Season change ของยูไนเต็ด ...



season change ของยูไนเต็ด

หลังจากเกมส์ที่ยูไนเต็ด "ยัน" เสมอกับทีมหัวตารางกับเซาท์แธมป์ตันมาได้ประมาณ .. เอิ่ม.......... แป๊ปนะ ..
.. 48 ชั่วโมง  มันตั้งสี่สิบกว่าชั่วโมงนะคุณ มันนานพอที่ผมเริ่มคิดได้ว่า อาจจะเขียนบทความเล็กๆขึ้นมาซักชิ้น บทความเล็กๆที่พยายามจะไม่ยัด อคติ ความโกรธ หงุดหงิด ฉุนเฉียว ่าเหว อะไรก็แล้วแต่ ... "เวลเบ็ค ลงไปทำส้น-ีนอะไรที่นั่น ณ สถาณการณ์ที่คับขัน และต้องการสามแต้มอย่างนั้น" ... แทนที่จะอยู่สตูดิโอของพจน์ อานนท์ ร่วมกับรุ่นพี่อย่าง โก๊ะตี๋ หรือ จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก ช่วยเค้าคิดพล๊อตหนังแต๋วแตกแหกอะไรก็แล้วแต่ ตลกอาชีพอย่าง แดน เวลเบ็ค ไปวิ่งทำอะไรตรงนั้นให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด? ...  เชื่อผมเถอะนะว่าหลังจบเกมส์ หลายคนที่อคติกับเวลเบ็คเป็นทุนเดิมอาจจะคิดแบบนั้น ..

ขณะที่ความจริงแล้ว เมื่ออารมณ์เราเริ่มเย็นลง ปัญหามันเหมือนเดิมนะคุณ แค่เราต้องเปลี่ยนคำถามนิดหน่อย "แดนนี่ บอกเรามาสิจ๊ะพ่อหนุ่ม ใครส่งหนูลงไปในสถาณการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้น " ... ขณะที่ พระกาฬอย่าง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ และ ชินจิ คากาวะ อยู่ที่ม้านั่ง?... ทั้งๆที่เซาท์แธมป์ตันกำลังครองเกมส์กระหน่ำบุกเอาประตูคืนอยู่อย่างนั้น เดวิด มอยส์ กระทำการอัตวินิบากกรรมตัวเองด้วยการส่ง ไรอัน กิ๊กส์ แล้วก็ เวลเบ็ค ลงไป ... ราวกับสวรรค์ดลใจนะครับ ทุกอย่างดู  "ชิพ-หาย" ลงตัวเมื่อ สมอลลิ่งลงมาแทน เวนย์ รูนีย์ และจบเกมส์เราทำได้แค่เสมอกับทีมที่พึ่งเลื่อนชั้นมาแค่ปีเดียวอย่างเซาท์แทมป์ตันในโอลด์แทร็ฟฟอร์ด ...

ทรงบอลอะไรผมไม่แคร์ ใช่เซาท์แธมป์ตันเป็นทีมที่เจ๋งนะ โปเช็ตติโน่ชัดเจน พวกเค้าเพรสซิ่งเร็ว แย่งบอลเก่ง มีเทคนิคและดูมุ่งมั่นที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ที่นี่ให้ได้ แต่ยูไนเต็ดเป็นทีมใหญ่ พวกเค้าต้องชนะในเกมส์ที่ต้องชนะ และ มันคือเกมส์แบบนี้ ...ง่ายๆคือ เดวิด มอยส์ทำมันไม่ได้ แย่ไปกว่านั้นคือยูไนเต็ดต้องพิจารณาตัวเองเมื่อเป็นรองทุกอย่างทั้ง เปอร์เซ็นต์การครองเกมส์ จำนวนโอกาสเข้าทำ และความมุ่งมั่นในชัยชนะ มันแปลกนะคุณ พวกเค้าดูมุ่งมั่นไม่มากพอเลย ทั้งๆที่ได้โอกาสเล่นในโอลด์แทร็ฟฟอร์ด ในบ้านของพวกเค้า ...

