ผมไปรับของสมมนาคุณกับภรรยา ที่ชิเซโด้ สาขาโรบินสันอุดรธานี
มีพนังงานคนอวบๆ เหมือนจะมีอายุแต่ไม่มาก หน้าไม่รับแขกเลย บริการไม่ดี (คงเพราะใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์มั้ง)
พอไปถึงก็แจ้งว่าจะมารับของฯ แล้วพอดีหันไปเห็นว่ามี ตั้งโต๊ะ มาคส์หน้าแต่งหน้า ฟรี ก็เลยถามเธอ เธอก็ตอบรับว่าคะ แต่ไม่ชวน ภรรยา
ผมก็บอกไปว่า "เอ๋ปกติจะมีโทรบอกนะคะ" เธอไม่มีการตอบยังทำหน้าไม่รับแขกเหมือนเดิม จากนั้นภรรยาผมก็สั่ง โทนเนอร์ไป 1 ขวด
พนักงานอีกคน(ดูแลดีกะวีกะวาดจัดการให้) ผมซึ่งอยู่ตรงนั้นก็หันไปดูที่โต๊ะมาคส์หน้า เห็นไม่มีคน จึงถามว่า มาคส์ได้ไหมคับ เธอตอบว่า
ได้คะแต่นานนะ(ผมคิดไม่มีคนเนี่ยนะ นาน) พอจ่ายเงินเสร็จก็ไปมาคส์หน้า ผมนั่งดูอยู่ (พอจะมีพื้นฐานการแต่งหน้าอยู่บ้าง) เธอทำหน้า
ลูกค้าไม่ถนุถนอมเลย เริ่มตั้งแต่เช็ดหน้า แล้วก็มาคส์หน้า (มาคส์แบบบางชนิดเห็นรูขุมขน แล้วบีบใส่นิ้ว นิดเดียว แล้วพยายามเกลีย แต่ผม
ขอใช้คำว่าถู แต่สุดท้ายก็ไม่เสมอ ไม่ทั่วหน้า) เนื่องจากมันบางมากไม่นานก็แห้ง ตอนแห้งแล้วยังต้องเรียกให้มาดู แต่ระหว่างรอ ก็มีลูกค้า
เดินผ่านที่เคาร์เตอร์ ผมเห็นเธอรีบกุลีกุจอ ไปสวัสดีทักทาย (มันต่างกันมาก) พอทักทายเสร็จเธอก็กลับมาที่ภรรยาผม แล้วก็บอกว่า ที่นี่ลูกค้า
เวียงจันทร์มี 20 คนไทย 3 คน (ผมฟังแล้วเหมือนจะบอกว่าลูกค้าเวียงจันทร์ต้องดูแลดีกว่าคนไทย) ที่สำคัญตอนล้างหน้าที่มาคส์ไว้ เธอใช้น้ำ
ในอ่างเก่าของลูกค้าก่อนหน้า น้ำนี่ขุ่นเลย (ผมอยากจะบอกว่าถึงไม่ต้องมีความรู้ก็น่าจะรู้ว่ามันควรจะเป็นน้ำสะอาด แต่ภรรยาผมไม่เห็น คือ
ผมเห็นแล้วว่าภรรยาผมไม่พอใจเพราะเธอทำแรง ไม่มีการถามลูกค้าเลยว่าแรงไปไหม ไม่สังเกตุสีหน้าลูกค้าเลย) หลังจากล้างเสร็จแล้วก็เช็ด
โทนเนอร์(ภรรยาผมมาอ่านแล้วบอกว่าไม่เช็ดโทนเนอร์ด้วยซ้ำ สำลีที่เห็นเป็นแค่มาเช็ดน้ำหลังจากล้างหน้า) แล้วไม่มีการลงครีมบำรุง แต่ใส่ซีรั่มแทน (ยังคงทาหน้าแรงเหมือนเดิม) ลงท้ายด้วยการลงแป้งฝุ่น ใช้แปรงปัดๆ แล้วใช้
ฟลับตบๆๆๆ (ผมเห็นแล้วยังตกใจ แรงมาก) พอเสร็จแล้วผมและภรรยาก็มองหน้ากัน จากนั้นก็เดินออกมา พนักงานคนอื่นยังมาขอบคุณ
ด้วยหน้าที่ยิ้มแย้ม (แต่เธอไม่)
อยากบอกว่าอารมร์เสียมาก แต่ฟ้ามืดก็ยังมีสว่าง เราเดิมออกมาจากชิเซโด้ ไม่ไกลมาก ก็มีพนังงานเข้ามาทักเรา (ไม่ใช่ใครผู้จัดการที่เคยอยู่ชิ
