อ่านกันหน่อยครับ เกี่ยวกับ “ผังเมืองไทย” ที่น่าเป็นห่วง รวมทั้งการบริหารจัดการต่างๆ ของหน่วยงานผังเมืองระดับชาติเหล่านี้ ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็น “ตัวถ่วง” มากกว่า ตัวเร่งการพัฒนาเสียอีกครับ (จากบทความใน นสพ. เค้าว่ามาอย่างนี้ครับ ผมมาเผยแพร่ต่ออีกทีด้วยความเป็นห่วงครับ) ลองอ่านกันดูครับ แล้วช่วยวิเคราะห์กันด้วยครับ เพราะบ้านเมืองเป็นของเราทุกคน องค์กรผังเมืองภาครัฐ ใช้ “ภาษี” ของเรา ฉะนั้น พวกเราจึงควรร่วมด้วยช่วยกันตรวจสอบได้ครับ เพราะถ้าเราไม่คิดอะไรกันเลย ปล่อยให้ทำเหมือนเดิม คงได้ “ปั่นป่วน” กันในอนาคตอันใกล้ครับ...ข้อมูลที่ได้ก็มาจาก นสพ.แนวหน้าครับ ผมอ่านเจอที่โพสต์บน Facebook ของสมาคมการผังเมืองไทย –เผยแพร่โดย – เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
อ้างอิง นสพ.แนวหน้า ย่อหน้าที่ 3 และโพสต์อ้างอิงในเพจ สมาคมการผังเมืองไทย
Copy//-ไม่น่าเชื่อปัญหาดังกล่าวนักผังเมืองระดับชาติรู้ดีรู้ชั่ว แต่ไม่ยอมแก้ไข ไม่ยอมปลดพันธนาการ ผังเมืองระดับชาติยังทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ขณะที่รัฐบาลเองทุกชุดก็ไม่ยอมปล่อยและกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญจริงๆ จังๆ เลยการออกแบบเมือง สาธารณูปโภค ขนส่งมวลชน ท้องถิ่นต้องฟังผังเมืองรวมใหญ่ระดับชาติที่กำหนดลงมาดุจ “กลืนเลือด” ส่งผลให้แนวทางการพัฒนานอกจากเชื่องช้าอืดอาดแล้ว ยังทำให้เมือง “ท้องป่องหางลีบ”อีกต่างหาก...
ตามลิ้งก์
http://www.naewna.com/local/51099 ย่อหน้าที่ 3 ด้านล่างนึ้ครับ
ซุบซิบ กทม. : 9 พฤษภาคม 2556 โดย ไผ่ฎำ
-การศึกษาอบรมโครงการมหานครรุ่นที่ 2 ของ กทม.ว่าด้วยเรื่องผังเมืองกำลังเวิร์กสุดๆ มีการแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะกันกว้างขวางโดยเน้นเอาข้อเท็จจริงในการสร้างเมืองว่า มันติดขัดปัญหาทรามๆอย่างไร จึงแลเหมือนเมืองถูกพัฒนาล่าช้าและ “สะเปะสะปะ” ไม่เหมือนกับโมเดลที่วางเอาไว้ พูดตามประสาชาวบ้านออกแบบเมืองไว้อย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่าง เช่น เรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อยของอาคารบ้านพักอาศัยวันนี้หลายแห่งขออนุญาตอย่างทำอย่าง แบบทั่วหน้า ผิดแบบแล้วหากไม่เกิดทุรยศอาคารถล่มก็ไม่มีใครเข้าไปแตะ แต่พอเกิดภาวะ“ชะตากรรมชะตาทราม” วิ่งกันหางหด ซึ่งผิดกับบ้านเมืองที่เขายึดกฎเกณฑ์ระเบียบเด็ดขาดชัดเจนไม่มีใครฝ่าฝืนข้อกฎหมาย หลายสิ่งหลายอย่างที่อุบัติขึ้นใจกลางเมืองหลวง กทม.ถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ หน่วยงานเกี่ยวข้องกับผังเมืองไร้น้ำยา...
