โดนบังคับให้ลาออก จาก บมจ.สีส้ม

กระทู้คำถาม
ประสบการณ์ของแม่เรา ที่ทำงานกับที่นี่ เข้าสู่ปีที่ 14
ขอเล่า ตั้งแต่ต้นก่อนนะค่ะ คือแม่เราทำงานในส่วนของแผนก ต้องมีการซื้อขายตลอดเวลา ตอนที่แม่เข้าไปทำงานใหม่ๆ พนักงานก็จะมีอยู่ประมาณ6 คน รวมแม่บ้านแล้ว ซึ่งสองคนในแผนกแม่เรานั้น มีสามีภรรยากัน(สามีเราขอเรียกแทนว่าคุณปอ ส่วนภรรยาขอเรียกแทนว่าคุณบอ) รวมอยู่ในที่ทำงาน ซึ่งก็ไม่แน่ใจนะค่ะ ว่าบริษัทนี้อาจให้สามีภรรยาทำงานร่วมกันได้ด้วยหรอ!
แรกๆ การทำงานก็เป็นไปยังปกติดี แต่พอ2ปี ผ่านไปคนในที่ทำงานก็ต้องเริ่มลาออก ทีละคนทีละคน ผ่านไปปีที่4-5 ก็ออกอีกคน จนสุดท้ายออกหมด ก็รับมาใหม่อยู่ได้ไม่นานก็ลาออก สุดท้ายเหลือแค่แม่เรากับแม่บ้าน ที่ยังทำอยู่ในแผนกนี้ แต่แม่เรามีปัญหาอะไรก็มาเล่าให้เราฟังตลอด ว่าสามีภรรยาทำงานด้วยกัน ก็ต้องมีนอกในกันเป็นธรรมดา แต่แม่เราก็อดทนเพราะอายุก็เยอะแล้วจะออกไปหางานที่ไหนก็ลำบาก ก็ต้องทำไปเพราะคิดว่าที่นี่จะมั่นคงและสามารถอยู่ได้จนอายุ 60ปี
เล่าต่อนะค่ะ  ประมาณต้นปี 58 คุณปอ (สามี) ก็เลื่อนขั้นเป็น ผจก ค่ะ  
จนถึงจุดพีคคค แม่บ้าน ระยะหลังมานี่ แม่บ้านเริ่มป่วยเป็นโรคประจำตัว ต้องออกไปหาหมออยู่บ่อยๆ แต่ทางแม่บ้านแกก็ยังหาคนมาทำงานแทนนะค่ะ (แต่หน้าที่คนชงกาแฟให้ลูกค้า แม่บ้านต้องทำ คนที่จ้างมาทำแทนไม่ได้ทำนะค่ะ เพราะแม่บ้านที่จ้างมาชงไม่เป็นแล้วก็ต้องไปทำความสะอาดแผนกอื่น จึงตกเป็นหน้าที่ของแม่เรากับคุณบอ จะช่วยกันชงกาแฟให้ลูกค้าแทนแม่บ้าน) เแกไปหาหมอประมาณ 2 อาทิตย์ได้ เพราะป่วยหนักมากจริงๆ เท่านั้นแหละค่ะ ก็เกิดการสนทนาขึ้น
คุณบอ : ก็พูดด้วยความหวังดีกับแม่บ้านว่า ป้ารักษาตัวเถอะเนอะ ไว้หายก็ค่อยก็มาทำงาน ทางนี้แค่นิดหน่อย บอ ทำได้
แม่บ้าน : เกรงใจคุณ บอ จริงๆ แล้วจะให้ลาออกได้นะค่ะ เพราะตอนนี้ร่างกายไม่ไหวจริงๆ
คุณบอ : ป้า รักษาตัวไปเถอะ ถ้าป้าออกไป ป้าก็ไม่มีรายได้สิ (ฐานะของทางบ้านของแม่บ้านจะเป็นอาชีพหาเช้ากินค่ำ)
แม่บ้าน : ไว้ป้าจะรีบรักษาตัวให้หายนะค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะ

และหลังจากการสนทนาจบลง คุณปอ (สามี) ก็ได้โทรไปแจ้งทางบริษัทที่แม่บ้านเป็นซัพอยู่ ว่าแม่บ้านคนนี้ กินหัวคิวจ้างคนอื่นมาทำงานแทน อู้งานชอบออกไปในเวลางาน ทั้งที่จริงๆ แล้วแม่บ้านคนนี้ อายุงาน ประมาณ 18 ปีได้ ซึ่งทำงานดีมาตลอด มาก็เช้า ตั้งแต่6โมง ทุกวัน อดทนกับคำด่าว่าของสองสามีภรรยามาตลอด ไม่เคยจะขาดงานเลยนะค่ะ แม้แต่ลูกของแม่บ้านรับปริญญายังไม่ไปเลย มาทำงานเพราะกลัวเจ้านายจะว่า แต่สุดท้ายเค้าก็โดนไล่ออกเพียงเพราะมีคนแบบนี้ใน บริษัท (ตอนนี้แม่บ้านคนนั้นเสียชีวิตเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาค่ะ)

พีคคสุด แม่เรา ที่โดนกดดันจาก สนญ. และหัวหน้าฝ่ายสำนักงานใหญ่ของแม่ โทรมาต่อว่าแม่เรา เรื่องไม่ฟังผู้บังคับบัญชา เพราะแม่เราจะขอลาไปบ้านญาติต่างจังหวัด แต่คุณปอ ผจก. ไม่ให้แม่เราไปเหตุผลที่ว่า ยังไม่มีใครชงกาแฟให้ลูกค้า เพราะอยู่กันแค่สองคนกับภรรยา และหัวหน้า สนญ. ก็ว่า แม่เราอีก ว่าคุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ คุณลาบ่อย ห๊ะ! บอกเลยนะค่ะ ทั้งปีแม่เราไม่เคยลาเลยค่ะ จนโดนตัดสิทธิ์ลาไปทุกๆ ปี แต่ครั้งนี้จำเป็นจริงๆ ก็ลาไม่ได้ค่ะ สรุป ก็ไม่ได้ลา มาทำงานเหมือนเดิม
เดือนต่อมา มีฝ่ายบุคคลโทรมาหาแม่เรา ว่าจะให้เขียนใบลาออก แม่จึงพูดว่า ขอไปทำที่ กทม ได้ไหม เค้าบอกว่าไม่ได้ค่ะ ไม่มีตำแหน่งว่าง
แต่แม่ลองโทรถามเพื่อนร่วมงานที่อยู่ต่างสาขากัน เค้าบอกว่า มีให้เลือก ว่า จะทำ กทม หรือลาออกก็ได้
ทำไมมมมมมม หล่ะ! เพียงเพราะมีปัญหาแค่นี้ถึงกับตัดช่องทางไม่ให้แม่เรา ได้ทำงานต่อเลยหรอ แม่เครียดมากตัดสินใจอยู่นาน สุดท้ายทางบริษัทก็ให้แม่เขียนใบลาออกด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องดูแลครอบครัว (จริงๆ แม่เราไม่ต้องดูแลใครนะค่ะ เพราะตอนนี้เราทำงานแล้ว แต่เป็นมนุษย์เงินเดือนเพิ่งจบปริญญาตรีมา ยังไม่พอที่จะเลี้ยงแม่ได้หมด เพราะแม่เราก็มีหนี้สินด้วย)
การลาออกครั้งนี้ ได้เงินชดเชยเพียง 10เดือน เท่านั้น และตอนนี้แม่เราอายุ 50ปี หนี้สินก็ยังมีอยู่! ทุ่มเทมากับ บมจ. ที่คิดว่าจะมั่นคง แต่สุดแล้วก็ให้กระดาษสีขาวกับ เงินก้อนนึงไปต่อชีวิตก็เท่านั้นนนน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่