คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ครอบครัวเราก็แยกกระเป๋ากันใช้ค่ะ แต่ก่อนแยกเราจะเอารายได้มารวมกันก่อนนะค่ะ เพื่อแยกออกเป็น ค่าใช้จ่ายภายในบ้านที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เงินฝากธนาคารเพื่อลูก เงินที่จำเป็นต้องส่งให้แม่ของเราสำหรับค่าใช้จ่ายของลูก (แม่เลี้ยงลูกสาวให้ค่ะ) ค่าผ่อนรถ ส่วนที่เหลือก็จำนำมาแบ่งกัน แต่สามีจะได้มากกว่าประมาณ 10% เพราะต้องจ่ายค่าน้ำมันรถค่ะ ส่วนเราโดยสารรถไฟฟ้า สบายใจเฉิบแค่เดือนละ1000 บาทเท่านั้น เท่าที่อยู่กันมา 2 ปีก็โอเคนะค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรกับรื่องเงินในส่วนนี้ จะมีบ้างที่ออกไปทานนอกบ้าง ก็มีสามีจ่ายบ้าง บางทีเราก็จ่ายแล้วแต่อารมณ์ความอยากจ่ายค่ะ อิอิ
สุดยอดความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
บางท่านแต่งงานทำไมต้องแยกกระเป๋าสตางค์กัน
แต่ผมโตมาในครอบครัวที่ รวมกระเป๋า พ่อแม่รายได้แต่ละเดือนได้เท่าไรก็รวมกัน แล้วค่อยนำไปใช้จ่าย
ผมโตขึ้นมาแต่งงาน รายได้ก็เอามารวมกันแล้วค่อยใช้จ่าย
ผมเห็นบางท่านแต่งงานกันแล้ว มีการจัดสรรรายได้ที่รับมา เช่นรับมาคนละ 50,000 บาท
-แบ่งมาใช้ในครอบครัวเท่านั้นเท่านี้
-คนนี้จ่ายค่านี้คนนั้นจ่ายค่านั้น
-ส่วนนี้สำหรับส่วนตัว
-ส่วนนี้สำหรับให้พ่อให้แม่ของแต่ละฝ่าย
- และอื่นฯลฯ
เลยอยากถามท่านที่แยกกระเป๋ากันว่า แต่งงานกันแล้วไม่มีความรู้สึกว่าเป็นคนๆเดียวกันหรือครับ แยกกระเป๋ากันเหมือน หจก. สามีภรรยาไม่ควรมีคำว่า เรื่องส่วนตัวไม่ใช่หรือครับ ทั้งเรื่องเงิน และ เรื่องส่วนตัว เพราะหากสามีภรรยา มีความลับส่วนตัวที่เข้าไม่ถึง ไม่ว่าเรื่องเงิน หรือส่วนตัว (ที่เข้าไม่ถึงก็คือเงินที่กันไว้ใช้ส่วนตัวนะครับเพราะไม่รู้เอาไปใช้อะไร) มันจะทำให้เกิดการเคลือบแคลงสงสัย กับอีกฝ่าย นำไปซึ่งการทะเลาะเบาะแว้งกัน
ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ผมไม่ได้ว่าแบบไหนดีหรือไม่ดี เพียงแต่อยากแลกเปลี่ยนประสบการ์ณกับท่านที่คิดไม่เหมือนกัน