-“ไผ่ฎำ”ได้มีโอกาสร่วมสนทนาพูดคุยแลกเปลี่ยนปม “นรก” ตรงไปตรงมาหลายครั้งหลายหน พบว่าเรื่องสำคัญอยู่ที่หน่วยงานท้องถิ่นไร้อำนาจสำนักผังเมืองแลดูมีความสวยหรู ควรค่าแก่การฝากผีฝากไข้ และน่าจะมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายให้กับ กทม. โดยมีสำนักการโยธาดำเนินการไปตามแผน ทว่า อนิจจาแนวคิดแนวปฏิบัติที่ออกจากสำนักผังเมือง ไม่ตรงกับแนวคิดของผังเมืองระดับชาติ ผังสำนักผังเมือง กทม.จึงอยู่ในฐานะ“น้ำท่วมปาก” พูดอะไรไม่ออก...
-ไม่น่าเชื่อปัญหาดังกล่าวนักผังเมืองระดับชาติรู้ดีรู้ชั่ว แต่ไม่ยอมแก้ไข ไม่ยอมปลดพันธนาการ ผังเมืองระดับชาติยังทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ขณะที่รัฐบาลเองทุกชุดก็ไม่ยอมปล่อยและกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญจริงๆ จังๆ เลยการออกแบบเมือง สาธารณูปโภค ขนส่งมวลชน ท้องถิ่นต้องฟังผังเมืองรวมใหญ่ระดับชาติที่กำหนดลงมาดุจ “กลืนเลือด” ส่งผลให้แนวทางการพัฒนานอกจากเชื่องช้าอืดอาดแล้ว ยังทำให้เมือง “ท้องป่องหางลีบ”อีกต่างหาก...
-ครั้งหนึ่ง “บีทีเอส” เสนอให้ กทม.ก่อสร้างขยายเส้นทางสู่ทุกมุมเมืองตามแบบของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี แม้ กทม.ฝ่ายบริหารมีศักยภาพล้นเหลือ แต่ติดขัดที่รัฐบาลไม่ยอม เพราะโครงการหาเสียงบ้าๆที่แตกแยกมาตลอดของรัฐบาลมีอยู่แล้ว นี่คือตัวอย่าง “อำมหิตหนึ่งในหลายๆ “ปมอัปยศ” ที่เกิดกับ กทม. หรือบางอย่าง กทม.สามารถทำได้ทันที แต่ก็ไปติดขัดผู้ปฏิบัติซึ่งคิด “นอกกรอบ” ไม่เป็น เช่น การก่อสร้างฟุตปาธ ทั้งๆ ที่สามารถเทพื้นด้วยคอนกรีต โดยไม่ต้องปัญญาอ่อนใช้ทรายถมแล้วนำกระเบื้องดีๆไปปูอัด ของง่ายๆ ประหยัดงบประมาณลักษณะนี้ กทม.กลับไม่ทำผลที่ประจานออกมา คือ ฟุตปาธพังทุกปีและผลาญเงินชาวบ้านทำกันทุกปีด้วย หรือการก่อสร้างถนนคู้ขวาสุวินทวงศ์-หนองจอก ก็เนรมิตตัวถนนเตี้ยเสมอขอบตลิ่งคลอง สะพานที่เคยยกสูงหายเกลี้ยง ชาวบ้านใช้คลองสัญจรไม่ได้ นี่คือการไร้วิสัยทัศน์ที่ไม่น่าเกิด เหนืออื่นใดที่ตรงนี้ผังเมืองกำหนดรูปแบบไว้ดีให้มีทางจักรยาน อนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ปรากฏว่าไม่มีทางจักรยาน ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นเหี้ยนอ้างแบบเดิมๆ “ย้ายต้นไม้ไปอนุรักษ์ไว้ที่เหมาะสม” แต่รู้กันว่าย้ายไปอนุรักษ์ไว้ใน “นรก” ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่สามารถแก้ได้ แต่เพราะอะไร ทำไม ไม่ปลุกเสก แล้วใครจะรับผิดชอบ ทุเรศจริงๆ พับผ่า...
