ศาสนาพุทธห้ามฆ่าสัตว์แล้วทำไมจึงกินเนื้อสัตว์ที่มาจากการฆ่า

การฆ่าสัตว์เป็นบาป(ฆ่าด้วยตัวเอง) แต่การกินเนื้อสัตว์ที่คนอื่นฆ่าโดยที่เราไม่มีส่วนร่วมในการลงมือสังหารถือว่าเป็นเรื่องไม่ผิดศีล ไม่บาป ศาสนาพุทธสอนมาแบบนี้ไหม   ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆผมมองว่าคนที่เป็นคนลงมือฆ่าเป็นคนเสียสละ เพราะยอมเป็นคนบาปเพื่อให้คนอื่นๆมีอาหารกิน และคนอื่นๆก็ไม่ได้ทำผิดศีลด้วย?????
     ปกติสมัยเด็กๆผมมักจะเป็นคนฆ่าเป็ด ไก่ หมู อยู่เสมอ ผมฆ่าเพื่อนำมาประกอบอาหาร ก็ไม่รู้ว่าการเป็นชาวพุทธที่ดีหากต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ต้องรอให้มันตายเองตามธรรมชาติหรือเปล่าจึงจะนำมากินได้เพื่อจะได้ไม่ผิดศีล  หากต้องรอแบบนี้จริงๆผมก็คงต้องเลือกเป็นคนบาปเพื่อการมีชีวิตรอด
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
พุทธนิกายอื่นและแถวอื่น ไม่กินเนื้อสัตว์ครับ
แต่แถวเรากินครับ

มันบาปแหละครับแต่แถวเราแถเอาว่า คนกินไม่บาป

พระพุทธเจ้าจะไม่รู้จักหลัก Demand Supply เลยก็ไม่ใช่ เพราะหลักนี้พ่อค้าใช้มาหลายพันปีละ

ถ้าไม่กินมันก็ไม่มีึคนฆ่าหรอกครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ให้ดูที่ผลสำเร็จของกรรมว่ากรรมนั้นๆ สำเร็จผลลงที่ตรงไหน.....บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผลสำเร็จของกรรมย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นๆ ตามส่วนของตน



"การฆ่าสัตว์"....กรรมสำเร็จผลลงที่ความตายของสัตว์นั้น  ดังนั้น คนฆ่า  และรวมถึง ผู้ที่สั่งให้ฆ่า  ผู้สนับสนุนให้ฆ่า  ผู้ที่รู้เห็นเป็นใจในการฆ่า ย่อมเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับผลสำเร็จของกรรมนั้น  ย่อมเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้นตามส่วนของตน.....ส่วนคนที่ซื้อเนื้อสัตว์ไปบริโภคในภายหลัง  หากไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการฆ่าย่อมไม่ต้องรับผลแห่งกรรมอันเกิดจากการฆ่าสัตว์ตัวนั้น....เพราะกรรมอันเกิดแต่การฆ่ามันได้สำเร็จผลไปก่อนหน้านั้นแล้ว


แต่หากผู้ซื้อเป็นผู้สั่งให้ฆ่า  กรณีนี้ผู้ซื้อก็ต้องรับผิดในบาปกรรมอันเกิดแต่การฆ่าสัตว์ตัวนั้นเช่นกัน  เพราะเค้าได้ฆ่าสัตว์ตัวนั้นตามคำสั่งซื้อที่ตนได้ให้ไว้....แต่หากไปเลือกซื้อเนื้อสัตว์ตามตลาด ตามซุปเปอร์มาเก็ต โดยที่ตนมิได้สั่งให้ผู้ใดฆ่า  มีก็ซื้อ  ไม่มีก็ไม่ซื้อ  เช่นนี้แล้วก็ไม่ผิดบาปอะไร




แต่ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าหากคนเชื่อในเรื่องบาปกรรมที่พระพุทธเจ้าสอนแล้วจะไม่มีคนฆ่าสัตว์....เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนในโลกที่จะเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า  แม้แต่ในสมัยพุทธกาลที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนชีพอยู่ก็มีคนมากมายที่ไม่ได้เชื่อและศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า....มันจึงยังมีคนอีกมากที่ยึดอาชีพที่มิใช่สัมมาอาชีวะ  คือยังประกอบอาชีพที่เป็นการก่อบาปสร้างกรรมอยู่  เช่น อาชีพเพชรฆาต  อาชีพฆ่าสัตว์  อาชีพค้าอาวุธ  อาชีพค้าสุรายาเมา เป็นต้น




