ไปเจอมา เลยเอามาฝากกันครับ
http://www.efinancethai.com/SpReport/report/index.aspx?release=y&name=r_070213r
ลงทุนหุ้นนอก
ถึงแม้จะไม่มีกระแสประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โลกที่แคบลงก็ต้องบีบให้การหาผลตอบแทนการลงทุนดีๆ ภายใต้ความเสี่ยงต่างๆ มีความซับซ้อนและชิดใกล้กันมากขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่จำกัดตัวเองอยู่เพียงกรอบแคบ การลงทุนต่างประเทศย่อมเป็นขุมสมบัติแหล่งใหม่ที่เข้าถึงได้ง่ายและเร้าใจมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
*** ทำไมการลงทุนหุ้นต่างประเทศจึงน่าสนใจ
คำตอบสั้นๆ ว่าทำไมการลงทุนหุ้นต่างประเทศจึงน่าสนใจ คือ เป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้กับผู้ลงทุน, กระจายความเสี่ยงในการลงทุนของผู้ลงทุนที่ดีมาก และเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ส่วนคำอธิบายนั้นมากจากหลักการที่คนส่วนใหญ่ต่างตระหนักว่า ในโลกการลงทุนสิ่งสำคัญ 2 ประการที่เป็นตัวกำหนดว่า นักลงทุนควรจะลงทุนหรือไม่ กับสินทรัพย์ใด ที่ไหน และในช่วงจังหวะเวลาไหนนั้น ได้แก่ 1.ผลตอบแทน 2.ความเสี่ยง
ต้องยอมรับว่าในเวลาที่ตลาดหุ้นต่างๆ ในโลกค่อนข้างสร้างผลตอบแทนได้ดีเช่นนี้ การให้น้ำหนักลงทุนในกระดานหุ้นมากขึ้นนับเป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่ย่อมจะดีกว่าหากมีการกระจายความเสี่ยงไปยังแหล่งอื่นๆ ด้วย ป้องกันการสูญเสียก้อนใหญ่เมื่อกระดานหุ้นมีความเสี่ยงมากเกินไป และแม้ว่าปี 2555 นับเป็นปีที่สดใสของตลาดหุ้นไทย โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนธันวาคม 2555 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปแล้วกว่า 30% อีกทั้งต้นปีนี้เพียงแค่เดือนมกราคมเดือนเดียวยังปรับเพิ่มได้อีก 7.7% จนปัจจุบันแกว่งตัวระดับราว 1,500 จุดแล้ว ทว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไม่ได้ไหลเข้ามาแค่ที่ประเทศของเราเพียงที่เดียว ประเทศอื่นในตลาดภูมิภาคเอเชีย สหรัฐอเมริกาก็ฟื้นพลิกมาสร้างผลตอบแทนได้ชัดเจนเช่นเดียวกัน ขณะที่ในจุดที่กำลังเผชิญความกังวลวิกฤตเศรษฐกิจเช่นยุโรป ก็มีผู้เข้าไปลงทุนสร้างผลตอบแทนได้งดงามเนื่องจากหุ้นพื้นฐานดีที่มีราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นก็ยังเกลื่อนกลาดอยู่มิใช่น้อย ดังนั้นหากจำกัดการลงทุนหุ้นเพียงแค่ขอบเขตแค่ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยก็อาจจะเป็นการจำกัดโอกาสดีๆ มากมายในโลกกว้างเสียเปล่า ในยุคที่ตลาดหุ้นไทยมูลค่ารวมไม่ถึงครึ่งของ 1% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
นอกจากนั้นบริษัทชั้นนำของโลกต่างก็กระจายตัวจดทะเบียนอยู่ในดินแดนห่างไกลออกไป สมัยก่อนๆ เทคโนโลยีการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูลทำได้ล่าช้า ผิดกับสมัยนี้ที่โลกอินเตอร์เน็ทได้เชื่อต่อทุกอย่างไว้เกือบจะสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งทางตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงานกำกับดูแลรวมถึงนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศเราเองได้เปิดช่องทางในการซื้อขายที่สะดวกมากขึ้นภายใต้ระบบที่มีความปลอดภัยแล้วด้วย
