มาดามดำตับเป็ด : บทที่ 13 : มิตรหมาหมู่

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


มาดามดำตับเป็ด


บทที่13
มิตรหมาหมู่



          สัญญาณไฟสีแดงเล็กๆที่โทรศัพท์กระพริบตามเวลาที่ทรายนัดหมายไว้ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ดาวกดปุ่มปิดเสียงเรียกเข้า มันเลยไม่มีเสียงดังใดๆที่จะทำให้คนแก่ทั้งสองคนตื่น  เมื่อดูหน้าจอดิจิตอลว่าเป็นเบอร์ห้องทรายโทรมา เธอก็รีบยกหูโทรศัพท์อย่างเบาที่สุด  “ ห้อง712  ห้องสุดท้ายซ้ายมือ รีบมานะคะ” ทรายพูดอย่างรวดเร็วและวางสายไปทันที   ดาวชะเง้อหน้าไปดูลาดเลาบนพื้นริมห้องอยู่นานสองนาน เพื่อให้แน่ใจว่าย่าแอ๋วและยายม้วนยังคงนอนหลับอยู่  พอเห็นว่าทางสะดวก เธอก็ย่องออกจากห้องและรีบไปที่ลิฟท์ทันที

          พอดาวกดชั้นที่จะขึ้นไป เธอก็ฉุกคิดได้ว่าว่าทำไมต้องไปที่ชั้นเจ็ด ทั้งๆที่ห้องพักทรายอยู่ชั้นห้า  และเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นเจ็ด เธอก็พบทรายที่มายืนรอเธออยู่หน้าลิฟท์ด้วยท่าทางกระวนกระวาย

          “ มาเลยค่ะพี่ดาว มานี่เลยค่ะ  เดี๋ยวจะไม่ทันการ ” ทรายรีบพาดาวมาที่ห้องดังกล่าวอย่างลุกลี้ลุกลน พอไขประตูเสร็จ  ทรายก็ดันเธอเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว “ เงียบๆนะคะ ทรายไม่แน่ใจว่าพวกเค้ามารึยัง ” ทรายพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อยลง และปิดประตูอย่างเบาที่สุด  ดาวเห็นว่ามืด เธอก็เลยจะเอื้อมมือไปเปิดไฟแต่ทรายก็ห้ามไว้ “ ไม่ได้ค่ะ ห้องนี้ใช้คีย์การ์ด แต่อย่าเปิดเลยนะคะ แสงมันลอดไปอีกห้องนึงได้  พี่ดาวไปนั่งหลบตรงข้างโต๊ะนั่นนะคะ”

          “ ตกลงมันมีเรื่องอะไรกัน ทำไมเราต้องมาทำลับๆล่อๆเป็นแมวขโมยแบบเนี้ย”  ทรายไม่พูดอะไร แต่ส่งอวัจนาภาษาสื่อสารบอกให้ดาวเงียบ  ทรายเอาหูไปแนบกับประตูที่ติดอยู่กำแพงข้างห้องและใช้เวลาฟังอยู่ครู่หนึ่ง “ เฮ้อ  ดีนะที่ยังไม่มากัน ” ทรายถอนหายใจ และเดินมานั่งตรงดาวด้วยท่าทางที่โล่งอก

         “ จะบอกพี่ได้หรือยัง พี่อีดอัดนะเนี้ย ”

        “ ขอโทษทีค่ะพี่ดาว ก็พี่ดาวมาช้านิคะ ทรายก็เลยกังวลกลัวว่ามันจะไม่ทัน”

        “ แล้วเรามาที่ห้องนี้กันทำไม ”  ดาวเริ่มมองสำรวจห้องด้วยตาเปล่าอย่างคร่าวๆ ประตูที่ติดอยู่ฝาผนังของห้องที่ทรายเพิ่งไปแนบหูฟัง มันทำให้เธอพอจะรู้ว่าที่นี้ไม่ใช่ห้องธรรมดาทั่วไป “ เอ๊ะ! อันนี้รู้สึกจะเป็นห้องสูทใช่ไหม ”

        “ ค่ะ อันนี้ห้องเล็กติดกับห้องนอน มีประตูเชื่อมหากัน แต่มีห้องใหญ่เท่านั้นที่เปิดประตูมาห้องเล็กได้ เราจึงต้องระวังเป็นพิเศษไงคะ”  

        “ แล้วห้องสูทนี้เป็นห้องของใคร ”

       “ ห้องสูทเนี้ยจริงๆแล้วใช้ประชุมงานค่ะ ไม่ค่อยมีใครมานอนหรอก คีย์การ์ดมันมีสองอัน ทรายมีอยู่อันนึงก็เลยพาพี่เข้ามาได้ไงคะ ”

