หากสิ่งที่จะพิมพ์ต่อไปนี้อ่านแล้วสับสนยังไง ก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะ
เพราะรู้สึกช่วงนี้ตัวเราเองไปไม่ถูกและสับสนมาก แต่อยากกลั่นกลองทุกปัญหาทีเดียว
ว่าเราจะจบเรื่องนี้อย่างไร
เราเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี เพียงแต่พ่อแม่เป็นคนจีนแท้ๆ
จึงต้องอยู่ในโอวาสเวลาชี้นกต้องเป็นนก ชี้ปลาก็สั่งให้เป็นปลาได้
คุณพ่อมีเมียน้อยและมีอำนาจใหญ่ที่สุดจนสามารถมีลูกและให้เมียน้อยมาอยู่บ้านเดียวกัน
(ทั้งๆที่ลูกๆเมียหลวงและคุณแม่ก็รับไม่ได้แต่ก็อยู่กันจนลูกเค้าขึ้น ป.6 แล้ว)
เราเป็นคนที่มีนิสัยเหมือนผู้ชายแต่เด็ก ไม่เคยเล่นบาร์บี้เนื่องจากตอนเด็กๆยากจน
จนต้องเล่นหุ่นยนต์กับพี่ชาย และสนิทกับพี่ชายมาก เพราะไปเตะฟุตบอลด้วยกันตลอด
คุณพ่อก็สนับสนุน และชอบให้เราเล่นกีฬาที่เหมือนผู้ชาย
การแต่งกายของเราไม่เคยแต่งตัวเป็นผู้หญิง หากแต่งก็เกิดจากการบังคับ
เวลามีงานที่โรงเรียนตอนเด็กๆ ก็จะรู้สึกอึดอัดที่จะใส่มัน
พอวันนี้เราโตขึ้นเรียนจบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เรียนจบนอก
อนาคตเราถูกวางแผนไว้ให้มาสานต่อธุรกิจที่บ้าน
คุณพ่อก็ต้องอยู่ใกล้ชิดเรามากขึ้นเนื่องจากสอนงาน ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราเรียนไกลจากพ่อตลอด
เพราะไม่อยากฟังคำบ่นเรื่องการแต่งตัวของเรา (แต่เราก็ไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ทนะ ใส่ธรรมดาเสื้อยืด)
แต่ในตอนนี้เราต้องฟังคำพุดของคุณพ่อที่คอยกรอกหูทุกวันว่า
" เราเป็นผู้หญิงนะ อนาคตเราต้องมีครอบครัว มีลูก หากเราเป็นทอมเราก็จะไม่เจริญ มีญาติหรือหลานมาหลอก
ทำงานหนักก็มีแต่เอาเงินไปให้ผู้หญิง เราจะต้องอยู่อย่างโดดเดียวในอนาคต และหากจะเป็นก็รับไม่ได้
เพราะตระกูลเราไม่เคยมีแบบนี้ "
ในวันนี้เราก็โตมากแล้ว เราเป็นคนขยันเรียน และตั้งใจทำงาน เรื่องเหล่านี้เราทำให้คุณพ่อภูมิใจตลอด
แต่เรื่องเพศเราทำให้พ่อผิดหวังตลอด จนเราต้องพยายามเปลี่ยนตัวเอง แต่งตัวให้เป็นหญิงมากขึ้น
แต่เรากลับรู้สึกเกลียด และเครียด ที่ต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิง มันทำให้มีผลต่อความเครียดของเราจนไม่อยากทำอะไร
ไม่อยากจะตื่นมาเจอโลก อยากจะหลับไม่อยากเจอหน้าใคร
เราควรไปพบจิตแพทย์พร้อมคุณพ่อเลยดีไหม
เราควรจะคุยยังไงกับคุณพ่อดี (จริงๆคุณแม่รับได้อยู่แล้ว)
ทุกวันนี้เราอยากตายมากเพราะที่บ้านก็ไม่เข้าใจเรา
แต่เราก็คิดตลอดว่าพ่อส่งเสียให้เราเรียนดีๆ ก็ต้องทำอะไรให้คุณพ่อดีกว่าคิดสั้น
แต่คุณพ่อก็ดุมาก ตอนเด็กๆถึงกับโดนตบไปหลายทีเรื่องนี้
