ลูกถีบหลวงพ่อชา
: อย่าฝากหัวใจไว้กับคนอื่น
พระอาจารย์ฟิลลิป ญาณธมฺโม
วัดป่ารัตนวัน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
อาตมาอาจจะเป็นพระองค์เดียวในวงลูกศิษย์หลวงพ่อชา
“ที่โดนท่านถีบ” แต่ว่าซาบซึ้งที่ท่านถีบอาตมา
และเพราะความซาบซึ้งนั้นจะมาเล่าให้ญาติโยมฟัง
คือตอนนั้นอาตมาบวชใหม่ๆ พรรษาแรกอยู่ที่วัดหนองป่าพง
ปีนั้นพระเณร ๗๐ กว่ารูป พระเยอะ ญาติโยมเข้าวัดกันมาก
วันนั้นได้ไปบิณฑบาต ตอนกลับจากบิณฑบาตมีพระองค์หนึ่งมาคุยด้วย
และพระองค์นั้นก็เพิ่งบวชใหม่เหมือนกัน ทั้งสององค์ต่างยังมีนิสัยแบบฆารวาส
และพระองค์นั้นก็ได้ไปตำหนิติเตียนพระที่อยู่ในวัดที่ไม่ถูกใจ
อาตมาฟังแล้วคิดในใจว่า บวชเป็นพระทำไมมาจับผิดกัน
ทำไมท่านตำหนิพระองค์นั้นองค์นี้ ก็เลยเดินหนีไม่อยากคุยด้วย
แต่ไม่ได้เดินหนีอย่างเดียว เดินหนีตำหนิท่านในใจ ยังคิดเรื่องท่าน
พอดีเดินเข้ามาในวัด เดินก้มหน้าคิดถึงเรื่องพระองค์นี้องค์นั้นอยู่
ได้ยินเสียงหลวงพ่อชาพูดขึ้นมาว่า “กูดมอนิ่ง”
ก็มองขึ้นไป เห็นหลวงพ่อชาก็อยู่ใกล้ๆ ท่านยิ้มใส่เรา
พูดภาษาอังกฤษ “กูดมอนิ่ง” แปลว่า สวัสดีตอนเช้า
เราก็ดีใจ ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อพูดเป็นภาษาอังกฤษ
ก็เลยยกมือไหว้ท่านและตอบท่านว่า “กูดมอนิ่ง หลวงพ่อ”
หลวงพ่อชาท่านพูดภาษาอังกฤษได้ ๒ คำ “กูดมอนิ่ง” สวัสดีตอนเช้า
กับ “ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที” แปลว่า คุณต้องการน้ำชาไหม
เพราะหลวงพ่อท่านเคยไปประเทศอังกฤษ
ชาวอังกฤษเขากินน้ำชากันทั้งวันทั้งคืน
และเขาจะถามตลอดเวลา “ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที”
หลวงพ่อเลยท่องไว้จำไว้ เพราะท่านว่ามันจำง่ายดี
เพราะว่าเหมือนพระสวดให้พร ยถาวริวะหา อุปปะกัปปาติ
แต่ท่านไม่ได้ถามอาตมา “ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที”
เรายกมือไหว้ท่านรู้สึกดีใจ อารมณ์เปลี่ยน ฉันเสร็จก็กลับกุฏิ
เดินจงกรมนั่งสมาธิถึงหกโมงเย็น ก็คิดว่าเดี๋ยวจะไปกุฏิหลวงพ่อชา
ถ้าใครเคยไปวัดหนองป่าพง จะเห็นกุฏิเก่าของท่านข้างๆ โบสถ์
ซึ่งหลวงพ่อมักจะนั่งบนเก้าอี้หวาย อาตมาเข้าไปก็กราบท่าน
ขอนวดเท้าเพราะเราเคยฝึกนวดเท้า บางครั้งท่านจะให้เราไปนวด
วันนั้นพระเณรเยอะ ประมาณทุ่มหนึ่งเขาตีระฆัง
ท่านก็ไล่พระเณรขึ้นโบสถ์หมด พระเณรประมาณ ๗๐ รูป
ท่านบอกว่า ท่านญาณอยู่นี่ ก็นั่งสองต่อสองกับท่าน ก็จับเท้าท่านไว้
ท่านก็ไม่ได้พูดท่านนั่งหลับตาภาวนา เราก็นวดเท้าท่าน อากาศเย็นสบายช่วงฤดูหนาว
พระ ๗๐ รูปเริ่มสวดมนต์ทำวัตรเย็น เราฟังพระสวดมนต์ ๗๐ รูป
เหมือนเทวดา เหมือนเทพกำลังจะโปรดเรา เราก็นั่งคิด
เรากำลังนั่งกับพระอรหันต์ กำลังสร้างบุญกุศล ถวายการนวดแก่พระอรหันต์อยู่
เทวดากำลังสวดอนุโมทนาด้วย จิตใจขึ้นสวรรค์เลย พอดีจิตใจขึ้นสวรรค์
หลวงพ่อใช้เท้าถีบหน้าอกอาตมาจนหงายหลัง
หัวกระแทกพื้น เราก็ช็อกอยู่ งงเลย...!!!