มุ่งมั่นไม่มากพอ? .... ในเมื่อบทความของคนอื่นๆพูดในส่วนที่ควรพูดไปแล้ว ผมคิดว่าคงจะไม่มีประโยชน์ที่จะเจาะลึกประเด็นทางแท็กติกส์อะไรพวกนั้นนะ เพราะหากเรามานับเฉพาะเกมส์ที่มันเป็นปัญหา อะไรบางอย่างที่ทำให้ทีมดูไม่มุ่งมั่นมากพอนี่แหละดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ใหญ่ขนาดไหนนะเหรอ? ใหญ่มากพอที่จะแกล้งทำตัวเป็น "ผีผลัก" ให้มอยส์ตกจากเก้าอี้โบราณตัวเก่าตัวนั้นของเฟอร์กี้ได้ก็แล้วกัน...

ทั้งหมดที่กำลังจะบอกคือ กรุณาช่วยตะโกนบอกผมที่ซิว่าเราเห็นใครในเกมส์ที่พร้อมจะวิ่ง และสู้สุดชีวิตในเกมส์เพื่อ เดวิด มอยส์ บ้าง .... แม้แต่นักเตะอย่าง เวนย์ รูนีย์ , หลุยส์ นานี่ หรือว่า อัตนาน จานูซาจ เหล่านี้คือนักเตะที่ได้รับผลกระทบในทางที่ดีขึ้นจากการมาของ มอยส์ แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่า พวกเค้ายังน่าจะสู้สุดใจมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ... มันเหมือนกับว่าภาพรวมของความมุ่งมั่นทั้งทีมดูเหมือนจะลดลงไปอย่าง "ชัดเจน" นะครับ ชัดเจนเมื่อเทียบกับตอนที่เฟอร์กี้ยังอยู่ ภาพที่เราทุกคนเห็นคือ แม้แต่การตะโกนแบบลูกตาแทบถลนของมอยส์ก็ยังดูจะไม่ช่วยอะไรได้มากนัก มันดูไม่น่าจะระคายเคืองหูของ เวนย์ หรือว่า ฟานเพอร์ซี่ อะนะ ... ที่สำคัญมันยังดูดุดันน้อยกว่าตอนที่เราจ้องไปในสายตาของเฟอร์กี้ด้วยซ้ำ... ขนาดผมที่เป็นแค่แฟนบอล แต่แค่การมองเข้าไปในตาของเฟอร์กี้ที่ผ่านทางภาพสัญญาณดาวเทียมอ้อมโลกจากประเทศสารขัณฑ์ ยังรับรู้ถึงความมาคุว่าในเกมส์แบบนี้ว่าถ้าเกิดพวกเค้าแพ้ หรือ เสมอในบ้าน จะเกิดอะไรขึ้นในห้องแต่งตัว ... โศกนาฏกรรมเล็กๆจะเกิดขึ้น พวกนักเตะจะเสียใจ หดหู่ และรู้สึกผิดต่อตัวเอง ต่อแฟนบอล ตลอดจนปรัชญาของสโมสร และสำคัญที่สุดคือรู้สึกผิดหวังต่อชายแก่ผู้เป็นตำนานที่ยืนเคี้ยวหมากฝรั่งและจ็องเงาหัวพวกเค้าอยู่ ...