ในวันนี้ถ้าเราจะบอกว่าเรารับได้กับทุกอย่างในอนาคต เราควรคุยกับพ่อดีไหม
เป็นทอมแต่ที่บ้านรับไม่ได้
เพราะรู้สึกช่วงนี้ตัวเราเองไปไม่ถูกและสับสนมาก แต่อยากกลั่นกลองทุกปัญหาทีเดียว
ว่าเราจะจบเรื่องนี้อย่างไร
เราเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี เพียงแต่พ่อแม่เป็นคนจีนแท้ๆ
จึงต้องอยู่ในโอวาสเวลาชี้นกต้องเป็นนก ชี้ปลาก็สั่งให้เป็นปลาได้
คุณพ่อมีเมียน้อยและมีอำนาจใหญ่ที่สุดจนสามารถมีลูกและให้เมียน้อยมาอยู่บ้านเดียวกัน
(ทั้งๆที่ลูกๆเมียหลวงและคุณแม่ก็รับไม่ได้แต่ก็อยู่กันจนลูกเค้าขึ้น ป.6 แล้ว)
เราเป็นคนที่มีนิสัยเหมือนผู้ชายแต่เด็ก ไม่เคยเล่นบาร์บี้เนื่องจากตอนเด็กๆยากจน
จนต้องเล่นหุ่นยนต์กับพี่ชาย และสนิทกับพี่ชายมาก เพราะไปเตะฟุตบอลด้วยกันตลอด
คุณพ่อก็สนับสนุน และชอบให้เราเล่นกีฬาที่เหมือนผู้ชาย
การแต่งกายของเราไม่เคยแต่งตัวเป็นผู้หญิง หากแต่งก็เกิดจากการบังคับ
เวลามีงานที่โรงเรียนตอนเด็กๆ ก็จะรู้สึกอึดอัดที่จะใส่มัน
พอวันนี้เราโตขึ้นเรียนจบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เรียนจบนอก
อนาคตเราถูกวางแผนไว้ให้มาสานต่อธุรกิจที่บ้าน
คุณพ่อก็ต้องอยู่ใกล้ชิดเรามากขึ้นเนื่องจากสอนงาน ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราเรียนไกลจากพ่อตลอด
เพราะไม่อยากฟังคำบ่นเรื่องการแต่งตัวของเรา (แต่เราก็ไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ทนะ ใส่ธรรมดาเสื้อยืด)
แต่ในตอนนี้เราต้องฟังคำพุดของคุณพ่อที่คอยกรอกหูทุกวันว่า
" เราเป็นผู้หญิงนะ อนาคตเราต้องมีครอบครัว มีลูก หากเราเป็นทอมเราก็จะไม่เจริญ มีญาติหรือหลานมาหลอก
ทำงานหนักก็มีแต่เอาเงินไปให้ผู้หญิง เราจะต้องอยู่อย่างโดดเดียวในอนาคต และหากจะเป็นก็รับไม่ได้
เพราะตระกูลเราไม่เคยมีแบบนี้ "
ในวันนี้เราก็โตมากแล้ว เราเป็นคนขยันเรียน และตั้งใจทำงาน เรื่องเหล่านี้เราทำให้คุณพ่อภูมิใจตลอด
แต่เรื่องเพศเราทำให้พ่อผิดหวังตลอด จนเราต้องพยายามเปลี่ยนตัวเอง แต่งตัวให้เป็นหญิงมากขึ้น
แต่เรากลับรู้สึกเกลียด และเครียด ที่ต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิง มันทำให้มีผลต่อความเครียดของเราจนไม่อยากทำอะไร
ไม่อยากจะตื่นมาเจอโลก อยากจะหลับไม่อยากเจอหน้าใคร
เราควรไปพบจิตแพทย์พร้อมคุณพ่อเลยดีไหม
เราควรจะคุยยังไงกับคุณพ่อดี (จริงๆคุณแม่รับได้อยู่แล้ว)
ทุกวันนี้เราอยากตายมากเพราะที่บ้านก็ไม่เข้าใจเรา
แต่เราก็คิดตลอดว่าพ่อส่งเสียให้เราเรียนดีๆ ก็ต้องทำอะไรให้คุณพ่อดีกว่าคิดสั้น
แต่คุณพ่อก็ดุมาก ตอนเด็กๆถึงกับโดนตบไปหลายทีเรื่องนี้
ในวันนี้ถ้าเราจะบอกว่าเรารับได้กับทุกอย่างในอนาคต เราควรคุยกับพ่อดีไหม