       “ ทรายต้องการให้พี่มาแอบดูใคร ”

       “ ถ้าทรายพูดไปพี่ก็คงไม่เชื่อ ทรายก็เลยต้องให้พี่มาเห็นด้วยตา และใช้หูฟังด้วยตัวเองนี่ไง รออีกแปปนะคะ อีกไม่นานก็รู้  ”      
ทรายลุกขึ้นไปแง้มม่านที่ริมระเบียงเพื่อเพิ่มแสงสว่างเข้ามาด้านในให้มากขึ้น“ เปิดซะหน่อย เดี๋ยวเผลอไปเตะโดนอะไรเข้าแล้วคนห้องนู้นได้ยิน มีหวังโป๊ะแตกแน่ ”

       “ ไม่เห็นจะยากเลย ก็ทำเสียงแมวหมาร้องไปสิ ” ดาวตอบทรายกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่หันหน้าไปหาทรายตอนพูดคำว่า’หมาแมว’เพื่อบอกเป็นนัยยะว่าเธอหมายถึงใคร   ทรายทำหน้าตกใจเล็กน้อยและวิ่งทำหน้าบ๊องแบ๊วอย่างไร้เดียงสามาหาดาว “โธ่พี่ดาว แมวหมาที่ไหนจะมาอยู่ชั้นเจ็ดคะ แหมพี่ดาวก็ ฮ่าฮ่าฮ่า ” ทรายหัวเราะแห้งๆ

       “ พี่ก็พูดไปอย่างงั้นแหละ ก็นึกว่าพนักงานบริษัทพี่น้อยจะตบตาคนเก่งซะอีก ”  ทรายหุบยิ้มลง แต่ก็พยายามมานวดเอาใจและยิ้มให้หวานขึ้นจนปากกว้างเป็นนางงาม เพื่อแสดงความเป็นมิตรกับดาว “ พี่ดาวขา นี่พี่ยังไม่หายโกรธน้องทรายอีกเหรอคะ ที่น้องทรายทำไปเพราะผู้ใหญ่ขอร้องนะคะ ” ทรายก้มหน้าทำตาละห้อยและเริ่มทำเสียงกระซิกสะอื้น  

       ดาวเอามือมาแตะที่มือทรายเบาๆ “ พี่ไม่ได้โกรธ” ทรายเงยหน้าขี้นยิ้มด้วยความดีใจและกุมมือดาวเสมือนรักใคร่ “แต่พี่ไม่ไว้ใจ ”  ดาวปล่อยมือออกจากทรายอย่างเบาเมื่อพูดจบประโยค

       “ ทรายกะแล้วว่าพี่ดาวต้องไม่ไว้ใจ  งั้นรอดูรอฟังกับสิ่งที่จะเห็นแหละกันนะคะ ” ทรายทำน้ำเสียงตัดพ้อด้วยความน้อยใจ แต่ดาวก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

       “ แล้วทรายแน่ใจเหรอ ว่าไอ้ความลับที่จะบอก มันเป็นสิ่งที่พี่อยากรู้  ”

       “ ถ้าพี่ไม่อยากรู้ พี่คงไม่แอบมาเจอตามที่นัดหรอกค่ะ ”

       “ รู้ได้ยังไงว่าพี่แอบมา”

       “ ก็ทรายโทรไปตั้งนานแล้ว พี่ก็ยังไม่มา มันก็แสดงว่าพี่คงต้องใช้เวลาดูลาดเลาก่อนที่จะออกมาใช่ไหมล่ะคะ หรือว่าไม่จริง ”

       “ น้องทรายนี่ฉลาดทุกเรื่องเลยนะคะ ไม่รู้ว่ากำลังจะจัดฉากบังเอิญอะไรให้พี่ดูอีกหรือเปล่า ”

       “ สิ่งที่พี่ดาวกำลังจะรับรู้ มันไม่ใช่การจัดฉากหรอกค่ะ ใครๆเค้าก็รู้กันทั้งบริษัท แม้กระทั่งความบังเอิญที่พี่ดาวมาแสดงลำตัดที่นี้ พี่ดาวไม่รู้สึกสงสัยเลยเหรอคะ ว่ามันบังเอิ๊ญบังเอิญไปหน่อย”

       “ ก็สงสัยนะ มันคงบังเอิญไม่หมดเวรหมดกรรมมั้ง ” ดาวพูดตอกกลับใส่ทรายด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

       “ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกค่ะ ทุกอย่างถูกเซ็ทและวางแผนไว้แล้ว”

       “ วางแผน!  แผนอะไร?”

