มีใครรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณนักวิทยาสาสตร์บ้าง

ผมแค่รู้สึกว่าตั้งแต่เราเกิดจนตายถ้าเทียบเป็นปริมาณหน่วยต่อหน่วยในการให้สิ่งต่างๆ กับเราแล้วผมกลับคิดว่าบรรดานักวิทยาศ่สตร์ต่างๆ ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาใด้ทิ้งสิ่งดีๆให้กับเรามากมาย  ผมไม่กล้าเอามาเปรียบเทียบกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์นะ แต่แค่คิดออกมาเป็นหน่วยต่อหน่วยเล่นๆ  บวก ลบ คูณ หาร แล้วผมกลับคิกต่างว่านักวิทยาศาสตร์ให้เราเยอะที่สุด  

เอาตั้งแต่เราตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว ขับรถออกจากบ้าน ไปทำงานพักเที่ยง ตอกบัตรกลับบ้าน กินข้าวอาบน้ำ นอน  แทบจะเกี่ยวข้องกับวิทยาการแทบทุกวินาที มันทำให้เราแตกต่างจากสัตว์ทั่วๆ ไปอย่างสิ้งเชิง

คือผมแค่คิดและแปลกใจเล่นๆว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ของโลกเลยก็ว่าใด้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่มีบุญคุณกับเราหรือสิ่งที่เราควรจะเคารพนับถือ  อันดับต้นๆ ก็จะเป็น สาสดา พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซึ่งไม่ผิดหรอกผมเองก็นับถือ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เช่นกัน    

แต่นักวิทยสาสตร์แทบจะไม่ติดอันดับในเรื่องความรู้สำนึกบุญคุณ ที่เราควรจะนึกถึงหรือยืนเคารพเพื่อนึกถึงบุญคุณเดือนละครั้งก็ยังดี

หรืออาจเป็นเพราะว่านักวิทยาสาสตร์เป็นบุคลสามัญธรรมดา หรือมีมากเกินไปจนเราโฟกัสเป็นสัญลักษณ์ไมใด้  หรือความเป็นจริงเขาไม่ใช่ผู้เสียสระที่แท้จริงกันแน่


เปรียบเทียบหากผมเดินหลงป่ามีทางเลือกแค่สองทาง  ทางที่ 1 ผมเดินไปผมตายแน่ๆ เพราะมีสัตว์ร้ายมากมาย   แต่ ทางที่ 2 ผมจะเดินไปสู่แหล่งน้ำอย่างปลอดภัย
ขณะที่ผมตัดสินใจเลือกทางเดิน  พ่อแม่ผมคอยให้ข้าวให้น้ำผมตลอดทาง ผมมีกำลังใจตลอดทางจากคำสอนของสาสดาที่ผมนับถือ และไม่ลืมบุญคุณครูบาอาจารย์ที่สอนผมใช่ชีวิตในป่า   แต่ถึงอย่างไรผมก็มีโอกาสตาย  50%  หากผมเดินไปทางที่1    

แต่นักวิทยาศาสตร์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฟันธงให้ผมเดินทางที่สองเท่านั้นเพราะเขาบอกผมว่ามันคือ                    ........ Fact........
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 47
เรื่องนี้ไม่ใช่ยกนักวิทยาศาสตร์มาแล้วมาหาว่าควรจะเป็นหนี้บุญคุณหรือไม่เป็นตรงไหน
หากแต่ให้มองย้อนกลับ ว่าคนที่เรารู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณน่ะ ได้ทำคุณประโยชน์กับเราเท่ากับนักวิทยาศาสตร์หรือไม่อย่างไร
...เน้น ว่ากับตัวเรา ไม่ใช่กับโลก แต่ถ้ากับโลกแล้วผลนั้นย้อนกลับมาหาเราก็อาจนับ