***บทเรียนจากอดีต
ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ปีนั้นตลาดหุ้นไทยตก 50% หรือในกรณีเหตุการณ์วันที่ 19 ธันวาคม 2549 ที่ตลาดหุ้นไทยตกลงวันเดียวเกิน 10% จากการธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศมาตรการสำรอง 30% ในช่วงเวลาดังกล่าวการกระจายการลงทุนในบริษัทต่างๆหลายบริษัทหรือหลายกลุ่มอุตสาหกรรมไม่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนของเราได้เลยเพราะความเสี่ยงที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นคือความเสี่ยงของประเทศ การที่จะลดความเสี่ยงของประเทศได้มีวิธีการเดียวเท่านั้นคือการกระจายการลงทุนไปในหลายประเทศ เพราะในขณะที่เรากำลังประสบปัญหาภายในประเทศอื่นๆไม่ได้ประสบปัญหาดังกล่าวเช่นเดียวกับเรา ในปีเดียวกันนั้นตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 33 %ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นของประเทศในกลุ่มยูโรปรับตัวเพิ่มขึ้น 36.8% ในสกุลเงินยูโร ดังนั้นหากในปี 2540 เราสามารถที่จะนำเงินไปกระจายลงทุนในต่างประเทศได้ก็จะทำให้เงินลงทุนของเราได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศไทย (ข้อมูลและตัวเลขนำมากจาก บลจ.ทหารไทย)
***ASEAN Linkage ช้อปหุ้น AEC กันมันส์เกือบ 4 พันตัว
ดร.กฤษฎา เสกตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หนึ่งในแผนงานของการรวมกันเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community : AEC)” คือ การเชื่อมโยงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสมาชิกเข้าด้วยกัน “ASEAN Linkage” ทำให้การระดมทุนและการลงทุนแบบข้ามชาติในภูมิภาคทำได้ง่ายขึ้น
"ตลาดหุ้นของอาเซียนในภาพรวมกำลังมีความน่าสนใจในมุมมองของนักลงทุนทั่วโลกมากขึ้น ตามแผนจะรวมตลาดหุ้นของ 6 ประเทศ 7 ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีจำนวนหุ้นรวมกันประมาณ 3,778 บริษัท มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ” ดร.กฤษฎา กล่าวไว้เมื่อปี 2555
***ตลาดแดนมังกรเด่นปีนี้
อ้างอิงข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย ระบุว่านับตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นมาจนถึงราวปลายปี ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นไปกว่า 12% โดยมีการปรับฐานลงมาบ้างในช่วงต้นไตรมาส 4 อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังสะท้อนในเชิงบวกได้
ในส่วนของตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะในปี 2556 นี้นับเป็นตลาดหุ้นที่น่าจับตามองของนักลงทุนทั่วโลก เพราะในปี 2555 ที่ผ่านมาความกังวลในการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ได้กดดันตลาดหุ้นจีนในช่วงไตรมาส 2 – 3 ให้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ถึงกระนั้นก็ตาม นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนธันวาคม ดัชนีหุ้นจีน H-Share ก็ยังคงสามารถปรับตัวขึ้นไปได้กว่า 14% โดยเมื่อพิจารณาว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ประกอบกับการเปลี่ยนถ่ายอำนาจผู้นำคนใหม่ของจีนเป็นไปได้ด้วยดีและมีเสถียรภาพ จึงน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ดัชนีหุ้นจีนมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปได้ดีในปี 2556 โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาระดับราคาปัจจุบันที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ มีมุมมองว่า มองภาพรวมการลงทุนในปี 2556 น่าจะเป็นปีที่ดีมากสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น สภาพคล่องทั่วโลกอยู่ในระดับสูง จากการดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศมาตรการ QE (Quantitative Easing) เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล และ Mortgage-backed securities รวมกันกว่าเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาตรการ OMT (Outright Monetary Transaction) โดยเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศที่ประสบปัญหาแบบไม่จำกัด ตลอดจนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายให้เงินเยนอ่อนค่า และพยายามให้อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่ระดับเป้าหมาย อีกทั้งอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอยู่ที่ระดับต่ำมาก ในขณะที่มูลค่าพื้นฐาน Forward P/E ของตลาดหุ้นทั่วโลกยังน่าสนใจ