เซโด้นิเอง) สวัสดีค่ะ.......วันนี้มาทำอะไรกันค่ะ (ทักทายตามปกติด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม) แล้วก็แนะนำสินค้า (เคาร์เตอร์อื่น) แถมด้วยตัวอย่าง
ทดลอง แล้วยังฝากให้กับเพื่อนที่เคยมาด้วยกันอีกด้วย (ระหว่างสนทนายังหันมาทักผมด้วย คุณพี่ยังหน้าใสเหมือนเดิมนะค่ะ) ผมอยากจะ
บอกว่าพี่คนนี้เค้าออกจากชิเซโด้มาเป็นปีแล้วแต่ยังจำได้ว่าภรรยาผมผิวหน้าแบบไหนเคยใช้ตัวไหนบ้าง แถมยังเชิญมานวดหน้า ฟรี ในระดับ VIP
ผมว่าถ้าคุณผู้หญิงที่เพิ่งจะมาใช้ชิเซโด้ เจอเรื่องแค่นี้คงไม่คิดอะไร แต่ภรรยาผมใช้มาตั้งแต่ ปี 2542 ระหว่างอยู่ต่าง
ประเทศก็หาเคาร์เตอร์ซื้อใช้(ในต่างประเทศ BA เค้าก็ดูแลดี) มันทำให้กลับมาคิดว่าทำไมเราจะต้องใช้แต่ยี่ห้อนี้ เพราะการซื้อเครื่องสำอางที่
เคาร์เตอร์ เราก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่ และอีกอย่างคือผมเห็นว่าภรรยาผมแนะนำคนมาใช้ชิเซโด้หลายคน และหลังจากที่พนักงานคนดังกล่าวมาดูแลที่โรบินสันอุดร เพื่อนภรรยาผมก็ไม่ค่อยได้มาซื้อ(คงจะเจอพฤติกรรมเหมือนกัน)
สุดท้านนี้ ภรรยาผมได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทางชิเซโด้ประเทศไทยแล้ว ถ้าได้รับการตอบกลับยังไงจะมาบอกอีกทีนะคับ
สงสาร ชิเซโด้ คงจะต้องเสียลูกค้า อีกหลายคน
มีพนังงานคนอวบๆ เหมือนจะมีอายุแต่ไม่มาก หน้าไม่รับแขกเลย บริการไม่ดี (คงเพราะใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์มั้ง)
พอไปถึงก็แจ้งว่าจะมารับของฯ แล้วพอดีหันไปเห็นว่ามี ตั้งโต๊ะ มาคส์หน้าแต่งหน้า ฟรี ก็เลยถามเธอ เธอก็ตอบรับว่าคะ แต่ไม่ชวน ภรรยา
ผมก็บอกไปว่า "เอ๋ปกติจะมีโทรบอกนะคะ" เธอไม่มีการตอบยังทำหน้าไม่รับแขกเหมือนเดิม จากนั้นภรรยาผมก็สั่ง โทนเนอร์ไป 1 ขวด
พนักงานอีกคน(ดูแลดีกะวีกะวาดจัดการให้) ผมซึ่งอยู่ตรงนั้นก็หันไปดูที่โต๊ะมาคส์หน้า เห็นไม่มีคน จึงถามว่า มาคส์ได้ไหมคับ เธอตอบว่า
ได้คะแต่นานนะ(ผมคิดไม่มีคนเนี่ยนะ นาน) พอจ่ายเงินเสร็จก็ไปมาคส์หน้า ผมนั่งดูอยู่ (พอจะมีพื้นฐานการแต่งหน้าอยู่บ้าง) เธอทำหน้า
ลูกค้าไม่ถนุถนอมเลย เริ่มตั้งแต่เช็ดหน้า แล้วก็มาคส์หน้า (มาคส์แบบบางชนิดเห็นรูขุมขน แล้วบีบใส่นิ้ว นิดเดียว แล้วพยายามเกลีย แต่ผม
ขอใช้คำว่าถู แต่สุดท้ายก็ไม่เสมอ ไม่ทั่วหน้า) เนื่องจากมันบางมากไม่นานก็แห้ง ตอนแห้งแล้วยังต้องเรียกให้มาดู แต่ระหว่างรอ ก็มีลูกค้า