ก่อนหน้าฤดูกาลจะเริ่มขึ้น เดวิด มอยส์ และ โชเซ่ มูริญโญ่ เริ่มงานที่สโมสรใหม่เหมือนกัน เดวิด เลือกที่จะยัดทีมงานทั้งชุดจากเอฟเวอร์ตันเข้ามาในสโมสร เหมือนกับมูริญโญ่ที่เชลซี หากแต่ว่าคูณภาพของทีมงานของมูริญโญ่นั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน ... ทีมงานที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มสต๊าฟโค๊ชที่ดีที่สุดในโลก ชื่อเสียงของอดีตทีมงานเหล่านี้นั้นล้วนแต่พระกาฬทั้งสิ้น.. ไอเตอร์ การันก้า อยู่ช่วยงานอันเชลอตติที่มาดริด, เบรนเด้นท์ รอดเจอรส์ คืออดีตโค๊ชเยาวชนของมูริญโญ่สมัยแรกกับเชลซี ตอนนี้คุมทีมลิเวอร์พูล , สตีฟ คล๊าก เคยร่วมงานกับมูริญโญ่ที่เชลซีที่ตอนนี้ คือผู้จัดการทีมของเวสบรอมวิช อัลเบี้ยน และ  อังเดร์ วิลลาช โออาส อดีตนักเก็บรายละเอียดคู่แข่งที่เชลซี และ อินเตอร์มิลาน ฉีกตัวออกมาคุมปอร์โต้ได้สามแชมป์ และตอนนี้กำลังมีอนาคตที่น่าตื่นเต้นที่สเปอร์... เหล่านี้คืออดีตทีมงานของมูริญโญ่ทั้งนั้น ในยุโรปนักเตะน้อยคนที่จะสงสัยในแท็กติกส์ของมูริญโญ่ หรือหากบางครั้ง พวกเค้าคลางแคลงใจในศักยภาพของทีมงาน สุดท้ายก็จะยังเข้าใจได้ถึงคุณภาพของกลุ่มคน ทีมงาน หรือสตาฟโค๊ช ที่ช่วยกันกวาดแชมป์ยุโรปสองสมัยแล้วก็แชมป์ลีกชั้นนำอีกสามประเทศอยู่ดี ...

ปัญหาคือ ขณะที่ในทุกวันนี้ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่านักเตะระดับท๊อปอย่าง โรบิน ฟานเพอร์ซี่ เวนย์ รูนีย์ เฟอร์ดี้ หรือ คนอื่นๆ จะเชื่ออย่างสนิทใจว่าสิ่งที่ เดวิด มอยส์, สตีฟ ราวด์, จิมมี่ ลัมสเดนท์ หรือ ฟิล เนวิลล์ คอยบอกและสอนพวกเค้าในสนามซ้อม คือสิ่งที่ถูกต้องจากคนที่พวกเค้าเชื่อมั่นได้? ผมจะไม่พูดถึงเรื่องฝีมือการทำทีมนะมันละเอียดอ่อนเกินไป แต่ในเรื่องของการยอมรับนับถือมาถึงตรงนี้เราจะเริ่มเห็นความแตกต่างระหว่างตัวท๊อปอย่างเช่น โชเซ่ มูริญโญ่, เป็ป กวาดิโอล่า และ เดวิด มอยส์ ชัดเจนขึ้นมาอีกนิด ...

พูดกันตรงๆนะ มอยส์ ต้องรู้ตัวว่าเค้าไม่ใช่แม่เหล็กที่ดูดทุกอย่างได้เหมือนกับ มูริญโญ่ หรือ เป๊ปกวาดิโอล่าร์ สิ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่าและช่วยให้เค้าดูกลมกลืนกับสโมสรใหม่ที่ใหญ่ระดับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คือการค่อยๆเปลี่ยนอะไรบางอย่างนะ เค้าอาจสามารถยัด  สตีฟ ราวด์ ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมได้ โดยมีโค๊ชอย่าง  เรเน่ มิวเลสทีน หรือ เอริค สตีล คอยช่วยเหลือ บางทีอาจจะดีกว่า หาก มอยส์ เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มคนของเฟอร์กี้ที่นี่ก่อน อย่างน้อยก็ปีแรก .. ขณะที่ในตอนนี้ ใครจะไปรู้ล่ะนักเตะยูไนเต็ดอาจจะกำลังงงเพราะคิดว่าพวกเค้ากำลังเล่นให้กับเอฟเวอร์ตันอยู่ก็ได้นะ พวกเค้ามีผู้จัดการทีม และ สตาฟโค๊ช เป็นเอฟเวอร์ตันทั้งหมด เข้ามาร่วมพลังสามัคคี(หรือเปล่า?) กับ มิสเตอร์ เอ็ด วู๊ดเวิร์ด หรือตามที่แฟนบอลต่างบรรจงเรียกด้วยเครพว่า "ไอ้เอ็ด"  ... CEO คนใหม่ที่ดูจะเชี่ยวชาญการดีลผลประโยชน์นอกสนามให้กับสโมสรเป็นหลัก แม้ว่า วู๊ดเวิร์ด จะช่วยให้สโมสรพลาดนักเตะดีๆไปประมาณครึ่งโหล แต่อย่างน้อยเค้าก็แสดงความเชี่ยวในการนำเข้า มารูยาน เฟลไลนี่ ด้วยค่าโง่ที่แพงกว่าค่าฉีกสัญญาเดิมสี่ล้านปอนด์แบบเยี่ยวเหนียว ตลอดจน แฟนบอลที่ลุ้นกันจนแทบจะกราบตีนในวินาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์..

... มาถึงตอนนี้ ปัญหาใหญ่ที่สุด คือ นักเตะส่วนใหญ่เหมือนจะยังไม่เทใจให้กับผู้จัดการทีมคนใหม่ หนำซ้ำยังอาจจะคลางแคลงใจกับคุณภาพของทีมงานที่ยกมาทั้งชุดจากสโมสรระดับกลางอย่างเอฟเวอร์ตันก็ได้ พวกเค้าสู้ลืมตายเพื่อ เดวิด หรือเปล่า? ไม่เลย ... สื่งที่เราเห็นคือ ผลกระทบที่ชันเจนขึ้นทุกครั้งที่ลงสนาม อีกทั้งการตัดสินใจเปลี่ยนตัวแก้เกมส์ในเกมส์ล่าสุดยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยชนิดนอนตีนก่ายหน้าผาก นี่ยังไม่รวมปัญหาที่พะอืดพะอมกับกับการจัดการภายในของ เดวิด มอยส์ อีกหลายเรื่องนะคุณ ... เราเห็นเดวิดพึ่งจะแสดงความเหี้ยมเล็กๆ เมื่อเลือกดร๊อปหัวโจกอย่างเฟอร์ดี้หลังจากใช้งานมาสามหรือสี่เกมส์ติดๆกัน ขณะที่ ฟานเพอร์ซี่ก็พึ่งมีข่าวว่าอาจจะมีปัญหากับระบบซ้อมที่หนักเกินไป ไหนจะเรื่องที่ว่า นักเตะอย่าง ชินจิ คากาวะ หรือว่า เอร์นานเดซ จะอยู่ในสถานะที่อึดอัดแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน ทั้งๆที่ คากาวะ มีฝีมือ แต่เหมือนที่ใครๆรู้นั่นแหละ หลังจากที่ผ่านมาเฟอร์กี้ดร๊อปรูนีย์ไปพักใหญ่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ถึงตอนนี้ เวนย์ รูนีย์ ใหญ่เกินไป และถึงแม้ มอยส์ จะเคยมีบุคลิกที่แข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร แต่เชื่อผมเถอะครับสำหรับที่นี่ มอยส์ ก็ยังคงจะ "ติ๋มส์" เกินที่จะกล้าเปลี่ยนตัว รูนีย์ ออกไปไม่ว่าฟอร์มจะห่วยขนาดไหนอยู่ดี ...

บางครั้งเราอาจจะต้องพยายามเข้าใจนะว่ายูไนเต็ดที่เราเห็นอยู่ในตอนนี้ คือช่วงที่ทีมกำลังเปลี่ยนระบบใหม่ มันคือเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ และ สถาณการณ์ที่ผู้จัดการทีมใหม่ไม่ต้องการสร้างปัญหากับนักเตะบางคน ... ผมจะบอกว่า ผมยังอยู่ข้าง เดวิด นะ ถึงตอนนี้มันถึงเวลาที่ เดวิด มอยส์ ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษาเก้าอี้โบราณตัวนั้นของเฟอร์กี้ที่ให้เค้าไว้ อย่างน้อยหากพวกเค้าเด็ดขาดและแก้ปัญหาในเรื่องที่ว่ามาได้ อันดับสามหรือสี่ของพรีเมียร์ลีกคือสิ่งที่เหมาะสมและพอรับได้ ทุกคนไม่แคร์ว่าเค้าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ผลลัพท์ที่ได้ต้องเหมาะสมกับยูไนเต็ด .... ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ยูไนเต็ดเป็นทีมใหญ่ ใหญ่เกินไป และบางทีด้วยเหตุนั้นอาจจะเป็นอะไรที่ยากเกินไปสำหรับ เดวิด มอยส์ ในตอนนี้ด้วยซ้ำ ...



...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่