       “ จริงๆแล้วลำตัดมันไม่ใช่สิ่งที่เราตัองการเอามาโชว์เลย เพราะมันเน้นโชว์ร้อง มากกว่าการโชว์รำ    พี่ดาวคิดดูสิคะว่าฝรั่งที่ไหนจะฟังลำตัดรู้เรื่อง ”

        “ แต่น้าจุ๋มบอกพี่ว่าเค้าต้องการเอามาโชว์ให้คนไทยดูเป็นหลักนะ”

       “ ถึงที่นี้จะเป็นไทยทาวน์ แต่คนที่มางานคือฝรั่งนะคะ ไม่ใช่คนไทย”

       “ แล้วยังไง พี่ไม่เข้าใจ  พี่ไม่เห็นว่าใครจะได้รับผลดีจากการเสียประโยชน์ครั้งนี้สักคน ไม่ว่าจะพี่น้อย น้าจุ๋มหรือว่าใคร  คนที่ได้ประโยชน์ล้วนๆก็คือพี่  ได้มาทั้งเที่ยวและได้เงินค่าจ้างด้วย”

        “ พี่ได้เงินค่าจ้างหรือยังคะ ”

       “ เดี๋ยวน้าจุ๋มจะให้เช็คพี่หลังจบงาน”

       “ แล้วค่าใช้จ่ายค่าเครื่องบินนี่ใครออกคะ”

       “ พวกพี่ออกกันไปก่อน น้าจุ๋มบอกว่าเดี๋ยวจะทบบวกคืนให้ในเช็คทีหลัง ”

       “ นี่ก็เป็นสิ่งที่พี่ต้องระวังไว้นะคะ ”

       “ ระวังทำไม น้าจุ๋มคงไม่ทำกับบ้านพี่แบบนั้นหรอก ”

       “ ค่ะใช่ คุณจุ๋มไม่ทำกับพี่แบบนั้นแน่  คุณจุ๋มเป็นคนให้บริษัทพี่น้อยมาทำงานก็จริง แต่ผู้ว่าจ้างหลักคือสปอนเซอร์  มันเป็นการทำงานร่วมคนละเจ็ดสิบสามสิบ  พี่ดาวก็น่าจะพอเดาออก ว่าใครมีอำนาจมากกว่า  คุณจุ๋มไม่ได้ว่าจ้างพี่ดาวโดยตรง เค้าแค่เอาลำตัดมาเสนอกับคนจัดงาน  จริงๆแล้วพี่น้อยก็ไม่เห็นชอบด้วยตั้งแต่แรก เพราะว่าลำตัดเป็นอะไรที่สื่อสารได้ยากกับคนต่างชาติ แต่ทางสปอนเซอร์หลักอย่างคุณนายหมีกลับเห็นชอบ  ทุกอย่างก็เลยมาบังเอิญอย่างที่เป็นเนี้ยแหละค่ะ”

       “ เฮ้อ ความเกลียดชังทำให้มนุษย์เราทำอะไรซับซ้อนจริงเนอะ  ถึงเค้าจะไม่จ่ายเงินพี่ พี่ก็ไม่ได้เดือดร้อน พี่จะถือว่าพี่มาเที่ยวล่ะกัน ”

       “ พี่ดาวไม่เดือดร้อนเลยเหรอคะ  พี่ดาวต้องขายหน้ามากเลยนะคะที่จะไม่มีคนดูลำตัด พี่ดาวไม่โกรธเลยเหรอคะ ”

       “ พี่เชื่อว่าคนอย่างพี่น้อยคงไม่ทำให้งานอีเว้นท์ของตัวเองขายหน้าซ้ำสองหรอก เพราะงานทุกครั้งมันก็ต้องเป็นทอล์กออฟเดอะทาวทุกทีนิ มุขแก๊สน้ำตาคงใช้ที่ไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะโดนข้อหาก่อการร้ายนะจะบอกให้ ”

       “ ทรายก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าพี่น้อยจะจัดการกับลำตัดยังไง แต่ทรายแค่มาเตือนให้พี่ดาวระวังตัว ทุกอย่างที่ทรายบอกไป ก็เพื่อไถ่โทษในสิ่งที่ทรายทำไปครั้งนั้นนะคะ ” ทรายกุมมือดาว ในแววตามีน้ำตาคลอที่เบ้าพร้อมที่จะปล่อยโฮออกมา  ดาวใช้มืออีกข้างนึงหยิบผ้ามาเช็ดน้ำตารอบๆดวงตาของทรายก่อนที่มันจะไหล  “ ถ้าฝุ่นเข้าตาก็ไปล้างน้ำซะนะ อย่าร้องเลย และทรายก็ไม่ต้องมาทำอะไรไถ่โทษพี่ด้วย  แค่คำขอโทษอย่างจริงใจก็พอแล้ว  เช็ดน้ำตาเองเสร็จ ก็เอาผ้าไปผึ่งด้วยนะ สงสัยแม่บ้านคงเช็ดโต๊ะแล้วทิ้งไว้  ถ้าหมดเรื่องแล้ว งั้นพี่ขอกลับห้องนะ ”

