ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ณ เวลา 11.18 น. บวก 0.25 บาท หรือ 0.60% มาที่ 41.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 603.02 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.01% ทั้งนี้ ราคาหุ้น CPALL อ่อนตัวลงจากระดับราคา 43.75 บาท ในวันที่ 29 เม.ย. มาแตะที่ระดับราคา 41.25 บาท ในวันนี้ (RSI=38.96) จากข้อมูล www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 9 แห่ง แนะนำ “ซื้อ” CPALL และอีกจำนวน 4 แห่ง แนะนำ “ถือ” โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 53.19 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้น CPALL เทรดที่ P/E 33.82 เท่า และ P/BV 13.94 เท่า
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (10 พ.ค.) ว่า CPALL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/56 ทำ new high ตามคาดที่ 3,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อนหน้า, เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเปิดสาขาใหม่ 219 แห่ง รวมเป็นทั้งหมด 7,041 แห่ง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังน่าประทับใจ แนวโน้มไตรมาสที่เหลือยังคงดี และหากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการซื้อ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ในวันที่ 12 มิ.ย. นี้ จะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงาน MAKRO ตั้งแต่ ก.ย. เป็นต้นไป แต่จะถูกชดเชยจากภาระดอกเบี้ยจ่ายราว 2.5 พันล้านบาทในปีนี้ก่อนจะเพิ่มขึ้นสู่ 6 พันล้านบาทในปีหน้า เท่ากับว่าการซื้อ MAKRO ไม่ช่วยให้กำไรดีขึ้นในช่วง 3 ปีแรก แต่เนื่องจากธุรกิจของ CPALL ยังสามารถเติบโตได้อีก และราคาเป้าหมายที่ปรับแล้วเป็น 52 บาท ยังมี upside กว่า 20% จึงแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว
ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (10 พ.ค.) ว่า CPALL ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/56 ออกมาตามคาดที่ 3.2 พันล้านบาท เพิ่ม 15.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปีของเรา โดยบริษัทรายงานรายได้เติบโตถึง 17.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายสาขาเดิม (SSS) เติบโตแข็งแกร่งกว่า 11.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานต่ำในไตรมาส 1/55 หลังน้ำท่วม
อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ถูกผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ EBIT margin ลดลง 51 bps เป็น 6.4% สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทได้รับประโยชน์จากการลดอัตราภาษีนิติบุคคล ทำให้กำไรเติบโตได้ แม้เราจะมองว่าผลประโยชน์ด้าน synergy ที่ CPALL จะได้จากการซื้อ MAKRO (ประชุม EGM ในวันที่ 12 มิ.ย.) จะมีไม่มากนัก แต่จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา ทำให้เราปรับคำแนะนำเป็น ถือ จาก ขาย ด้วยราคาเหมาะสมเดิมที่ 41 บาท
CPALL ปรับลง แม้กำไร 1Q56 ทำนิวไฮตามคาด แต่กูรูแนะลงทุนระยะยาว
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (10 พ.ค.) ว่า CPALL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/56 ทำ new high ตามคาดที่ 3,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อนหน้า, เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเปิดสาขาใหม่ 219 แห่ง รวมเป็นทั้งหมด 7,041 แห่ง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังน่าประทับใจ แนวโน้มไตรมาสที่เหลือยังคงดี และหากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการซื้อ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ในวันที่ 12 มิ.ย. นี้ จะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงาน MAKRO ตั้งแต่ ก.ย. เป็นต้นไป แต่จะถูกชดเชยจากภาระดอกเบี้ยจ่ายราว 2.5 พันล้านบาทในปีนี้ก่อนจะเพิ่มขึ้นสู่ 6 พันล้านบาทในปีหน้า เท่ากับว่าการซื้อ MAKRO ไม่ช่วยให้กำไรดีขึ้นในช่วง 3 ปีแรก แต่เนื่องจากธุรกิจของ CPALL ยังสามารถเติบโตได้อีก และราคาเป้าหมายที่ปรับแล้วเป็น 52 บาท ยังมี upside กว่า 20% จึงแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว
ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (10 พ.ค.) ว่า CPALL ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/56 ออกมาตามคาดที่ 3.2 พันล้านบาท เพิ่ม 15.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปีของเรา โดยบริษัทรายงานรายได้เติบโตถึง 17.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายสาขาเดิม (SSS) เติบโตแข็งแกร่งกว่า 11.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานต่ำในไตรมาส 1/55 หลังน้ำท่วม
อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ถูกผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ EBIT margin ลดลง 51 bps เป็น 6.4% สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทได้รับประโยชน์จากการลดอัตราภาษีนิติบุคคล ทำให้กำไรเติบโตได้ แม้เราจะมองว่าผลประโยชน์ด้าน synergy ที่ CPALL จะได้จากการซื้อ MAKRO (ประชุม EGM ในวันที่ 12 มิ.ย.) จะมีไม่มากนัก แต่จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา ทำให้เราปรับคำแนะนำเป็น ถือ จาก ขาย ด้วยราคาเหมาะสมเดิมที่ 41 บาท