ส่วนที่ว่านักวิทยาศาสตร์จะได้ประโยชน์ในทางใดหรือไม่ก็ไม่เกี่ยว ให้มาเทียบกับคนอื่นด้วยว่าเขาได้ประโยชน์ด้านใดด้วยหรือไม่
ทำไมถึงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับคนเหล่านั้นได้ แต่กลับนักวิทยาศาสตร์ถึงไม่ได้คิดเช่นนั้น

ซึ่ง มันก็จะได้คำถามที่ว่า ที่เรารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณใครหรือไม่ มันเพราะตัวเราสำนึกในบุญคุณของคนผู้นั้นเอง
หรือว่าสำนึกบุญคุณเพียงเพราะสังคมบอกให้เชื่อว่าสมควรจะสำนึกบุญคุณในคนเหล่านั้น
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
มีใครรู้สึกเป็นหนี้ธนาคารบ้างไหมครับ??

ยิ้มยิ้มยิ้ม
ความคิดเห็นที่ 6
ผมรู้สึกแบบนั้นเหมือนกันครับ
และผมก็รำลึกอยู่เสมอๆว่างานที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ในอดีตทั้งแนวคิด ทฤษฎี สิ่งประดิษฐ์ ทำอะไรให้เราบ้าง ผมเฝ้าสอนและบอกต่อสิ่งเหล่านี้กับทั้งเด็กๆและเพื่อนๆเป็นแรงบันดาลใจและตัวตอกย้ำความสำคัญของศาสตร์นี้ต่อชีิวิตยุคใหม่อยู่เสมอๆ

เอาจริงๆถ้าไม่นับพ่อแม่คนรู้จัก ครู ฯลฯ บุคคลทางประวัิติศาสตร์ที่ผมคิดว่าผมควรขอบคุณพวกเขามากที่สุดคือบรรดานักวิทยาศาสตร์ นักวิศวกรรม นักประดิษฐ์นี่แหละ
ความคิดเห็นที่ 39
เพจ
Spartan Doctor
# ผมชอบคำพูดสุนทรพจน์ตอนหนึ่งมากๆ #
ในตอนจบของการ์ตูน " สิงห์ผจญเพลิง " กล่าวไว้โดยหัวหน้าสถานีดับเพลิง คุณโกมิ ที่พูดว่า

" ผมชอบเล่นปาจิงโกะ ชอบกินมันเผา ชอบผู้คนในเมืองเล็กๆนี้ เรามาสร้างเมืองที่มีแต่ความสงบสุขโดยทำให้ปลอดจากอัคคีภัยกัน ถ้าทุกคนไม่ต้องสูญเสียไปกับเพลิงไหม้ เราก็จะได้อยู่กับสิ่งที่ชอบไปทุกวัน "

นี่เป็นสิ่งที่ผมเอามาใช้เป็นแง่คิดเวลารักษาคนไข้ด้วยเช่นกัน

" ผมชอบกินอาหารอร่อยๆ พักผ่อน ช๊อปปิ้ง ใช้ชีวิตสบายๆในเมืองที่ผู้คนทำงานทำหน้าที่ตัวเองอย่างดีจนมีแต่สิ่งอำนวยความสะดวกสบายๆให้เราอยู่เราใช้

ถ้าผมรักษาคนไข้ให้หาย กลับบ้านได้เร็ว คุณลุงก็จะได้กลับไปทำนา ปลูกผลไม้ , ลูกสาวที่มาเฝ้าไข้จะได้กลับไปเปิดร้านกาแฟ เบเกอรรี่ต่อ , นักเรียนจะได้กลับไปเรียนศึกษาต่อ , พ่อแม่จะได้กลับไปทำมาอาชีพหาเงินต่อ ฯลฯ

ถ้าผมที่เป็นแพทย์พยายามได้ดีจนทุกคนต้องมาเสียเวลาช่วงเจ็บป่วยให้น้อยที่สุด ทุกคนก็ได้กลับไปทำหน้าที่สร้างเมืองที่ดี เศรษฐกิจที่ดี แล้วความสุขและสะดวกสบายก็จะตอบแทนกลับคืนผมเอง "

--------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่