       “​ เดี๋ยวก่อนค่ะ ” เสียงเปิดประตูอีกห้องหนึ่งดังขึ้น “ สงสัยมากันแล้ว  พี่ดาวมาฟังที่ประตูห้องนี่เร็ว ” ทรายรีบดึงตัวดาวก้มต่ำลงมา แล้วแนบหูฟังไปที่บานประตูผนังห้อง  เสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาที่ห้องใหญ่ คนทั้งสองกระโดดลงบนเตียงและหัวเราะเสียงดังคิกคักกันอย่างสนุกสนาน ดาวรู้สีกคุ้นหูกับเสียงหัวเราะร่วนเชิงหยอกเย้าของผู้ชายและผู้หญิง

       “ จริงๆไม่น่าจะมาห้องนี้นะ ไม่รู้เด็กๆมันจะขึ้นมาทำงานกันอีกหรือเปล่า ” เสียงของผู้หญิงที่ดังขึ้นมาก็คือเสียงของ’พี่น้อย’  ดาวอดใคร่ที่จะรู้ไม่ได้ว่าคนที่อยู่ในห้องกับพี่น้อยอีกคนนั้นคือใคร  “ โธ่พี่ ใครๆในบริษัทก็รู้กันหมดแล้ว พี่จะอายทำไมล่ะครับ”  เสียงของบุคคลที่สองก็คือเสียงของ’พี่เอก’นั่นเอง  ดาวมองหน้าทรายด้วยความตกใจ แต่ทรายก็พยักหน้าบอกว่านี่แหละคือความลับที่อยากให้เธอรู้

       “ บางทีพี่ก็อายเด็กมันนะเอก”

       “ ​ผมเช็กแล้วครับ ทีมงานเมาหลับในห้องกันหมดแล้ว ทางสะดวกแน่นอนครับ ”

       “ รอบคอบตลอดเลยนะ มิน่าล่ะ เอกปิดอีดำดาวนั่นซะเนียนเชียว ”

       “ ผมไม่ได้ปิดนะ แต่อีดำนั่นมันหลงผมหัวปักหัวปำจนตามืดตามัวเอง  พี่ไม่น่าให้มันมาที่นี้ด้วยเลย ผมต้องปั้นหน้าหล่อสุภาพบุรุษใส่มันอีก ผมเบื่อแล้วนะพี่  ลูบหัวอีดำทีไรผมต้องล้างมือทุกที หัวอีนั้นทั้งมันและหยิกสากมือผมไปหมด   พี่อย่าเพิ่งมาพูดเรื่องนี้สิ ผมไม่ไหวแล้วนะครับ ตั้งแต่มาอยู่เนี้ย ผมไม่มีโอกาสอยู่กับพี่เลย น้องแอ้มติดผมแจเป็นตุ๊กแกเลย ”

       “ เอาน่ะ ประจบประแจงตามใจนังแอ้มไปก่อน แล้วก็อย่าลืมหว่านเสน่ห์ใส่อีดำมันด้วย ยังไงมันก็เชื่องกับเอกคนเดียวอยู่แล้ว  จำไว้ว่าทำเพื่องาน เออ แล้วแน่ใจหรือเปล่าว่านังแอ้มมันหลับไปแล้ว ”

       “ กระดกไวน์ไปหกแก้วหลับสนิทเลยครับ  พี่อ่ะ มานี่เลย มาให้ผมกอดหน่อยเร็ว”

       “ โอ้ยใจเย็นสิเอก โอ้ย โอ้ย  พี่จั๊กกะจี้นะ โอ้ย อ้าา... ”


        ดาวเอาหูออกจากฝาประตู เพราะเธอไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป  น้ำตามันไหลพรากออกมาไม่รู้ตัว สิ่งที่ทำให้เธอสะเทือนใจก็คือการถูกหักหลังจากบุคคลที่เธอเคยรักและศรัทธา ทั้งพี่น้อยและพี่เอกให้ความเอ็นดูกับเธอมาตลอด ไม่เคยรังเกียจหรือดูถูกในตัวตนของดาวเลย  แต่เมื่อลับหลัง ทั้งสองกลับแสดงธาตุแท้ออกมาไม่ต่างจากคนอื่น
  

>>>มีต่อด้านล่างค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่