นิยาย พิสูจน์รักข้ามเวลา บทนำ และ ตอนที่ 3 โดย ณ พัชระ

กระทู้สนทนา




คงไม่มีใครคาดคิด ว่าในหนึ่งปีจะมีมากกว่า 365 วัน เพียงรดาเองก็เช่นกัน ในวันที่เธอต้องการ "สารภาพรัก"
กับคนที่เธอพยายามผลักไส คนที่เห็นและรักเธอเพียงเพราะเธอเป็นเงาของใครอีกคนมาโดยตลอด
"เธอไม่ได้ความจำเสื่อม" "เธอไม่ได้แกล้งที่จะลืมเพื่อให้ชายคนนั้นต้องเจ็บช้ำ"
แต่เธอหาสาเหตุไม่ได้ว่า "เพราะอะไร" ภีร์ชิต นักแสดงที่มีชื่อเสียง ถึงได้รู้สึก "รัก" เธอมากมายขนาดนี้
"เธอจะสวมรอยเป็นใครคนนั้นของเขา... ดีไหม?"
และแล้วในวันที่เธอพร้อมให้ "หัวใจ" มาก่อน "เหตุผล"
กับเป็นวันที่อุบัติเหตุพราก "เธอ" ไปจาก "เขา" ในโลก "ปัจจุบัน" ตลอดกาล
แต่ "โชคชะตา" ไม่ได้ "โหดร้าย"
แค่พา "เธอ" ไปพบว่า "เขารักเธอ" เพราะเหตุใด?
เพียงรดา มี "โอกาสใช้ชีวิตในจุดเดิมอีกครั้ง 2 ปี"
กับ "เขา" ที่มีท่าที ห่างเหิน เย็นชา และ กวนประสาท ไม่มีความรู้สึก "รัก" เธอ แม้แต่น้อย
จาก "เขา" ที่เป็นฝ่ายเฝ้าตามหาเธอ กลับกลายเป็นเธอ "ที่ต้องเฝ้าตามเขา"

เรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ?
ภีร์ชิตต้องเจ็บซ้ำสองหรือไม่ ?
เพียงรดาจะกลับมาโลกปัจุบันได้อีกครั้ง หรือ ร่างกายต้องสูญสลาย เพียงเพื่อต้องการปกป้องคนที่เธอรัก?
ลองติดตามดูนะค่ะ ^_^



ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30471581
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/30475331

ตอนที่ 3

    ระหว่างการเดินทาง เพียงรดารู้สึกจุดหมายที่อยู่ปลายทางตอนนี้ช่างแสนไกลเหลือเกิน อาจเป็นเพราะเธอนั่งอยู่ในรถ 2 คนกับภีร์ชิต
ทำให้เธอมีความรู้สึกแบบนั้นก็เป็นได้  ภีร์ชิตขับรถออกนอกเมืองมาได้สักพักจึงเอ่ยถามเพียงรดาด้วยความเป็นห่วง
“หิวมั้ย”
เพียงรดาหันมามองภีร์ชิตก่อนตอบ
“ไม่หรอกค่ะ เมื่อเช้าฉันทานปาท่องโก๋มาเยอะมากเลยค่ะ”
“ชอบหรอ”
“ค่ะ ชอบ”  เพียงรดาตอบอย่างไม่คิดอะไร แต่ผู้ที่ได้ยินนั้นเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาชอบมากเช่นกัน
และคนที่ทำให้เค้าชอบนั้นคือ เพียงรดาเมื่อสองปีก่อน
“แต่ผมชักหิวแล้วสิ” ภีร์ชิตไม่พูดเปล่าเขาเลี้ยวเขาไปจอดรถที่ปั้มน้ำมันข้างทางทันที
“ให้ฉันไปซื้อให้มั้ยค่ะ คุณอยู่ในรถน่าจะดีกว่า” เพียงรดาพูดขึ้น
“คุณอยู่ในรถนี่แหละ ผมหิวผมก็ต้องไปซื้อเอง” ภีร์ชิตตอบก่อนจะหยิบหมวกมาสวมพร้อมกับใส่แว่นตาดำเพื่อพรางตัว
        เพียงรดาเห็นภีร์ชิตพลางตัวไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความต่างระหว่างเธอกับเค้า ถ้ามีคนถ่ายรูประหว่างเธอกับเขาไว้เธอคงทำให้ชายหนุ่มเดือดร้อนได้ ภีร์ชิตกลับเข้ามาในรถส่งน้ำให้เพียงรดา หญิงสาวรับไว้แล้วเอ๋ยขอบคุณ
ภีร์ชิตหยิบแซนวิชในถุงขึ้นมากินรองท้อง เพียงรดาหันไปมอง ตาม สัญชาตญาน ของมนุษย์ถึงแม้ไม่หิวแต่เวลามีคนมากินอะไรใกล้ๆแบบนี้
ก็อดที่จะกลืนน้ำลายตามไม่ได้ ภีร์ชิตเห็นท่าทางของเพียงรดาแล้วก็อมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับส่งแซนวิชที่อยู่ในถุงอีกอันให้เพียงรดา
“ฉันไม่หิว”
“ปากแข็งดีจังนะ”
เพียงรดาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงหันหน้าหนีไปอีกทาง
ภีร์ชิตจับแซนวิชยัดเข้าไปไว้ในมือของเพียงรดา
“ตามมารยาทแล้วเวลาคนให้ของต้องพูดว่าขอบคุณ”
หญิงสาวหันมามองค้อนพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่นัก
ภีร์ชิตทานแซนวิชของเขาจนหมด ในขณะที่เพียงรดาแค่ถือไว้ในมือ
“บ้าจริง” ภีร์ชิตอุธานขึ้น
“มีอะไรหรอค่ะ”
“ผมซื้อน้ำมาแค่แก้วเดียว”
“___”
ทั้งคู่มองหน้ากัน
“งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อให้ใหม่” เพียงรดาทำท่าจะลงจากรถแต่ถูกชายหนุ่มคว้าแขนห้ามไว้  ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก
“ไม่ต้องหรอก ผมดื่มแก้วเดียวกับคุณก็ได้”
ภีร์ชิตไม่พูดเปล่าเขาคว้าแก้วน้ำของเพียงรดามาอย่างหน้าตาเฉย เขากำลังจะดื่ม
“เดี๋ยวก่อน” เพียงรดาร้องห้าม
“ทำไมหรอ”
“เอาหลอดออกก่อนสิ ฉันใช้หลอดอันนั้นแล้ว”
“ไม่เป็นไรผมไม่ถือ” ภีร์ชิตพูดเสร็จก็ใช้หลอดดูดน้ำเพื่อดับกระหาย แล้วเขาส่งคืนแก้วน้ำให้เพียงรดา
“ไม่เอาแล้ว” เพียงรดาบอกชายหนุ่มอย่างงอนๆ แก้มทั้งสองข้างเริ่มแดง
ภีร์ชิตเห็นอย่างนั้นเขาเข้าใจความหมายทั้งหมดก็อดยิ้มในความน่ารักของเธอไม่ได้ เขารู้สึกพอใจที่ได้แกล้งเธอ

    ระหว่างการเดินทางอาจเป็นเพราะธรรมชาติและแอร์เย็นๆในรถทำให้เพียงรดาเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ภีร์ชิตจอดรถที่จุดชมวิวข้างทาง เขาโน้มตัวไปปรับเบาะให้เพียงรดาอย่างเบามือที่สุด ความชิดใกล้ทำให้ชายหนุ่มหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เขาพยายามหักห้ามใจจากเธอ เพราะเธอไม่ใช่คนที่เขารอมานานแสนนาน แต่ทำไมนะว่ายิ่งฝืนความรู้สึกของตัวเองมากเท่าไหร่
เขายิ่งทรมานใจมากขึ้นทุกที

“ถ้าผมเลือกได้ ผมว่าเราสองคนอย่าเจอกันเลยดีกว่า ผมจะได้ไม่ทำร้ายทั้งคุณ และใจของผมเอง” ภีร์ชิตบอกกับเพียงรดาที่กำลังหลับอยู่
ภีร์ชิตขับรถต่อไปจนเกือบจะถึงกองถ่าย เขาแวะจอดรถข้างทาง เขาลังเลใจว่าจะปลุกเพียงรดาอย่างไรดี
“เพียงรดา เพียงรดา” ภีร์ชิตเรียก
หญิงสาวงัวเงียลืมตาขึ้นมา เพียงรดาตกใจเล็กน้อยที่ตัวเองเผลอหลับไป เพียงรดาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเบื้องต้น
“ถึงแล้วหรอค่ะ” เพียงรดาถาม
“ยังหรอก แต่ผมว่าเพื่อการทำงานอย่างราบรื่น  คุณลงเดินจากตรงนี้เข้าไปดีกว่า”
ภีร์ชิตบอก เพียงรดาเข้าใจความหมายของมันดี จึงพยักหน้าเห็นด้วย
“ขอบคุณมากนะค่ะ” เพียวรดาบอกกับภีร์ชิตก่อนที่จะออกจากรถของเขา
เพียงรดามองรถของภีร์ชิตตจนลับตาในขณะที่ภีร์ชิตเองก็มองเธอจากจากกระจกรถจนลับตาเช่นเดียวกัน
“คุณน่าอิจฉาที่สุดในโลกเลยรู้มัน คุณเพียงรดาตัวจริง” เพียงรดาพูดถึงอีกคนด้วยใจที่ห่อเหี่ยว
“เอาหละสู้ๆ รดางานกำลังรอเธออยู่ เพื่อโบนัสสิ้นปี” เพียงรดาบอกกับตัวเองก่อนจะล้วงหาแผนที่ในกระเป๋า
“จากตรงนี้ต้องเดินไปอีกไกลเท่าไหร่นะ” เพียงรดาก้มหาของโดนไม่สังเกตว่ามีรถอีกคันกำลังพุ่งมาหาเธอ
    อัศนัยหรืออาร์ท นักแสดงชายอีกคน กำลังควานหาของอยู่ในรถไม่ได้สังเกตว่ารถกำลังขับอยู่ไหล่ทาง
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นนมาเห็นคนอยู่ตกหน้าระยะประชิคเขารีบหักหลบทันที
เสียงเบรกดัง เพียงรดาหันหลังเห็นรถกำลังพุ่งมา หญิงสาวถอยหลังหลบสะดุดก้อนหินก้อนใหญ่ทำให้เธอล้มลงอย่างแรง
เธอรู้สึกแปลบที่ข้อเท้า อัศนัยตกใจทำอะไรไม่ถูก เขารีบลงจากรถมาดูเธอ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณขับรถยังไงของคุณ” เพียงรดาพูดด้วยอารมณ์โกรธก่อนพยายามพยุงตัวเองขึ้นแต่ข้อเท้าเธอไม่มีแรงทำให้เธอล้มลงไปอีก
อัศนัยเข้ามาประคอง
“ผมขอโทษ ผมรู้ คำขอโทษมันไม่ทำให้คุณหายโกรธได้ แต่ผมว่าตอนนี้ผมพาคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่า”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะมันก็แค่ข้อเท้าแพง ตอนนี้ฉันสายมากแล้วฉันจะรีบไป คราวหน้าฉันหวังว่าคุณคงจะขับรถได้ดีกว่านี้ จะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บตัวเพราะความไม่มีมารยาทในการขับรถของคุณ” เพียงรดาหลอกด่าด้วยความแค้นใจอยู่เล็กน้อย
อัศนัยรู้ดีว่าโดนต่อว่าแบบเน็บแนมแต่เขาไม่โกรธ กับมองเห็นความน่ารักของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“ป๋ะ ถ้าคุณรีบไปผมก็จะไปส่ง แต่คุณแน่ใจนะจะไม่ไปหาหมอ และไม่เรียกร้องค่าชดเชยอะไรจากผม”
เพียงรดาถอนหายใจให้กับคำพูดของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า
“ถ้าฉันจะเรียกค่าชดเชย คุณต้องชดเชยให้ฉันแน่ทั้งชีวิต”
อัศนัยยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้นเขายื่นหน้ามาใกล้ๆเธอ
“ได้ ถ้าคุณต้องการแบบนั้น”
เพียงรดาผลักชายหนุ่มออกอย่างโมโห
“ฉันประชด ได้ยินมั้ย ว่าฉันแค่พูดประชดคุณ” เพียงรดาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ  อัศนัยยิ้มที่ได้ยั่วโมโหเธอ

    อัศนัยประคองเพียงรดาขึ้นรถเขาแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะที่ที่เธอกำลังจะไปเป็นที่เดียวกับเขาเช่นกัน
รถของอัศนัยเขามาจอดในรีสอร์ทกลางเขาใหญ่ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำในครั้งนี้
อัศนัยลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูอีกด้านเพื่อประคองเพียงรดาลง ภาพที่เกิดขึ้นสร้างความแปลกใจให้ทีมงาน
และร่วมไปถึงภีร์ชิตด้วย ถึงแม้ว่าเพียงรดาคนนี้ไมใช่ตัวจริงแต่เขากลับรู้สึกหวงเธอขึ้นมาซะอย่างงั้น
อัศนัยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทีมงานและผู้จัดละครฟัง ส่วนทางด้านเพียงรดานั้นเธอแยกอีกทางเพื่อเตรียมตัวงานของเธอ
“ขาเป๋อย่างนี้ทำงานได้หรือเปล่า” หนึ่งในทีมงานถามเธอ
“ได้ค่ะพี่ แค่นี้สบายมาก” เพียงรดาตอบทั้งที่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกระบมไปหมด
    ทีมงานบางส่วนเตรียมงานไปบ้างแล้ว นักแสดงแยกไปแต่งตัวอีกทาง ส่วนนางเอกของเรื่องนั้นยังไม่มีคิวถ่าย วิจิตราจะเข้ากองถ่ายวันพรุ่งนี้ เพียงรดาถูกผู้จัดการกองถ่ายเรียกไปเพื่อย้ำข้อสัญญาอีกครั้ง "ทุกภาพก่อนส่งให้ทาง ALL IN ตีพิมพ์ต้องผ่านการอนุมัติจากทางผู้จัดการก่อนเสมอ ทั้งนี้ทางกองถ่ายได้เตรียมช่างภาพไว้อีกหนึ่งคนเพื่อกันความผิดพลาดที่เกิดขึ้น"
        ในครั้งนี้เพียงรดาได้รู้จักกับ พี่เอ๋ ช่างภาพอีกคน พี่เอ๋นั้นยังคงวางท่าทีเย็นชาใส่เพียงรดาเพราะคิดว่าเธอเป็นช่างภาพเด็กเส้นที่เข้าทางภีร์ชิตเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พี่เอ๋เรียกเพียงรดาว่า “ยัยช่างภาพขาเป๋”ตลอดการทำงานในวันนี้ทั้งวันด้วยความหมั่นไส้
        
        เมื่อถึงคราวพักกอง อัศนัยถามหาเพียงรดากับทีมงาน ซึ่งภีร์ชิตที่ยืนอยู่ตรงนั้นเริ่มมีอาการไม่พอใจ
เพียงรดาแยกไปอีกด้านเพื่อที่จะเก็บภาพวิวทิวทัศน์ตามแบบที่เธอชอบ
“รู้สึกว่างานคุณที่ต้องทำ ไม่ใช่แนวนี้นิ” ภีร์ชิตที่เจอกับเพียงรดาก่อน พูดขึ้นมา
“ช่วงนี้ช่วงพัก ตอนนี้ฉันเลยเป็นช่างภาพอิสระ” เพียงรดาตอบ โดยที่ยังถ่ายรูปต่อไปเรื่อยไม่สนใจภีร์ชิตที่ยืนอยู่
“ทำงานวันนี้เป็นไงบ้าง”  ภีร์ชิตถามอย่างเป็นห่วง
“ก็ดีค่ะ” คราวนี้เพียงรดาหยุดถ่ายรูปแล้วหันมาทางชายหนุ่ม
“แต่จะดีกว่านี้ ถ้าเราอยู่ห่างจากกันสัก 2 เมตร เพื่อการทำงานที่ง่ายขึ้น” เพียงรดาพูดก่อนจะหันหลังกลับแต่เป็นเพราะขาเธอยังเจ็บ
ทำให้เธอล้มลง ภีร์ชิตเข้ามาประคองความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่เริ่มหวั่นไหว เพียงรดาได้สติพยายามลุกขึ้นมาเพื่อกันตัวเองออกห่างจากภีร์ชิต
ภีร์ชิตเห็นท่าการเดินของเพียงรดาก็รู้สึกขัดใจ เขาเข้าไปอุ้มเธอ เพียงรดาร้องเสียงหลง
“คุณจะทำอะไรปล่อยนะ”
“คุณนั่นแหละหยุดร้องซะ ถ้าคุณไม่อยากให้ใครเห็นเราสองคนอยู่ในสภาพแบบนี้” ภีร์ชิตขู่  เพียงรดาหุบปากทันที
ภีร์ชิตอุ้มเพียงรดาเพื่อไปนั่งที่ศาลาริมผา ทั้งคู่ต่างได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของกันและกัน ภีร์ชิตวางเพียงรดาลงอย่างทะนุทะหนอม
“คุณเดินไม่ไหว แต่ยังอวดเก่ง ฝืนทำงานอยู่นั่นแหละ นี่คุณไม่รู้จักรักตัวเองบางเลยหรือไง” ภีร์ชิตต่อทั้งที่สายตาและมือของเขาจับอยู่
ที่ข้อเท้าของเพียงรดา หญิงสาวนิ่งไม่โต้ตอบ ภีร์ชิตเงยหน้าขึ้นมามองอย่างแปลกใจ เพียงรดารู้สึกหายใจไม่ค่อยออกนี่เธอควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่รู้ว่าภีร์ชิตแอบดูเธอทำงานอยู่ทั้งวัน
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ผู้หญิงปากแข็ง” ภีร์ชิตพูดใส่หน้าเพียงรดา ก่อนที่เขาจะก้มลงอีกครั้งเพื่อดูขาของเธอ เขาเห็นขาของเธอเริ่มบวม
“ทำไมปล่อยให้เป็นขนาดนี้”
“ฉันทายาแล้ว”
“แล้วทำไมไม่ขอพัก หรือว่านั่งอยู่เฉยๆก่อน เดินทำงานทำไม” ภีร์ชิตเริ่มโมโห
“แค่ฉันมาทำงานนี้ได้เพราะคุณ แถมวันนี้มาสาย แลัวยังนั่งรถมากับคุณอาร์ทอีก แค่นี้ฉันก็วางตัวไม่ถูกแล้ว อีกอย่างถ้ายังไม่ทำงาน
คงโดนตำหนิได้” เพียงรดาอธิบาย
“คุณอาร์ท เรียกชื่อกันได้สนิทใจจังเลยนะ” ภีร์ชิตประชด เพียงรดาไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรได้แต่ถอนหายใจเพราะผ่านเรื่องวุ่นวายมาทั้งวัน
“คุณภีร์ชิต คุณกลับเข้าไปเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ก็เห็นอยู่ว่าเป็น” ภีร์ชิตเถียง
“นั่งสักพักคงจะดีขึ้น”
“งั้นนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” ภีร์ชิตวิ่งกลับเข้าไปที่กองถ่าย เพียงรดามองแผ่นหลังของชายหนุ่มจนลับตา

“คุณอย่าดีกับฉันมากไปกว่านี้เลย  ถ้าฉันเกิดหวั่นไหวจริงๆขึ้นมา คุณจะทำอย่างไร ในเมื่อคุณก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนนั้นของคุณ”
เพียงรดาบอกกับภีร์ชิตที่วิ่งหายไปแล้ว เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจมากกว่าที่ข้อเท้าขอเธอเสียอีก  เพียงรดาพยายามประคองตัวเองเพื่อหลบไปอีกทางไม่ให้ภีร์ชิตเห็นเธอ ภีร์ชิตรีบวิ่งกลับมาพร้อมยาในมือได้ไม่เห็นเพียงรดาแล้ว เขาหันซ้ายหันขวามองหาเธออย่างร้อนใจเพราะเป็นห่วง
เพียงรดาได้แต่แอบดูภาพนั้นอย่างรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่