ไผ่ฎำ
ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผังเมือง ไร้น้ำยา อืดอาด แก้ปัญหาไม่จริง บ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร
อ่านกันหน่อยครับ เกี่ยวกับ “ผังเมืองไทย” ที่น่าเป็นห่วง รวมทั้งการบริหารจัดการต่างๆ ของหน่วยงานผังเมืองระดับชาติเหล่านี้ ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็น “ตัวถ่วง” มากกว่า ตัวเร่งการพัฒนาเสียอีกครับ (จากบทความใน นสพ. เค้าว่ามาอย่างนี้ครับ ผมมาเผยแพร่ต่ออีกทีด้วยความเป็นห่วงครับ) ลองอ่านกันดูครับ แล้วช่วยวิเคราะห์กันด้วยครับ เพราะบ้านเมืองเป็นของเราทุกคน องค์กรผังเมืองภาครัฐ ใช้ “ภาษี” ของเรา ฉะนั้น พวกเราจึงควรร่วมด้วยช่วยกันตรวจสอบได้ครับ เพราะถ้าเราไม่คิดอะไรกันเลย ปล่อยให้ทำเหมือนเดิม คงได้ “ปั่นป่วน” กันในอนาคตอันใกล้ครับ...ข้อมูลที่ได้ก็มาจาก นสพ.แนวหน้าครับ ผมอ่านเจอที่โพสต์บน Facebook ของสมาคมการผังเมืองไทย –เผยแพร่โดย – เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
อ้างอิง นสพ.แนวหน้า ย่อหน้าที่ 3 และโพสต์อ้างอิงในเพจ สมาคมการผังเมืองไทย
Copy//-ไม่น่าเชื่อปัญหาดังกล่าวนักผังเมืองระดับชาติรู้ดีรู้ชั่ว แต่ไม่ยอมแก้ไข ไม่ยอมปลดพันธนาการ ผังเมืองระดับชาติยังทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ขณะที่รัฐบาลเองทุกชุดก็ไม่ยอมปล่อยและกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญจริงๆ จังๆ เลยการออกแบบเมือง สาธารณูปโภค ขนส่งมวลชน ท้องถิ่นต้องฟังผังเมืองรวมใหญ่ระดับชาติที่กำหนดลงมาดุจ “กลืนเลือด” ส่งผลให้แนวทางการพัฒนานอกจากเชื่องช้าอืดอาดแล้ว ยังทำให้เมือง “ท้องป่องหางลีบ”อีกต่างหาก...
ตามลิ้งก์ http://www.naewna.com/local/51099 ย่อหน้าที่ 3 ด้านล่างนึ้ครับ
ซุบซิบ กทม. : 9 พฤษภาคม 2556 โดย ไผ่ฎำ
-การศึกษาอบรมโครงการมหานครรุ่นที่ 2 ของ กทม.ว่าด้วยเรื่องผังเมืองกำลังเวิร์กสุดๆ มีการแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะกันกว้างขวางโดยเน้นเอาข้อเท็จจริงในการสร้างเมืองว่า มันติดขัดปัญหาทรามๆอย่างไร จึงแลเหมือนเมืองถูกพัฒนาล่าช้าและ “สะเปะสะปะ” ไม่เหมือนกับโมเดลที่วางเอาไว้ พูดตามประสาชาวบ้านออกแบบเมืองไว้อย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่าง เช่น เรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อยของอาคารบ้านพักอาศัยวันนี้หลายแห่งขออนุญาตอย่างทำอย่าง แบบทั่วหน้า ผิดแบบแล้วหากไม่เกิดทุรยศอาคารถล่มก็ไม่มีใครเข้าไปแตะ แต่พอเกิดภาวะ“ชะตากรรมชะตาทราม” วิ่งกันหางหด ซึ่งผิดกับบ้านเมืองที่เขายึดกฎเกณฑ์ระเบียบเด็ดขาดชัดเจนไม่มีใครฝ่าฝืนข้อกฎหมาย หลายสิ่งหลายอย่างที่อุบัติขึ้นใจกลางเมืองหลวง กทม.ถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ หน่วยงานเกี่ยวข้องกับผังเมืองไร้น้ำยา...
