รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ได้รับร้องเรียนจากประชาชน ร้านอาหาร และร้านขายเครื่องดื่มจำนวนมากว่า ค่าครองชีพและราคาสินค้าส่วนใหญ่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งสวนทางกลับนโยบายกระทรวงพาณิชย์ที่ยืนยันจะไม่ให้สินค้ารายการใดปรับขึ้นราคา โดยร้านขายเครื่องดื่มชากาแฟในตลาดนัดกระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งลูกค้าขอขึ้นราคาอีกแก้วละ 3-5 บาท หลังจากต้นทุนแพงขึ้นจากราคาน้ำแข็งที่ขึ้นมากระสอบละ 5 บาท นมข้นหวาน นมข้นจืดขึ้นมาอีกกระป๋องละ 1 บาท รวมถึงชาผงสำเร็จรูป มะนาวจนทำให้ราคาสินค้าต้องปรับขึ้น
ส่วนร้านขายอาหารปรุงสำเร็จแม้จะยังไม่ขึ้นราคาในตอนนี้ แต่พ่อค้าแม่ค่าต่างประสบปัญหาต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้น หลังจากผักสดได้ทรงตัวในราคาสูงมานานร่วม 3 เดือน ทั้งผักคะน้าสูงเกิน กก. 30-35 บาท ผักบุ้ง กก.ละ 25-30 บาท มะนาวลูกละ 8-11 บาท ขณะที่ราคาเนื้อหมูก็ปรับเพิ่มจาก กก.ละ 110 บาท เป็นกก.ละ 130-135 บาท ไข่ไก่ก็เพิ่มขึ้นเป็นฟองละ 3.3-3.8 บาท ตลอดจนเครื่องปรุงซอสปรุงรสก็ปรับเพิ่มชนิดละ 2-3 บาท และต่อไปหากรัฐบาลให้ปรับราคาก๊าซหุงต้มอีก อาจจะต้องปรับราคาอาหารจานด่วนขึ้นอีก 5 บาท จากปัจจุบันที่ขายจานละ 35 บาท
นอกจากนี้ข้อมูลจากการสำรวจราคาสินค้าเพื่อใช้คำนวณเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ยังพบว่า ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นจริง สวนทางกับนโยบายของกรมการค้าภายในที่แจ้งว่าราคาสินค้าเครื่องไหวเป็นปกติ โดยข้อมูลล่าสุดเดือนเม.ย.56 พบว่า ราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.15% โดยราคาสินค้าที่เพิ่ม ได้แก่ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งเพิ่มขึ้น 0.74% เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น 6.15% ไข่และผลิตภัณฑ์นมเพิ่มขึ้น 3.11% ผักและผลไม้เพิ่มขึ้น 13.14% เครื่องประกอบอาหารเพิ่มขึ้น 0.52% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 1.57% และอาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 1.7%
ขณะที่ดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มก็สูงขึ้น 1.42% โดยราคาที่เพิ่ม ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าสูงขึ้น 0.68% และที่สำคัญราคาแนะนำที่กรมการค้าภายในประกาศใช้ส่วนใหญ่ยังไม่สอดคล้องกับราคาตามตลาดที่แท้จริง เช่น ราคาแนะนำเนื้อหมู กก.ละ 119 บาท แต่ราคาในท้องตลาดขายอยู่ที่ กก.ละ 125-130 บาท เช่นเดียวกับราคาไข่ไก่ เบอร์ 2 ราคาแนะนำขายปลีกที่ฟองละ 2.60-2.90 บาท แต่ราคาตลาดขายเฉลี่ยฟองละ 3.20-3.50 บาท
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า ยังได้รับรายงานจากร้านค้าในเขตกรุงเทพฯว่าขณะนี้ข้าวถุงธงฟ้าขนาด 5 กก. ราคา 70 บาท ไม่มีวางจำหน่าย โดยประชาชนผู้มีรายได้น้อยร้องเรียนว่าหาซื้อไม่ได้มาร่วม 1-2 เดือนแล้ว ตั้งแต่โครงการร้านถูกใจจบไปจึงอยากให้รัฐบาลเร่งผลิตออกมาขายเพิ่มอีก เพราะโครงการนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวสารแพงขึ้นมาก ข้าวสารเจ้าตก กก.ละ 25-28 บาท ข้าวหอมมะลิ กก.ละ 35-38 บาท
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การผลิตข้าวถุงธงฟ้า 70 บาท กำลังอยู่ระหว่างทบทวนโครงการ จึงได้มีการหยุดผลิตไปตั้งแต่สิ้นเดือน มี.ค.56 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้กำลังหารือว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร อาจให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือห้างแมคโคร เป็นผู้ดูแล แต่ราคาขายยังคงไว้ที่ราคาเดิมไม่เกินถุงละ 70 บาท