*** ความเข้าใจอัตราแลกเปลี่ยน
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาและให้ความสำคัญยิ่ง เพราะหากคำนวณผิดพลาดกำไรที่บังเกิดย่อมถูกลดทอนลงไป หรือในบางกรณีอาจถึงขึ้นขาดทุนโดยไม่รู้ตัว แต่โปรดอย่าได้เข้าใจว่าการลงทุนในต่างประเทศเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพราะต่อให้เราไม่ลงทุนต่างประเทศอัตราแลกเปลี่ยนก็มีผลกระทบต่อความมั่งคั่งของสามัญชนในประเทศหนึ่งๆ เสมอ เพียงแต่เขาเหล่านั้นไม่ได้เห็นเป็นตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนมารายงานตรงหน้า ขณะที่ผู้ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศรับรู้ได้ชัดจากการประมวลผลตอบแทนรูปเงินบาทหากมองในแง่โอกาสการที่ระยะนี้เงินบาทแข็งค่ามาก ผู้ลงทุนไทยจะมีกำลังซื้อสินทรัพย์ของต่างประเทศหลายๆ ประเทศในราคาที่ถูกลงกว่าแต่ก่อนอีกด้วย (เว้นแต่ในภูมิภาคเราเองที่ค่าเงินต่างแข็งขึ้นมาไล่เลี่ยกัน)
***รูปแบบการลงทุน
ถ้าไม่นับการไปตั้งถิ่นฐานหรือเปิดบัญชีเองในต่างแดน การลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศก็ทำได้ไม่ยากโดยนักลงทุนยังคงดำเนินชีวิตอยู่ในประเทศไทยเยี่ยงปกติ รูปแบบที่มีให้เลือกและมีความปลอดภัยสูง (ไม่โดนทุจริตจากนายหน้าหรือผู้รับดำเนินธุรกรรม) ได้แก่ การซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยระบบส่งคำสั่งซื้อจากโบรกเกอร์สมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งปัจจุบันโบรกเกอร์ชั้นนำต่างให้บริการได้แล้ว, การให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและมีใบอนุญาตนำเงินของเราไปลงทุนในต่างประเทศแทน, การซื้อกองทุนที่มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านกองทุนต่างประเทศอีกชั้นก็ได้
ทั้งนี้นักลงทุนสามารถเลือกวิธีการลงทุนได้ตามความพึงพอใจ หรืออาจเลือกหลายๆ ช่องทางก็ย่อมได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกก็คือความน่าเชื่อถือของตัวแทนหรือโบรกเกอร์ที่เราตัดสินใจใช้บริการ
*** คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน / Investment is always a risk. Investors are advised to study relevant information carefully before making an investment. / 投资总是有风险的。建议投资者在作出投资前，请仔细研究相关的信息。
ผู้รู้ก่อนย่อมได้เปรียบ ในวันที่โลกแคบลง นักลงทุนผู้ชาญฉลาดกำลังมีสายตาที่กว้างไกลมากขึ้น การปิดกั้นตัวเองอยู่แค่กระดานหุ้นในประเทศไม่มีทางทำได้ตลอดไปเพราะหากยังเวียนวนอยู่ในกระดานตลาดทุนแล้ว วันหนึ่งในช่วงชีวิตของเรา กิจการดีๆ เบอร์ต้นๆ ของโลกอาจเป็นฝ่ายมาเคาะประตูบ้านเราให้ไปร่วมสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงด้วยกัน ซึ่งย่อมจะดีกว่าหากเราตัวเราเองเป็นฝ่ายไปทำศึกษาทำความรู้จักผู้มาจากแดนไกลก่อน ป้องกันความไม่รู้อันนำไปสู่การหลงเชื่อคำหว่านล้อมอันแยบยล หรือมิใช่เอาแต่กลัวจนต้องปัดปฏิเสธข้อเสนอเลือกดีๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็เป็นได้
By เอกอนันต์ เสรีรัตนะชัย
eFinanceThai.com
บทความดีๆเกี่ยวกับ การลงทุนหุ้นต่างประเทศ
http://www.efinancethai.com/SpReport/report/index.aspx?release=y&name=r_070213r
ลงทุนหุ้นนอก
