(Not)Alone: เที่ยวภูเขาไฟมายอน Mayon Volcano

ตอนนี้มีเวบเป็นหลักเป็นแหล่งแล้วนะคะ ถ้าเบื่อๆก็เข้ามาได้ดูได้นะ www.iroamalone.com ค่ะ


     ภูเขาไฟมายอน คงเป็นที่ได้ยินได้ฟังมากขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่วันมานี้ เพราะทั้งหน้าหนังสือพิมพ์และจอโทรทัศน์ต่างลงข่าวเหตุภูเขาไฟปะทุ ส่งผลให้มีคน 5 คนเสียชีวิตและยังมีหลายคนที่บาดเจ็บ ฉันอดตกใจไม่ได้ เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันยังเดินเล่นถ่ายรูปภูเขาไฟลูกนี้อยู่หยกๆ ทุกอย่างดูสวยและสงบ ไม่มีวี่แววของอันตรายเลยแม้แต่น้อย แต่ก็อย่างที่เขาว่ากัน ของสวยงามมักแฝงด้วยอันตราย นี่คงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนตัวอย่างหนึ่ง
    ณ ตอนนี้ข่าวจากหลากหลายสำนักได้นำเสนอภาพความน่ากลัวของภูเขาไฟลูกนี้  ทั้งความรุนแรง ประวัติศาสตร์การปะทุที่คร่าชีวิตคนมากมาย แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน วันนี้ฉันขอเลือกเอาด้านที่สวยงามมาบอกเล่าแล้วกัน
    คำว่า มายอน มาจากคำว่า มากายอน (Magayon) ที่แปลว่า ‘สวยงาม’ เขาว่ากันว่าภูเขาไฟมายอน คือ ภูเขาไฟที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก เพราะมีรูปทรงเป็นทรงกรวยที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ 360 องศา  ฉันก็สามารถมองเห็นมายอนยืนตระหง่าน อวดรูปร่างไร้ที่ติอยู่ไกลๆ ตั้งแต่เครื่องบินยังไม่ทันแตะพื้น
    ความตั้งใจของฉันในครั้งนี้ไม่ใช่การปีนขึ้นไปที่ปากปล่องของเธอ แต่เป็นเพียงการมองดูอยู่ห่างๆเท่านั้น ทำไมน่ะหรือ? ไม่ใช่เพราะฉันขี้เกียจนะ(รึเปล่า?) แต่เป็นเพราะว่าฉันรู้สึกว่าภูเขาไฟลูกนี้สวยที่สุดเมื่อมองจากที่ไกล และฉันตั้งใจไว้ว่าฉันจะถ่ายรูปเธอคนนี้จากหลายๆมุม อยากจะรู้ว่าสมบูรณ์แบบจริงหรือไม่...

จาก Ligñon Hill Natural Park

    ที่แรกที่ฉันมุ่งหน้าไป คือ Ligñon Hill Natural Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมอยู่บนยอดเขา จากบริเวณนี้เราสามารถมองลงมาดูเมืองเลกาสปิ(Legazpi) ดาราก้า(Daraga) และภูเขาไฟมายอนได้ ที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากเมือง Legazpi ไปประมาณ 20 นาที
    ฉันคิดไว้ว่าจะไปให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตก
    “Ligñon Hill” ฉันตะโกนถามคนขับรถจี๊บนี่ (Jeepney) เสียงลั่น
    พอคนขับพยักหน้ารับเท่านั้น พวกเราก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ รถเปิดเพลงลูกกรุงเสียงดังลั่น สลับเร้กเก้ สลับเพลงสากล ฉันโยกไหล่ไปมาตามจังหวะดนตรี นั่งเพลินๆ คุณลุงคนขับหน้าตาใจดีก็ส่งสัญญานว่าถึงแล้ว
    อยากรู้ไหมว่าราคาเท่าไหร่?
    8 เปโซ!!! แอบนึกดีใจที่ไม่ได้เช่ารถจองทัวร์ ไม่อย่างนั้นเสียดายเงินแย่
    จากทางเข้าจะต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ 20 นาที  กว่าจะขึ้นไปถึงฉันก็แอบหอบเล็กน้อย... ขึ้นไปถึงก็จะมีสวนเล็กๆให้นั่งเล่น มองออกไปก็จะเห็นมายอนตั้งตระหง่านเป็นราชินีประจำเมือง ส่วนอีกด้านก็จะตัวเมืองเลกาสปิแผ่กว้างออกไปติดริมมหาสมุทร ด้านบนมีร้านค้าร้านอาหาร และมีกิจกรรมไว้สำหรับพวกชอบอะดรีนาลีน เช่น Zip-line รถเอทีวี ปีนผาอะไรก็ว่าไป
    ฉันขอแค่ถ่ายรูปแล้วกัน...


    คนท้องถิ่นเรียกภูเขาไฟลูกนี้ว่า ‘หญิงสาวขี้อาย’ เพราะว่ามายอนมักจะแอบเข้าไปหลบอยู่หลังกลุ่มเมฆเสมอ เห็นจะจริงเพราะตอนนี้เมฆก้อนใหญ่ได้ปกคลุมเหนือยอดมายอนจนมิด ในระหว่างที่รอเวลาตอนที่เมฆจะโดนลมพัดไป ฉันก็นั่งเล่น ดูคนไปเพลินๆ
    ทั้งคู่สาวเพื่อนซี้ที่นั่งฟังเพลงเกาหลีเสียงดังลั่น คู่รักวัยเด็กที่ขึ้นมานั่งส่งตาหวานใส่กัน หรือตากล้องมือโปรที่ขึ้นถ่ายรูปให้กับคู่รักชายหญิงโดยมีภูเขาไฟเป็นฉากหลัง มีทั้งตากล้องสมัครเล่นที่หอบหิ้วขาตั้งกล้องขึ้นมา และยังมีกลุ่มนักเรียนกลุ่มใหญ่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังลั่น
    เวลาเกือบสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมฆยังไม่ไปไหน ลอยผ่านไปผ่านมาอย่างนั้น ยังดีที่ว่ามายอนได้ยอมเผยปลายส่วนยอดออกมาให้ฉันได้ชักภาพไว้เป็นที่ระลึกบ้าง เท่านี้ก็ดีแล้วล่ะ ภูเขาไฟสีเขียวเข้มดูหนักแน่นตัดกับเมฆสีขาวฟุ้งๆก้อนใหญ่ที่เปื้อนสีทองจากประกายแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับของฟ้าไป ธรรมชาติดูอย่างไรก็ไม่น่าเบื่อ


    เสน่ห์ของธรรมชาติคงอยู่ที่การอยู่เหนือความควบคุมของมนุษย์นี่ล่ะ ถ้าวันหนึ่งเราควบคุมให้เมฆลอยมาลอยไปได้ คงจะน่าเบื่อไม่น้อย
    ภารกิจเรียบร้อย ตอนนี้ได้เวลาโบกจี๊บนี่กลับที่พัก พรุ่งนี้ฉันจะออกตั้งแต่ 6 โมงเช้า ฉันจะต้องได้เห็นมายอนตอนไม่มีเมฆให้ได้ หวังว่าตอนเช้าเธอคงยังไม่ทันจะ ‘อาย’ หนีไปหลบไปอยู่หลังเมฆนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่