เหตุผล..ที่ลิงไม่ตกต้นไม้ตาย..เพราะไม่มีวิญญาณเร่รอน!?

กระทู้สนทนา
ผมว่าเหตุผลหนึ่งทำให้ยังมีชาวพุทธจำนวนไม่น้อยยังมีคติแบบพวกอุจเฉททิฏฐิ
ที่ไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายแบบเข้าโลงแล้วเกิดใหม่
คงมาจากเรื่องศาติภิกษุที่ถูกพุทธองค์ตำหนิว่ามีทิฏฐิลามกในความเชื่อของเขา
ว่ามีวิญญาณเร่ร่อนเที่ยวแสวงหาภพอย่างสะเปะสปะหลังจากการตาย
ที่จริงศาติภิกษุถูกท่านตำหนิในเรื่องวิญญาณเร่ร่อนเท่านั้น

เพราะวิญญาณปฏิสนธิในพุทธศาสนาไม่ใช่วิญญาณอนาถาเร่ร่อนไม่มีที่ทางจะไปซะเมื่อไหร่
เพราะมีภพเกิดขึ้นก่อนที่วิญญาณจะปฏิสนธิไม่ใช่เป็นวิญญาณเร่รอนแบบศาติภิกษุและพวกอุจเฉทเข้าใจกัน
ดูจากปฏิจจสมุปบาท อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป.. สังขารนี้หมายถึงสามภพ

ถ้ายังไม่ชัดเจนพอก็มาพิจารณาเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบจิตที่มีอาการเกิดดับสลับกันไปตลอดเวลานี้
เหมือนลิงที่เปลี่ยนมือโหนกิ่งไม้จากกิ่งหนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่งทั้งกลางวันและกลางคืน
ลิงคือจิตกิ่งไม้คือภพไม่มีลิงตัวไหนปล่อยมือจากกิ่งไม้เดิมโดยยังไม่มีกิ่งใหม่ถัดไปให้ยึดได้เสียก่อน
นั่นก็คือภพใหม่เกิดก่อนวิญญาณเร่ร่อนสะเปะสปะจึงไม่มีไง

เรื่องทรงเปรียบจิตเหมือนลิงนี้เพื่อให้คนสมัยนั้นเห็นภาพการเกิดดับของจิตได้ชัดเจนว่าต้องจับกิ่งใหม่ได้ก่อน
จึงปล่อยมือจากกิ่งเก่าเป็นผลให้คนสมัยพุทธกาลเข้าใจว่าต้องมีภพก่อนวิญญาณจึงจุติได้เข้าใจง่าย
แต่สมัยนี้จำนวนลิงคงน้อยลงเลยทำให้หลายคนไม่เคยเห็นลิงโหนกิ่งไม้พอไปอ่านพระสูตรเรื่องทรงเปรียบลิงเหมือนจิต
จึงไม่เข้าใจเรื่องวิญญาณปฏิสนธิคิดแต่ว่าถ้ามีวิญญาณออกจากร่างแล้วไปปฏิสนธิเป็นได้แต่วิญญาณเร่รอนเท่านั้น



ดูกรอานนท์ ก็วิญญาณจักไม่หยั่งลง   ในท้องแห่งมารดา นามรูป
จักขาดในท้องแห่งมารดาได้บ้างไหม ฯ
  ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ
  ดูกรอานนท์ ก็ถ้าวิญญาณหยั่งลงในท้องแห่งมารดาแล้วจักล่วงเลยไป  นามรูปจักบังเกิด
เพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ
  ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ
  ดูกรอานนท์ ก็ถ้าวิญญาณ ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี ผู้ยังเยาว์วัยอยู่  จักขาดความ
สืบต่อ นามรูปจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ
  ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ
   เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งนามรูป   ก็คือวิญญาณ
นั่นเอง ฯ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่