหห สบายเลยล่ะทีนี้ ดิฉันก็รับอย่างสบายใจสิคะ
1. คุณไม่ได้ขอ ( ดิฉันไม่ได้ขออยู่แล้ว )
2. ผู้ให้อยู่ในฐานะที่จะให้ ( ส่วนมากก็อยู่ในฐานะที่จะให้ทั้งนั้นแหละ )
3. ผู้ให้ยินดีที่จะให้ ( ยินดีไม่ยินดีล่ะคะ ดิฉันไม่รับก็ขอร้อง หรือไม่ก็บีบให้รับทั้งนั้นแหละ )
แห่ม..ด้วยคำแนะนำของคุณลุง ดิฉันรับอย่างมีความสุขเลยล่ะค่ะ ก็เงินนะใครไม่อยากได้
ถ้ามันควรรับนะคะ แล้วคนเห็นแก่เงินอย่างดิฉัน มีหรือจะไม่อยากรับ.
ติดอยู่แต่ว่าสงสัยว่ามันควรหรือไม่ควรเท่านั้นเอง.
แต่ทีนี้..คุณลุงนั่นแหละ ทำให้ดิฉันไม่มั่นใจในหลักการ ก็คุณลุงไม่ทำตามหลักการนี่คะ
เพราะถ้าครบ ๓ ข้อ คุณลุงก็ต้องรับสิ นี่คุณลุงไม่ยอมรับนี่คะ
ดิฉันว่าหลักการของคุณลุงยังไม่ครอบคลุม ( เพราะมันใช้กับคุณลุงไม่ได้นี่คะ ) ดิฉันก็เลย
เพิ่มข้อที่ 4 ให้นะคะ
4. ผู้รับเห็นควรว่าควรรับ หรือยินดีที่จะรับ.
..........หรือท่านใดจะเห็นต่างคะ ?
..........ที่ไซไม่รับจะเป็นเพราะไซเห็นว่าเงินในกระเป๋าดิฉันมีเพียง ๓๐๐ คงคิดว่ารับไปดิฉันจะใช้อะไร
หรือเปล่านะ ?
แต่ก็ช่างเถอะ ดิฉันรู้แล้วว่า ต่อไป ดิฉันต้องสร้างเหตุปัจจัย ให้ผู้รับเห็นควรว่าควรรับ หรือยินดีที่จะรับ.