สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ระวังนะคะ เห็นหลายรายแล้วที่ให้พ่อแม่เลิกทำงานอยู่กับบ้าน พ่อแม่ก็ป่วย เฉา บางรายเป็นอัลไซเมอร์ไปเลย
การที่แม่คุณได้ออกไปที่ตลาด เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
ได้พบเจอ พูดคุยกับผู้คนต่างๆที่คุ้นเคยกัน
นอกจากเรื่องความภูมิใจที่จะหาเงินใช้เอง อย่างที่แม่คุณว่าแล้ว
ถ้าคิดว่าท่านเหนื่อยเกินไป ชวนให้ท่านมีวันหยุดซักสัปดาห์ละวัน สองวันจะดีกว่า
ให้ท่านได้พัก ไปหาหมอ ไปทำบุญ
การที่แม่คุณได้ออกไปที่ตลาด เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
ได้พบเจอ พูดคุยกับผู้คนต่างๆที่คุ้นเคยกัน
นอกจากเรื่องความภูมิใจที่จะหาเงินใช้เอง อย่างที่แม่คุณว่าแล้ว
ถ้าคิดว่าท่านเหนื่อยเกินไป ชวนให้ท่านมีวันหยุดซักสัปดาห์ละวัน สองวันจะดีกว่า
ให้ท่านได้พัก ไปหาหมอ ไปทำบุญ
ความคิดเห็นที่ 19
ผมแนะนำเลยครับว่า อย่าไปห้าม เพราะนั้นคือชีวิตของคุณแม่ของคุณ ถ้าคุณไปห้ามท่าน ชีวิตเขาเปลี่ยน แล้วมันจะส่งผลอย่างอื่นตามมามากเลยครับ เพราะคนในวัยนี้ จะให้ท่านนั่งๆนอนๆ ชีวิตมีแต่ทรุดโทรมลง หากให้ท่านได้ทำอะไรบ้าง ได้คิด ได้ออกแรง ผมว่าท่านจะแข็งแรงมากกว่าอยู่เฉยๆ
ผมยกตัวอย่างผู้สูงอายุในครอบครัวผมแล้วกันครับ
1. คุณย่า คุณย่าผมขายข้าวแกงที่หน้าสถานีตำรวจกาญจนบุรีตั้งแต่ก่อนผมเกิดเสียอีก คุณย่าเลี้ยงลูกตามลำพังเพราะปู่เสียต้องแต่อายุยังน้อย จนการขายข้าวแกงมันเป็นชีวิตของย่าไปแล้ว หลังจากที่ต้องเลิกขายเพราะทางสถานีตำรวจจะเอาที่คืน หลังจากนั้นผมเห็นย่ายังคงไปตลาดทุกเย็น เดินไปเอง บางครั้งไม่ได้ซื้ออะไร แต่ท่านต้องเดินไปหาผู้คน แม่ค้าที่เคยเจอกันอยู่ทุกวัน ไปอย่างนั้นจนท่านเดินไม่ไหวจึงเลิกไปเอง ผมว่าท่านเดินไปหาชีวิตเก่าๆของท่านคืน
2. คุณตา คุณตาผมเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์อากาศยานของการบินไทย หลังจากเกษียณอายุออกมา ท่านมีห้องเครื่องมือเล็กๆ หลานๆเรียกกันว่าห้องแล๊ปของคุณตา ทุกวันนี้คุณตาก็ขลุกอยู่แต่ในห้องนี้ ซ๋อมโน่นซ่อมนี่ หาซื้อเครื่องยนต์เก่ามาซ่อม ซ่อมเสร็จก็แจกลูกหลาน ซึ่งคนรับไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรต่อ แต่มันคือความสุขของคุณตา ทุกวันนี้คุณตาอายุ 85 แล้ว ยังเดินตลาดคลองถมกลางวันแดดเปรี้ยงๆได้สบายๆ ในขณะที่เพื่อนคุณตาไปนอนเล่นกันสบายๆเกือบหมดแล้ว
