ว่าด้วยเรื่องของ "พ่อหนูไค"

21:57 นาที (เมื่อคืนที่ผ่านมา)...หลังจากที่ผมเห็นรายชื่อนักเตะในเกมส์กับสวอนซี สิ่งๆเดียวที่ผมกำลังคิดซึ่งมันน่าจะเหมือนๆ กับสิ่งที่แฟนยูไนเต็ดอย่างพวกคุณคิด อย่างแรกเลยก็คือ  "ทำไมเวลเบ็คถึงได้ลงวะนั่นนะ"...เอ่อ..คงจะใช่อยู่หรอกนะครับ...อาการเสียวแปล๊บราวกับ-ส้มตำปูแล่นเข้าสู่ท้องน้อยอย่างไม่คาดคิด...เกมส์นัดสุดท้ายกับแชมป์ลีกของ  เฟอร์กี้ ในสนามมี ฟานเพอร์ซี่ ชินจิ เราเห็นแมทช์สุดท้ายในสีเสื้อยูไนเต็ดของ สโคล์ซี่ แต่ปัญหาคือทำไมเราถึงเห็น เวนย์ รูนีย์ นั่งดูดอิชิตัน ที่ VIP Pressbox แทนที่จะอยู่ในสนามเหมือนคนอื่นๆเค้า...

มันไม่ปรกติเลยเมื่อเกมส์ที่สำคัญที่สุดของฤดูกาลกลับปราศจากเบอร์หนึ่งอย่าง รูนีย์ ไป และหลังจากเกมส์เมื่อวานก็มีการยอมรับอย่างเป็นทางการจากเฟอร์กูสันว่า รูนีย์ ได้ขอขึ้นบัญชีย้ายทีมแต่เป็นทางสโมสรและ "เ้ค้า" เองที่ได้ขอระงับคำขอนี้ไว้ก่อน มันฟังดูคุ้นๆอยู่นะครับ เพราะเมื่อปีสองปีก่อน ยูไนเต็ดเองก็เผชิญปัญหาเหมือนเดียวกันนี้มีนักเตะระดับแกนหลักยื่นเรื่องขอย้ายออกจากทีมในลักษณะเดียวกัน และเพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของนักเตะเอง ทางเราจึงขอใช้สรรพนามเรียกแทนตัวหมอนี่อย่างลับๆว่า "พ่อหนูไค" ...เรื่องของเรื่องคือ พ่อไอ้หนูไค ยื่นคำขอเพื่อย้ายออกจากทีมโดยให้เหตุผลว่า ทางสโมสรไม่กระตือรือร้นที่จะยกระดับ หรือ เสริมทัพจากนักเตะระดับโลกเพื่อสู้กับสโมสรอื่นๆ ทางสโมสรก็เล่นแง่ไม่ได้เสริมทัพตามคำเรียกร้อง แต่กลับเลือกที่เพิ่มค่าเหนื่อยมหาศาล ชนิดระเบิดเพดานค่าเหนื่อยให้ "พ่อหนูไค" แทน ใช่ครับมันไม่ใช่การแก้ปัญหาตามสิ่งที่เรียกร้องมา แต่เดชะบุญ กลับกลายเป็นว่าปัญหาได้ถูกแก้อย่างชงัก? ราวกับมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่พ่อหนูไค และ เอเยนต์คู่บุญ ต้องการ "จริงๆ" จากการเรียกร้องในครั้งนั้น..

อีกหนึ่งปีถัดมาคิดว่า ด้วยความที่ว่าเฟอร์กี้ คงจะเห็นใจพ่อหนูไคจากคำเรียกร้องในครั้งนั้น ว่าแล้วก็แอบจิ๊กกระเป๋าตังค์ของตระกูลเกลเซอร์ ถอย "ระดับโลก" ของแท้ป้ายแดงอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ พร้อมๆกับตัวรองท๊อปอย่าง ชินจิ คากาวะ มาให้..ไอ้ครั้นที่ พ่อหนูไคจะดีใจ หนึ่งฤดูกาลผ่านไปกลับกลายเป็นว่า เฟอร์กี้ เองที่ต้องมาคอยหาตำแหน่งให้เล่นแทน..ก็อย่างที่เราเห็นละครับฤดูกาลนี้ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ป๊อประดับ ฟัลเกา หรือ เลวานดี้ จะเล่นหน้าเป้าให้ตายยังไงก็ไม่เท่าฟานเพอร์ซี่ ไอ้ครั้นพอถอยลงมาก็เจอ ชินจิ โชว์ทักษะแบบหน้าต่ำมืออาชีพของจริงให้เห็นอยู่เนื่องๆ สุดท้ายคือต้องถอยลงมาเป็นมิดฟิลด์ และ อาการหงุดหงิด หลังการโดนเปลี่ยนตัวออกแทบจะทุกเกมส์นั้นก็บอกเราได้อย่างดีว่าอะไรคือสาเหตุในการขอย้ายทีมครั้งนี้..รูนีย์อาจจะรู้สึกว่าตัวเองถูกปฎิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในฐานะสัญลักษณ์ของสโมสร ส่วนตัวของ เฟอร์กูสันเองนั้นมีหลักปฎิบัติ รูปแบบที่ใช้กับนักเตะทุกระดับที่ผ่านมาในสโมสร ทั้งเยาวชน ดาวรุ่ง ไปจนถึงระดับโลก ตลอด 27 ปีที่ผ่านมา มีกฎเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ "ถ้าดีพอก็จะได้ลงเล่น" เฟอร์กี้ไม่ได้ดูที่ชื่อเสียง หากแต่เพียงฝีเท้าเจ๋งกว่าคนอื่นเท่านั้นถึงจะได้ลงเล่น มีแค่นั้น...ที่รูนีย์ไม่ได้ลงในตำแหน่งหน้าเป้าเพราะ ฟานเพอร์ซี่ ทำได้ดีกว่า  ไม่ได้ลงในตำแหน่งหน้าต่ำซัพพอร์ทกองหน้าเพราะว่า คากาวะ มีคลาสรวมไปถึงเซ้นท์บอลที่ดูกลมกลืนมากกว่า และ รูนีย์ ก็ยังไม่ได้ผ่านบอลดีไปกว่ามิดฟิลด์คนอื่นๆในฐานะมิดฟิลด์ ทั้งหมดมีแค่นั้น....