หรือแม้แต่อาชีพ ผู้พิพากษา ซึ่งก็มิใช่สัมมาอาชีวะ ในแต่ละปีก็ยังมีคนหลายหมื่นคนสมัครสอบแข่งขันเข้ามารับราชการในตำแหน่งตุลาการเพื่อมาตัดสินชีวิตผู้อื่น  ทั้งนี้เพราะอำนาจ ชื่อเสียงเกียรติยศ ผลตอบแทน และความยอบรับนับถือทางสังคม มันผลักดันให้คนหลายหมื่นคนอยากเข้ามาประกอบอาชีพนี้....หากมีผู้พิพากษาคนใดลาออกไป ก็ยังมีคนอีกหลายหมื่นคนที่อาสาต้องการเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทน  โลกนี้จึงไม่เคยว่างเว้นจากการมีอาชีพผู้พิพากษา




สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจึงเป็นโลกธรรม เป็นธรรมดาของโลกที่ต้องเป็นไป  แม้พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้เพื่อประกาศธรรมสอนโลกก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกธรรมเหล่านี้ได้....มันจึงอยู่ที่ว่าใครจะเชื่อถือศรัทธาและปฎิบัติตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน....หากใครที่เชื่อพระพุทธเจ้าก็จะเลือกประกอบสัมมาอาชีวะ  ละเว้นไม่ประกอบอาชีพที่มีส่วนในการกระทำผิดบาป  ส่วนอาชีพผิดบาปเหล่านั้นก็ย่อมมีผู้อื่นมารับทำไปอยู่ดีเพราะมันเป็นธรรมดาของโลกดังที่ได้กล่าวมาแล้ว



วิถีแห่งโลก กับ วิถีแห่งธรรม จึงเดินสวนทางกันเสมอ....วิถีแห่งโลกเป็นไปเพื่อสนองต่อกิเลสตัณหาในจิตใจ แสวงหาให้ได้มาซึ่งเงินคำทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกียรติยศ  ความนับหน้าถือตา ความยอมรับทางสังคม  แต่วิถีแห่งธรรมเป็นไปเพื่อมรรคผลนิพาน มีแต่ความลดละขัดเกลา เสียสละ หลุดพ้นปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินเงินทองชื่อเสียงเกียรติยศทั้งปวง


มหาราชที่โลกยกย่อง จึงเป็นกษัตริย์ชาตินักรบ  ทำสงครามขยายเขตแดนแผ่แสงยานุภาพไม่มีที่สิ้นสุด....แต่มหาบุรุษในทางธรรม กลับเป็นเจ้าชายเชื้อสายกษัตริย์สากยะวงค์ที่ทรงสละสิ้นทั้งราชศักดิ์และสมบัติทั้งปวงเพื่อแสวงหาโมกขธรรมอันเป็นธรรมเพื่อความหลุดพ้น.....วิถีแห่งโลก กับ วิถีแห่งธรรม จึงเดินสวนทางกันเช่นนี้แล



เรื่องบาปกรรมในทางพระพุทธศาสนาก็ได้ตอบมาโดยสังเขปแล้ว  ก็สุดแท้แต่ผู้ใดจะพิจารณาโดยแยบคายนะครับ....เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจเป็นอย่างเดียวกัน  เป็นธรรมดาของโลกอีกเช่นกันที่ต้องมีผู้เห็นต่าง  สุดแท้แต่ว่าจะเห็นตามผู้ใด  หากเห็นตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนก็ดำเนินชีวิตไปตามมรรค 8 อันมีสัมมาอาชีวะเป็นต้น....หากเห็นแก่เกียรติยศชื่อเสียงเงินทอง ก็ทำได้ทุกอาชีพไม่มีข้อห้ามอะไร....ทุกอย่างจึงอยู่ที่คนแต่ละคนจะเลือกทำครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่