3. คุณพ่อผมเอง คุณพ่อผมเป็นหมอ หลังจากเกษียณอายุราชการมาแล้ว ท่านไม่มีคลินิคของตัวเอง ท่านใช้เวลาหลังเกษียณไปกับการซ่อมแซมบ้านอยู่ 6 เดือนหลังจากนั้นจึงขอกลับมาเป็นจิตอาสาของโรงพยาบาลเดิมที่พ่อเคยทำงาน ช่วยคัดกรองผู้ป่วย บางครั้งก็ทำเกินหน้าที่ของจิตอาสาไปบ้าง แต่นี่ก็ 6 ปีแล้วที่ท่านกลับไปทำงานโดยไม่ได้เงินตอบแทน ได้เพียงข้าวกลางวันฟรี กับเงินบำนาญ แต่ผมเห็นท่านมีความสุขครับ
ผมยกตัวอย่างผู้สูงอายุในครอบครัวผมแล้วกันครับ
1. คุณย่า คุณย่าผมขายข้าวแกงที่หน้าสถานีตำรวจกาญจนบุรีตั้งแต่ก่อนผมเกิดเสียอีก คุณย่าเลี้ยงลูกตามลำพังเพราะปู่เสียต้องแต่อายุยังน้อย จนการขายข้าวแกงมันเป็นชีวิตของย่าไปแล้ว หลังจากที่ต้องเลิกขายเพราะทางสถานีตำรวจจะเอาที่คืน หลังจากนั้นผมเห็นย่ายังคงไปตลาดทุกเย็น เดินไปเอง บางครั้งไม่ได้ซื้ออะไร แต่ท่านต้องเดินไปหาผู้คน แม่ค้าที่เคยเจอกันอยู่ทุกวัน ไปอย่างนั้นจนท่านเดินไม่ไหวจึงเลิกไปเอง ผมว่าท่านเดินไปหาชีวิตเก่าๆของท่านคืน
2. คุณตา คุณตาผมเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์อากาศยานของการบินไทย หลังจากเกษียณอายุออกมา ท่านมีห้องเครื่องมือเล็กๆ หลานๆเรียกกันว่าห้องแล๊ปของคุณตา ทุกวันนี้คุณตาก็ขลุกอยู่แต่ในห้องนี้ ซ๋อมโน่นซ่อมนี่ หาซื้อเครื่องยนต์เก่ามาซ่อม ซ่อมเสร็จก็แจกลูกหลาน ซึ่งคนรับไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรต่อ แต่มันคือความสุขของคุณตา ทุกวันนี้คุณตาอายุ 85 แล้ว ยังเดินตลาดคลองถมกลางวันแดดเปรี้ยงๆได้สบายๆ ในขณะที่เพื่อนคุณตาไปนอนเล่นกันสบายๆเกือบหมดแล้ว
3. คุณพ่อผมเอง คุณพ่อผมเป็นหมอ หลังจากเกษียณอายุราชการมาแล้ว ท่านไม่มีคลินิคของตัวเอง ท่านใช้เวลาหลังเกษียณไปกับการซ่อมแซมบ้านอยู่ 6 เดือนหลังจากนั้นจึงขอกลับมาเป็นจิตอาสาของโรงพยาบาลเดิมที่พ่อเคยทำงาน ช่วยคัดกรองผู้ป่วย บางครั้งก็ทำเกินหน้าที่ของจิตอาสาไปบ้าง แต่นี่ก็ 6 ปีแล้วที่ท่านกลับไปทำงานโดยไม่ได้เงินตอบแทน ได้เพียงข้าวกลางวันฟรี กับเงินบำนาญ แต่ผมเห็นท่านมีความสุขครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอคำแนะนำหน่อยครับ ไม่อยากเห็นแม่ไปขายน้ำพริกตามตลาดแล้ว
ครอบครัวผมประกอบไปด้วย แม่ พี่สาว พี่เขย พี่ชาย และผมครับ
โดยส่วนตัวผมประกอบอาชีพเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อยู่ทางภาคใต้และกำลังศึกษาปริญญาโทอยู่ด้วยครับ ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่
พี่สาวผมเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพครับ
ส่วนแม่ผม พี่ชาย และพี่เขยจะขายน้ำพริกตามตลาดครับ นอกจากนี้ยังมีหลานอีกสองคนที่ต้องดูแล (ลูกพี่สาวและพี่ชาย)
ส่วนฐานะครอบครัวอยู่ในระดับปานกลางครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ
ทุกๆวันแม่ผมต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปตลาดไปซื้อของมาทำน้ำพริก เมื่อซื้อของกลับมาแล้วก็จะมีพี่เขยและพี่ชายช่วยกันทำน้ำพริก โดยหลักๆก็จะมี น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกแมงดา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาทู ครับ โดยกว่าจะทำเสร็จกันก็ประมาณบ่ายสอง จากนั้นก็ไปขายที่ตลาดเวลาบ่าย 3 โดยแม่ พี่ชาย พี่เขย จะขายกันคนละที่ครับ (ที่จริงมีพ่อด้วยแต่พ่อเพิ่งเสียไปเมื่อปีที่แล้ว) ขายเสร็จแต่ละวันก็คือตลาดปิดประมาณ 2-3 ทุ่มครับ กลับมาก็นั่งเล่นกับหลานจนกว่าหลานจะหลับอีก กว่าจะได้เข้านอนแต่ละวันก็ประมาณ 4-5 ทุ่มครับ
สูตรน้ำพริกต่างๆแม่ผมเป็นคนทำเองครับ เพราะว่าพ่อผมเป็นพ่อครัวอยู่ทางใต้ ส่วนแม่ผมก็เป็นแม่ศรีเรือนทางภาคเหนือ จึงได้สูตรน้ำพริกทั้งทางเหนือและทางใต้ มีลูกค้าประจำครับ ถ้าฝนไม่ตกหรือไม่เข้าช่วงเทศกาลก็จะขายดีครับ โดยน้ำพริกจะไม่ใส่สารกันบูดครับ จึงอยู่ได้ไม่นาน
จริงๆแล้วผมกับพี่ๆก็บอกแม่ผมว่าไม่ต้องขายแล้ว อยู่บ้านเลี้ยงหลานก็พอ แกอายุ 56 แล้ว แต่แม่ผมก็ดื้อครับ แกบอกแกชอบทำน้ำพริกขาย แกบอกเวลาแกไปไหน อยากได้อะไรจะได้มีเงินซื้อเอง ไม่อยากรบกวนลูกๆ พี่สาวผมจะรับภาระในส่วนของลูกและหลาน ส่วนในเรื่องของบ้านก็ช่วยๆกันครับ(แต่ผมจะไม่ค่อยได้ช่วยเท่าไหร่ เพราะค่าใช้จ่ายของผมเองก็สูงมาก แต่ก็มีเงินก้อนสำรองไว้เวลาทางบ้านเดือดร้อนผมก็ส่งให้)
ตอนนี้ผมอยากจะให้แม่ผมมีธุรกิจน้ำพริกที่ไม่ใช่แค่ทำแล้วไปนั่งขายตามตลาดอะครับ จริงๆก็อยากจะให้ทำเป็นผลิตภัณฑ์อะไรแบบนี้ขายไปเลยแต่ผมไม่มีความรู้ บวกกับที่บ้านไม่อยากใส่สารกันบูดครับ
ผมแค่อยากเห็นแม่อยู่อย่างสบายๆบ้าง อยากหาโอกาสสร้างฐานะให้ครอบครัวดีขึ้นกว่านี้ด้วยครับ เพราะลำพังผมตอนนี้ต้องรอจบปริญญาโท และคาดว่าคงจะมุ่งเป้าปริญญาเอกต่อ กว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระได้จริงๆก็คงอีกสักพัก (ตอนนี้ทำได้แค่ไม่รบกวนทางบ้าน)
ใครพอมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมครับ ขอบคุณครับ
ปล.จริงๆผมอยากรู้ว่า ขายน้ำพริก กับ E-Commerce มันไปด้วยกันได้ไหม เพราะผมอยากทำธุรกิจ E-Commerce ด้วย จะได้เอาความรู้ที่มีมาใช้งาน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี