มีเรื่องเบาๆมาเล่าสู่กันฟังอีกเช่นเคยครับผู้ชม
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา จขกท.ประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยก็เลยต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
นั่งๆนอนๆจนเบื่อ แถมมือขวาก็ยังจิ้มคีย์บอร์ดไม่ถนัดนัก ก็เลยแวะไปคุยธุระกับเพื่อนซึ่งเปิดบริษัทเล็กๆอยู่ในตัวเมือง
ที่ทำงานของเพื่อนเป็นออฟฟิศเล็กๆมีพนักงานทำงานทั้งหมด9คน ดูอบอุ่นเป็นกันเองดี
นั่งคุยกันไปในห้องทำงานของเพื่อน สักพักนึงก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาขอพบบอกว่าจะขอลากิจ
พอพนักงานเข้ามา ก็ขอลาครึ่งวัน เพื่อกลับบ้านไปดูแลภรรยาเพราะภรรยาป่วยอยู่
เพื่อนก็ถามไถ่อาการของภรรยาพนักงานแล้วก็อนุญาติให้ลา
พร้อมบอกว่าถ้าต้องดูแลต่อยังไง ก็โทรมาบอกด้วยแล้วกัน
พอพนักงานออกไป ก็แซวเพื่อนว่าเถ้าแก่ที่นี่ใจดีจังเลยเว้ย เพื่อนก็ได้แต่ยิ้ม
แล้วเพื่อนก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ภรรยาตัวเองก็ลางานหยุดอยู่บ้านเหมือนกัน เพราะปวดหลัง เลยรีบโทรไปหาทันที
ปรากฎว่า ภรรยากำลังจะไปหาหมอ เพราะปวดหลังมาก แต่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงทำงานต่อเถอะ พอขับรถเองได้
เพื่อนคนนี้ ซึ่งปกติก็ถือว่าเป็นคนบ้างานพอสมควร แต่คราวนี้บอกว่ารอแป๊บเดียวจะพาไปหาหมอเอง
เพื่อนก็เลยขออนุญาติตัวเองลาซะเลย โดยจขกท.ซึ่งไม่มีตำแหน่งอะไรในบริษัทก็รีบอนุมัติให้ลาทันที
พอดีรถปิ๊กอัพของเพื่อน ให้พนักงานเอาไปส่งของให้ลูกค้ายังไม่กลับมา
จขกท.ก็เลยไปส่งเพื่อนที่บ้าน นั่งคุยกันในรถเพื่อนก็สารภาพว่า คิดได้เพราะพนักงานมาลากลับไปดูแลเมียนะเนี่ย
ไม่ถึงครึ่งชม.ก็ไปถึงบ้านเพื่อน เห็นสีหน้าภรรยาเพื่อน ก็รู้เลยว่าดีใจมากแค่ไหน
ถึงใจจะเป็นห่วงงานของสามี แต่ลึกๆก็คงอยากให้สามีมาดูแลนั่นแหละ
เห็นเค้ารีบขับรถพาภรรยาไปหาหมอ เราก็อดรู้สึกปลาบปลื้มใจไปกับเค้าด้วยไม่ได้
ช่างเป็นการแสดงออกของคนรักกันที่ดูอบอุ่นเหลือเกิน
เมื่อไหร่จะมีกับเค้าบ้างน๊อ
จขกท. เชื่อนะว่างานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเราและคนที่เรารัก
และความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดี
แต่เราเองและคนที่เรารักก็คงต้องการความมั่นคงทางความรัก
จากการแสดงออกถึงการใส่ใจดูแล การแสดงออกถึงความห่วงใยซึ่งกันและกัน เช่นกัน
เล่าสู่กันฟัง...ลาเถอะนะ
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา จขกท.ประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยก็เลยต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
นั่งๆนอนๆจนเบื่อ แถมมือขวาก็ยังจิ้มคีย์บอร์ดไม่ถนัดนัก ก็เลยแวะไปคุยธุระกับเพื่อนซึ่งเปิดบริษัทเล็กๆอยู่ในตัวเมือง
ที่ทำงานของเพื่อนเป็นออฟฟิศเล็กๆมีพนักงานทำงานทั้งหมด9คน ดูอบอุ่นเป็นกันเองดี
นั่งคุยกันไปในห้องทำงานของเพื่อน สักพักนึงก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาขอพบบอกว่าจะขอลากิจ
พอพนักงานเข้ามา ก็ขอลาครึ่งวัน เพื่อกลับบ้านไปดูแลภรรยาเพราะภรรยาป่วยอยู่
เพื่อนก็ถามไถ่อาการของภรรยาพนักงานแล้วก็อนุญาติให้ลา
พร้อมบอกว่าถ้าต้องดูแลต่อยังไง ก็โทรมาบอกด้วยแล้วกัน
พอพนักงานออกไป ก็แซวเพื่อนว่าเถ้าแก่ที่นี่ใจดีจังเลยเว้ย เพื่อนก็ได้แต่ยิ้ม
แล้วเพื่อนก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ภรรยาตัวเองก็ลางานหยุดอยู่บ้านเหมือนกัน เพราะปวดหลัง เลยรีบโทรไปหาทันที
ปรากฎว่า ภรรยากำลังจะไปหาหมอ เพราะปวดหลังมาก แต่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงทำงานต่อเถอะ พอขับรถเองได้
เพื่อนคนนี้ ซึ่งปกติก็ถือว่าเป็นคนบ้างานพอสมควร แต่คราวนี้บอกว่ารอแป๊บเดียวจะพาไปหาหมอเอง
เพื่อนก็เลยขออนุญาติตัวเองลาซะเลย โดยจขกท.ซึ่งไม่มีตำแหน่งอะไรในบริษัทก็รีบอนุมัติให้ลาทันที
พอดีรถปิ๊กอัพของเพื่อน ให้พนักงานเอาไปส่งของให้ลูกค้ายังไม่กลับมา
จขกท.ก็เลยไปส่งเพื่อนที่บ้าน นั่งคุยกันในรถเพื่อนก็สารภาพว่า คิดได้เพราะพนักงานมาลากลับไปดูแลเมียนะเนี่ย
ไม่ถึงครึ่งชม.ก็ไปถึงบ้านเพื่อน เห็นสีหน้าภรรยาเพื่อน ก็รู้เลยว่าดีใจมากแค่ไหน
ถึงใจจะเป็นห่วงงานของสามี แต่ลึกๆก็คงอยากให้สามีมาดูแลนั่นแหละ
เห็นเค้ารีบขับรถพาภรรยาไปหาหมอ เราก็อดรู้สึกปลาบปลื้มใจไปกับเค้าด้วยไม่ได้
ช่างเป็นการแสดงออกของคนรักกันที่ดูอบอุ่นเหลือเกิน
เมื่อไหร่จะมีกับเค้าบ้างน๊อ
จขกท. เชื่อนะว่างานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเราและคนที่เรารัก
และความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดี
แต่เราเองและคนที่เรารักก็คงต้องการความมั่นคงทางความรัก
จากการแสดงออกถึงการใส่ใจดูแล การแสดงออกถึงความห่วงใยซึ่งกันและกัน เช่นกัน