-“ไผ่ฎำ”ได้มีโอกาสร่วมสนทนาพูดคุยแลกเปลี่ยนปม “นรก” ตรงไปตรงมาหลายครั้งหลายหน พบว่าเรื่องสำคัญอยู่ที่หน่วยงานท้องถิ่นไร้อำนาจสำนักผังเมืองแลดูมีความสวยหรู ควรค่าแก่การฝากผีฝากไข้ และน่าจะมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายให้กับ กทม. โดยมีสำนักการโยธาดำเนินการไปตามแผน ทว่า อนิจจาแนวคิดแนวปฏิบัติที่ออกจากสำนักผังเมือง ไม่ตรงกับแนวคิดของผังเมืองระดับชาติ ผังสำนักผังเมือง กทม.จึงอยู่ในฐานะ“น้ำท่วมปาก” พูดอะไรไม่ออก...
-ไม่น่าเชื่อปัญหาดังกล่าวนักผังเมืองระดับชาติรู้ดีรู้ชั่ว แต่ไม่ยอมแก้ไข ไม่ยอมปลดพันธนาการ ผังเมืองระดับชาติยังทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ขณะที่รัฐบาลเองทุกชุดก็ไม่ยอมปล่อยและกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญจริงๆ จังๆ เลยการออกแบบเมือง สาธารณูปโภค ขนส่งมวลชน ท้องถิ่นต้องฟังผังเมืองรวมใหญ่ระดับชาติที่กำหนดลงมาดุจ “กลืนเลือด” ส่งผลให้แนวทางการพัฒนานอกจากเชื่องช้าอืดอาดแล้ว ยังทำให้เมือง “ท้องป่องหางลีบ”อีกต่างหาก...
-ครั้งหนึ่ง “บีทีเอส” เสนอให้ กทม.ก่อสร้างขยายเส้นทางสู่ทุกมุมเมืองตามแบบของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี แม้ กทม.ฝ่ายบริหารมีศักยภาพล้นเหลือ แต่ติดขัดที่รัฐบาลไม่ยอม เพราะโครงการหาเสียงบ้าๆที่แตกแยกมาตลอดของรัฐบาลมีอยู่แล้ว นี่คือตัวอย่าง “อำมหิตหนึ่งในหลายๆ “ปมอัปยศ” ที่เกิดกับ กทม. หรือบางอย่าง กทม.สามารถทำได้ทันที แต่ก็ไปติดขัดผู้ปฏิบัติซึ่งคิด “นอกกรอบ” ไม่เป็น เช่น การก่อสร้างฟุตปาธ ทั้งๆ ที่สามารถเทพื้นด้วยคอนกรีต โดยไม่ต้องปัญญาอ่อนใช้ทรายถมแล้วนำกระเบื้องดีๆไปปูอัด ของง่ายๆ ประหยัดงบประมาณลักษณะนี้ กทม.กลับไม่ทำผลที่ประจานออกมา คือ ฟุตปาธพังทุกปีและผลาญเงินชาวบ้านทำกันทุกปีด้วย หรือการก่อสร้างถนนคู้ขวาสุวินทวงศ์-หนองจอก ก็เนรมิตตัวถนนเตี้ยเสมอขอบตลิ่งคลอง สะพานที่เคยยกสูงหายเกลี้ยง ชาวบ้านใช้คลองสัญจรไม่ได้ นี่คือการไร้วิสัยทัศน์ที่ไม่น่าเกิด เหนืออื่นใดที่ตรงนี้ผังเมืองกำหนดรูปแบบไว้ดีให้มีทางจักรยาน อนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ปรากฏว่าไม่มีทางจักรยาน ต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นเหี้ยนอ้างแบบเดิมๆ “ย้ายต้นไม้ไปอนุรักษ์ไว้ที่เหมาะสม” แต่รู้กันว่าย้ายไปอนุรักษ์ไว้ใน “นรก” ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่สามารถแก้ได้ แต่เพราะอะไร ทำไม ไม่ปลุกเสก แล้วใครจะรับผิดชอบ ทุเรศจริงๆ พับผ่า...
ไผ่ฎำ