http://www.dailynews.co.th/businesss/204144
http://www.thairath.co.th/content/eco/344630
-----------------------------------------------------------
ขนาดขายในกระทรวงพานิชย์ ยังต้องปรับราคาขึ้น ส่วนข้างนอกไม่ต้องบอก แพงขึ้นทุกอย่าง อนาถใจไทยแลนด์ มันกระชากค่าครองชีพกันยังไง แพงเอาๆ อิอิ
ข้าวของแพง ชาวบ้านโวย
ส่วนร้านขายอาหารปรุงสำเร็จแม้จะยังไม่ขึ้นราคาในตอนนี้ แต่พ่อค้าแม่ค่าต่างประสบปัญหาต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้น หลังจากผักสดได้ทรงตัวในราคาสูงมานานร่วม 3 เดือน ทั้งผักคะน้าสูงเกิน กก. 30-35 บาท ผักบุ้ง กก.ละ 25-30 บาท มะนาวลูกละ 8-11 บาท ขณะที่ราคาเนื้อหมูก็ปรับเพิ่มจาก กก.ละ 110 บาท เป็นกก.ละ 130-135 บาท ไข่ไก่ก็เพิ่มขึ้นเป็นฟองละ 3.3-3.8 บาท ตลอดจนเครื่องปรุงซอสปรุงรสก็ปรับเพิ่มชนิดละ 2-3 บาท และต่อไปหากรัฐบาลให้ปรับราคาก๊าซหุงต้มอีก อาจจะต้องปรับราคาอาหารจานด่วนขึ้นอีก 5 บาท จากปัจจุบันที่ขายจานละ 35 บาท
นอกจากนี้ข้อมูลจากการสำรวจราคาสินค้าเพื่อใช้คำนวณเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ยังพบว่า ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นจริง สวนทางกับนโยบายของกรมการค้าภายในที่แจ้งว่าราคาสินค้าเครื่องไหวเป็นปกติ โดยข้อมูลล่าสุดเดือนเม.ย.56 พบว่า ราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.15% โดยราคาสินค้าที่เพิ่ม ได้แก่ ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งเพิ่มขึ้น 0.74% เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น 6.15% ไข่และผลิตภัณฑ์นมเพิ่มขึ้น 3.11% ผักและผลไม้เพิ่มขึ้น 13.14% เครื่องประกอบอาหารเพิ่มขึ้น 0.52% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 1.57% และอาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 1.7%
ขณะที่ดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มก็สูงขึ้น 1.42% โดยราคาที่เพิ่ม ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าสูงขึ้น 0.68% และที่สำคัญราคาแนะนำที่กรมการค้าภายในประกาศใช้ส่วนใหญ่ยังไม่สอดคล้องกับราคาตามตลาดที่แท้จริง เช่น ราคาแนะนำเนื้อหมู กก.ละ 119 บาท แต่ราคาในท้องตลาดขายอยู่ที่ กก.ละ 125-130 บาท เช่นเดียวกับราคาไข่ไก่ เบอร์ 2 ราคาแนะนำขายปลีกที่ฟองละ 2.60-2.90 บาท แต่ราคาตลาดขายเฉลี่ยฟองละ 3.20-3.50 บาท
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า ยังได้รับรายงานจากร้านค้าในเขตกรุงเทพฯว่าขณะนี้ข้าวถุงธงฟ้าขนาด 5 กก. ราคา 70 บาท ไม่มีวางจำหน่าย โดยประชาชนผู้มีรายได้น้อยร้องเรียนว่าหาซื้อไม่ได้มาร่วม 1-2 เดือนแล้ว ตั้งแต่โครงการร้านถูกใจจบไปจึงอยากให้รัฐบาลเร่งผลิตออกมาขายเพิ่มอีก เพราะโครงการนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวสารแพงขึ้นมาก ข้าวสารเจ้าตก กก.ละ 25-28 บาท ข้าวหอมมะลิ กก.ละ 35-38 บาท
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การผลิตข้าวถุงธงฟ้า 70 บาท กำลังอยู่ระหว่างทบทวนโครงการ จึงได้มีการหยุดผลิตไปตั้งแต่สิ้นเดือน มี.ค.56 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้กำลังหารือว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร อาจให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือห้างแมคโคร เป็นผู้ดูแล แต่ราคาขายยังคงไว้ที่ราคาเดิมไม่เกินถุงละ 70 บาท
http://www.dailynews.co.th/businesss/204144
http://www.thairath.co.th/content/eco/344630
-----------------------------------------------------------
ขนาดขายในกระทรวงพานิชย์ ยังต้องปรับราคาขึ้น ส่วนข้างนอกไม่ต้องบอก แพงขึ้นทุกอย่าง อนาถใจไทยแลนด์ มันกระชากค่าครองชีพกันยังไง แพงเอาๆ อิอิ