เดินผ่านที่เคาร์เตอร์ ผมเห็นเธอรีบกุลีกุจอ ไปสวัสดีทักทาย (มันต่างกันมาก) พอทักทายเสร็จเธอก็กลับมาที่ภรรยาผม แล้วก็บอกว่า ที่นี่ลูกค้า
เวียงจันทร์มี 20 คนไทย 3 คน (ผมฟังแล้วเหมือนจะบอกว่าลูกค้าเวียงจันทร์ต้องดูแลดีกว่าคนไทย) ที่สำคัญตอนล้างหน้าที่มาคส์ไว้ เธอใช้น้ำ
ในอ่างเก่าของลูกค้าก่อนหน้า น้ำนี่ขุ่นเลย (ผมอยากจะบอกว่าถึงไม่ต้องมีความรู้ก็น่าจะรู้ว่ามันควรจะเป็นน้ำสะอาด แต่ภรรยาผมไม่เห็น คือ
ผมเห็นแล้วว่าภรรยาผมไม่พอใจเพราะเธอทำแรง ไม่มีการถามลูกค้าเลยว่าแรงไปไหม ไม่สังเกตุสีหน้าลูกค้าเลย) หลังจากล้างเสร็จแล้วก็เช็ด
โทนเนอร์(ภรรยาผมมาอ่านแล้วบอกว่าไม่เช็ดโทนเนอร์ด้วยซ้ำ สำลีที่เห็นเป็นแค่มาเช็ดน้ำหลังจากล้างหน้า) แล้วไม่มีการลงครีมบำรุง แต่ใส่ซีรั่มแทน (ยังคงทาหน้าแรงเหมือนเดิม) ลงท้ายด้วยการลงแป้งฝุ่น ใช้แปรงปัดๆ แล้วใช้
ฟลับตบๆๆๆ (ผมเห็นแล้วยังตกใจ แรงมาก) พอเสร็จแล้วผมและภรรยาก็มองหน้ากัน จากนั้นก็เดินออกมา พนักงานคนอื่นยังมาขอบคุณ
ด้วยหน้าที่ยิ้มแย้ม (แต่เธอไม่)
อยากบอกว่าอารมร์เสียมาก แต่ฟ้ามืดก็ยังมีสว่าง เราเดิมออกมาจากชิเซโด้ ไม่ไกลมาก ก็มีพนังงานเข้ามาทักเรา (ไม่ใช่ใครผู้จัดการที่เคยอยู่ชิ
เซโด้นิเอง) สวัสดีค่ะ.......วันนี้มาทำอะไรกันค่ะ (ทักทายตามปกติด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม) แล้วก็แนะนำสินค้า (เคาร์เตอร์อื่น) แถมด้วยตัวอย่าง
ทดลอง แล้วยังฝากให้กับเพื่อนที่เคยมาด้วยกันอีกด้วย (ระหว่างสนทนายังหันมาทักผมด้วย คุณพี่ยังหน้าใสเหมือนเดิมนะค่ะ) ผมอยากจะ
บอกว่าพี่คนนี้เค้าออกจากชิเซโด้มาเป็นปีแล้วแต่ยังจำได้ว่าภรรยาผมผิวหน้าแบบไหนเคยใช้ตัวไหนบ้าง แถมยังเชิญมานวดหน้า ฟรี ในระดับ VIP
ผมว่าถ้าคุณผู้หญิงที่เพิ่งจะมาใช้ชิเซโด้ เจอเรื่องแค่นี้คงไม่คิดอะไร แต่ภรรยาผมใช้มาตั้งแต่ ปี 2542 ระหว่างอยู่ต่าง
ประเทศก็หาเคาร์เตอร์ซื้อใช้(ในต่างประเทศ BA เค้าก็ดูแลดี) มันทำให้กลับมาคิดว่าทำไมเราจะต้องใช้แต่ยี่ห้อนี้ เพราะการซื้อเครื่องสำอางที่
เคาร์เตอร์ เราก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่ และอีกอย่างคือผมเห็นว่าภรรยาผมแนะนำคนมาใช้ชิเซโด้หลายคน และหลังจากที่พนักงานคนดังกล่าวมาดูแลที่โรบินสันอุดร เพื่อนภรรยาผมก็ไม่ค่อยได้มาซื้อ(คงจะเจอพฤติกรรมเหมือนกัน)
สุดท้านนี้ ภรรยาผมได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทางชิเซโด้ประเทศไทยแล้ว ถ้าได้รับการตอบกลับยังไงจะมาบอกอีกทีนะคับ