หลวงพ่อชี้หน้า นั่นตอนเช้าพระองค์หนึ่งพูดไม่ถูกใจเรา เราก็เสียใจ
อีกองค์หนึ่งพูดแค่ “กูดมอนิ่ง” ดีใจทั้งวัน อย่าไปดีใจ เสียใจกับคำพูดคนอื่น
อย่าไปฝากหัวใจไว้กับคนอื่น ต้องฝากหัวใจไว้กับพระธรรม
ทีนี้ท่านก็เทศน์กัณฑ์ใหญ่ เราก็ยกมือไหว้ท่าน น้ำตาไหล
เพราะอะไร ซาบซึ้งในเมตตากรุณาของท่าน ท่านก็คงเห็นเราตอนเช้า
ว่าพระองค์นี้ตกนรก จิตเป็นทุกข์ เพราะคำพูดคนอื่น
ท่านก็เลยพูดแค่ “กูดมอนิ่ง” ให้ดึงเราขึ้นจากนรก
และตอนเย็นท่านก็ปล่อยให้เรานวดเท้าท่านให้ขึ้นสวรรค์
ขึ้นสวรรค์แล้ว ต้องถีบลงมาถึงแผ่นดิน
เพราะเทวดาสอนธรรมไม่ได้ ต้องมนุษย์ เพื่อให้จดจำไว้
“อย่าฝากหัวใจไว้กับคำพูดของผู้อื่น เพราะเราจะผิดหวัง
ต้องฝากหัวใจไว้กับพระธรรม
ก็เลยได้จดจำคำพูดหลวงพ่อ...”
ลูกถีบหลวงพ่อชา
: อย่าฝากหัวใจไว้กับคนอื่น
พระอาจารย์ฟิลลิป ญาณธมฺโม
วัดป่ารัตนวัน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
อาตมาอาจจะเป็นพระองค์เดียวในวงลูกศิษย์หลวงพ่อชา
“ที่โดนท่านถีบ” แต่ว่าซาบซึ้งที่ท่านถีบอาตมา
และเพราะความซาบซึ้งนั้นจะมาเล่าให้ญาติโยมฟัง
คือตอนนั้นอาตมาบวชใหม่ๆ พรรษาแรกอยู่ที่วัดหนองป่าพง
ปีนั้นพระเณร ๗๐ กว่ารูป พระเยอะ ญาติโยมเข้าวัดกันมาก
วันนั้นได้ไปบิณฑบาต ตอนกลับจากบิณฑบาตมีพระองค์หนึ่งมาคุยด้วย
และพระองค์นั้นก็เพิ่งบวชใหม่เหมือนกัน ทั้งสององค์ต่างยังมีนิสัยแบบฆารวาส
และพระองค์นั้นก็ได้ไปตำหนิติเตียนพระที่อยู่ในวัดที่ไม่ถูกใจ
อาตมาฟังแล้วคิดในใจว่า บวชเป็นพระทำไมมาจับผิดกัน
ทำไมท่านตำหนิพระองค์นั้นองค์นี้ ก็เลยเดินหนีไม่อยากคุยด้วย
แต่ไม่ได้เดินหนีอย่างเดียว เดินหนีตำหนิท่านในใจ ยังคิดเรื่องท่าน
พอดีเดินเข้ามาในวัด เดินก้มหน้าคิดถึงเรื่องพระองค์นี้องค์นั้นอยู่
ได้ยินเสียงหลวงพ่อชาพูดขึ้นมาว่า “กูดมอนิ่ง”
ก็มองขึ้นไป เห็นหลวงพ่อชาก็อยู่ใกล้ๆ ท่านยิ้มใส่เรา
พูดภาษาอังกฤษ “กูดมอนิ่ง” แปลว่า สวัสดีตอนเช้า
เราก็ดีใจ ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อพูดเป็นภาษาอังกฤษ
ก็เลยยกมือไหว้ท่านและตอบท่านว่า “กูดมอนิ่ง หลวงพ่อ”
หลวงพ่อชาท่านพูดภาษาอังกฤษได้ ๒ คำ “กูดมอนิ่ง” สวัสดีตอนเช้า
กับ “ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที” แปลว่า คุณต้องการน้ำชาไหม