การขอย้ายทีมสองครั้งในรอบสามปี ไม่ได้ทำให้แฟนบอลบางคน และบอกตามตรงว่ารวมไปถึงผม รักเค้ามากขึ้น..เวนย์ รูนีย์ เป็นนักเตะระดับโลกเพราะอะไรนะหรือ...เค้าไม่ได้มีทักษะทางฟุตบอลเหมือนหรือไกล้เคียงกับ โรนัลดิญโญ่...ไม่ได้สามารถพลิกเกมส์ หรือ สร้างผลการแข่งขันได้ด้วยตัวเองเหมือนอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้..Vision and Creativity ไม่ได้เหนือไปกว่า ชาบี หรือ อิเนียสต้า..และแน่นอนว่าไม่ได้มีภาพรวมในเชิงฟุตบอลแบบอุดมคติเหนือไปกว่า ลิโอเนล เมสซี่....สิ่งเดียวที่รูนีย์มีมากกว่าคนอื่นๆคือความกระหายในการเล่น ดุดัน และ จิตใจที่มุ่งมั้น ปราถนา ทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ เหมือนกับรถถังขนระเบิดที่พร้อมจะชนทุกอย่างที่ขวางหน้า นั้นหละคือทัศนะคติที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด เค้าต้องใช้มันเหมือนกับเป็นสวิทช์ที่เปิดโหมดพลังทุกอย่างที่มี ทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่งดุดัน ความมุ่งมั่น และ พลังมหาศาสในการเล่น เพียงแต่ว่าหากปราศจากทัศนคติที่ว่านี้เมื่อไหร่ เวนย์ รูนีย์ จะไม่ใช่ระดับโลกในทันที....

เมื่อรูนีย์เลือกที่จะสูญเสียบางอย่าง เพื่อค่าเหนื่อยมหาศาล เค้าก็จะต้องเล่นตามให้ได้ตามค่าเหนื่อยมหาศาลที่ได้ เป็นกองหน้าระดับค่าเหนื่อย 250,000 ปอนด์ นักฟุตบอลมืออาชีพต้องทำงานให้เต็มความสามารถและสู้เพื่อตำแหน่ง ไม่ใช่เรียกร้องอะไรแบบนี้ และ ผมก็จะบอกว่าการตัดสินใจที่จะขอแยกทางกับสโมสรถึงสองครั้งมันดูไม่ปรกติไม่ว่าจะกับนักเตะระดับไหนก็ตาม ..

บางทีเราก็ต้องยอมรับว่าบางอย่าง จะต้องถึงจุดจบนะผมว่า ในตอนนี้บารมีของเฟอร์กี้เองยังสามารถยื้ออะไรไว้ได้อยู่ แต่เมื่อมอยส์ก้าวเข้ามาเต็มตัวเมื่อไหร่เมื่อไหร่ อะไรจะเปลี่ยนไปแน่นอน  ทุกอย่างจะชัดเจน..เดวิด มอยส์ ทำเอฟเวอร์ตันเล่นแบบดุดัน ห้าวหาญ แบบบอลอังกฤษโบราณ แต่กลับใช้ระบบการเล่นสมัยใหม่คือ 4-2-3-1 นักเตะอย่าง หลุยส์ นานี่ หรือ อันแดร์สัน จะได้ประโยชน์จากระบบที่ว่านี้ และสำคัญคือระบบนี้มีหน้าเป้าเพียงคนเดียว หากว่า เวนย์ จะอยู่ต่อก็ต้องแย่งตำแหน่งนั้นมาให้ได้..แต่ถ้าหากว่าไม่ ไอ้ที่เราจะลุ้นว่า ยูไนเต็ดเจเนอเรชั่นใหม่ จะซื้อใคร ได้งบมากแค่ไหน..อาจต้องกลายเป็นว่าจะปล่อยใครไปบ้าง และ จากการยืนยันเจตจำนงของ พ่อหนูไค ก็คงทำให้เรามองเห็นอะไรได้พอสมควร...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่