เพราะหลวงพ่อท่านเคยไปประเทศอังกฤษ
ชาวอังกฤษเขากินน้ำชากันทั้งวันทั้งคืน
และเขาจะถามตลอดเวลา “ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที”
หลวงพ่อเลยท่องไว้จำไว้ เพราะท่านว่ามันจำง่ายดี
เพราะว่าเหมือนพระสวดให้พร ยถาวริวะหา อุปปะกัปปาติ
แต่ท่านไม่ได้ถามอาตมา “ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที”
เรายกมือไหว้ท่านรู้สึกดีใจ อารมณ์เปลี่ยน ฉันเสร็จก็กลับกุฏิ
เดินจงกรมนั่งสมาธิถึงหกโมงเย็น ก็คิดว่าเดี๋ยวจะไปกุฏิหลวงพ่อชา
ถ้าใครเคยไปวัดหนองป่าพง จะเห็นกุฏิเก่าของท่านข้างๆ โบสถ์
ซึ่งหลวงพ่อมักจะนั่งบนเก้าอี้หวาย อาตมาเข้าไปก็กราบท่าน
ขอนวดเท้าเพราะเราเคยฝึกนวดเท้า บางครั้งท่านจะให้เราไปนวด
วันนั้นพระเณรเยอะ ประมาณทุ่มหนึ่งเขาตีระฆัง
ท่านก็ไล่พระเณรขึ้นโบสถ์หมด พระเณรประมาณ ๗๐ รูป
ท่านบอกว่า ท่านญาณอยู่นี่ ก็นั่งสองต่อสองกับท่าน ก็จับเท้าท่านไว้
ท่านก็ไม่ได้พูดท่านนั่งหลับตาภาวนา เราก็นวดเท้าท่าน อากาศเย็นสบายช่วงฤดูหนาว
พระ ๗๐ รูปเริ่มสวดมนต์ทำวัตรเย็น เราฟังพระสวดมนต์ ๗๐ รูป
เหมือนเทวดา เหมือนเทพกำลังจะโปรดเรา เราก็นั่งคิด
เรากำลังนั่งกับพระอรหันต์ กำลังสร้างบุญกุศล ถวายการนวดแก่พระอรหันต์อยู่
เทวดากำลังสวดอนุโมทนาด้วย จิตใจขึ้นสวรรค์เลย พอดีจิตใจขึ้นสวรรค์
หลวงพ่อใช้เท้าถีบหน้าอกอาตมาจนหงายหลัง
หัวกระแทกพื้น เราก็ช็อกอยู่ งงเลย...!!!
หลวงพ่อชี้หน้า นั่นตอนเช้าพระองค์หนึ่งพูดไม่ถูกใจเรา เราก็เสียใจ
อีกองค์หนึ่งพูดแค่ “กูดมอนิ่ง” ดีใจทั้งวัน อย่าไปดีใจ เสียใจกับคำพูดคนอื่น
อย่าไปฝากหัวใจไว้กับคนอื่น ต้องฝากหัวใจไว้กับพระธรรม
ทีนี้ท่านก็เทศน์กัณฑ์ใหญ่ เราก็ยกมือไหว้ท่าน น้ำตาไหล
เพราะอะไร ซาบซึ้งในเมตตากรุณาของท่าน ท่านก็คงเห็นเราตอนเช้า
ว่าพระองค์นี้ตกนรก จิตเป็นทุกข์ เพราะคำพูดคนอื่น
ท่านก็เลยพูดแค่ “กูดมอนิ่ง” ให้ดึงเราขึ้นจากนรก
และตอนเย็นท่านก็ปล่อยให้เรานวดเท้าท่านให้ขึ้นสวรรค์
ขึ้นสวรรค์แล้ว ต้องถีบลงมาถึงแผ่นดิน
เพราะเทวดาสอนธรรมไม่ได้ ต้องมนุษย์ เพื่อให้จดจำไว้
“อย่าฝากหัวใจไว้กับคำพูดของผู้อื่น เพราะเราจะผิดหวัง
ต้องฝากหัวใจไว้กับพระธรรม
ก็เลยได้จดจำคำพูดหลวงพ่อ...”