ถึงแม้จะไม่มีกระแสประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โลกที่แคบลงก็ต้องบีบให้การหาผลตอบแทนการลงทุนดีๆ ภายใต้ความเสี่ยงต่างๆ มีความซับซ้อนและชิดใกล้กันมากขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่จำกัดตัวเองอยู่เพียงกรอบแคบ การลงทุนต่างประเทศย่อมเป็นขุมสมบัติแหล่งใหม่ที่เข้าถึงได้ง่ายและเร้าใจมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
*** ทำไมการลงทุนหุ้นต่างประเทศจึงน่าสนใจ
คำตอบสั้นๆ ว่าทำไมการลงทุนหุ้นต่างประเทศจึงน่าสนใจ คือ เป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้กับผู้ลงทุน, กระจายความเสี่ยงในการลงทุนของผู้ลงทุนที่ดีมาก และเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ส่วนคำอธิบายนั้นมากจากหลักการที่คนส่วนใหญ่ต่างตระหนักว่า ในโลกการลงทุนสิ่งสำคัญ 2 ประการที่เป็นตัวกำหนดว่า นักลงทุนควรจะลงทุนหรือไม่ กับสินทรัพย์ใด ที่ไหน และในช่วงจังหวะเวลาไหนนั้น ได้แก่ 1.ผลตอบแทน 2.ความเสี่ยง
ต้องยอมรับว่าในเวลาที่ตลาดหุ้นต่างๆ ในโลกค่อนข้างสร้างผลตอบแทนได้ดีเช่นนี้ การให้น้ำหนักลงทุนในกระดานหุ้นมากขึ้นนับเป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่ย่อมจะดีกว่าหากมีการกระจายความเสี่ยงไปยังแหล่งอื่นๆ ด้วย ป้องกันการสูญเสียก้อนใหญ่เมื่อกระดานหุ้นมีความเสี่ยงมากเกินไป และแม้ว่าปี 2555 นับเป็นปีที่สดใสของตลาดหุ้นไทย โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนธันวาคม 2555 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปแล้วกว่า 30% อีกทั้งต้นปีนี้เพียงแค่เดือนมกราคมเดือนเดียวยังปรับเพิ่มได้อีก 7.7% จนปัจจุบันแกว่งตัวระดับราว 1,500 จุดแล้ว ทว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไม่ได้ไหลเข้ามาแค่ที่ประเทศของเราเพียงที่เดียว ประเทศอื่นในตลาดภูมิภาคเอเชีย สหรัฐอเมริกาก็ฟื้นพลิกมาสร้างผลตอบแทนได้ชัดเจนเช่นเดียวกัน ขณะที่ในจุดที่กำลังเผชิญความกังวลวิกฤตเศรษฐกิจเช่นยุโรป ก็มีผู้เข้าไปลงทุนสร้างผลตอบแทนได้งดงามเนื่องจากหุ้นพื้นฐานดีที่มีราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นก็ยังเกลื่อนกลาดอยู่มิใช่น้อย ดังนั้นหากจำกัดการลงทุนหุ้นเพียงแค่ขอบเขตแค่ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยก็อาจจะเป็นการจำกัดโอกาสดีๆ มากมายในโลกกว้างเสียเปล่า ในยุคที่ตลาดหุ้นไทยมูลค่ารวมไม่ถึงครึ่งของ 1% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
นอกจากนั้นบริษัทชั้นนำของโลกต่างก็กระจายตัวจดทะเบียนอยู่ในดินแดนห่างไกลออกไป สมัยก่อนๆ เทคโนโลยีการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูลทำได้ล่าช้า ผิดกับสมัยนี้ที่โลกอินเตอร์เน็ทได้เชื่อต่อทุกอย่างไว้เกือบจะสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งทางตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงานกำกับดูแลรวมถึงนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศเราเองได้เปิดช่องทางในการซื้อขายที่สะดวกมากขึ้นภายใต้ระบบที่มีความปลอดภัยแล้วด้วย
***บทเรียนจากอดีต
ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ปีนั้นตลาดหุ้นไทยตก 50% หรือในกรณีเหตุการณ์วันที่ 19 ธันวาคม 2549 ที่ตลาดหุ้นไทยตกลงวันเดียวเกิน 10% จากการธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศมาตรการสำรอง 30% ในช่วงเวลาดังกล่าวการกระจายการลงทุนในบริษัทต่างๆหลายบริษัทหรือหลายกลุ่มอุตสาหกรรมไม่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนของเราได้เลยเพราะความเสี่ยงที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นคือความเสี่ยงของประเทศ การที่จะลดความเสี่ยงของประเทศได้มีวิธีการเดียวเท่านั้นคือการกระจายการลงทุนไปในหลายประเทศ เพราะในขณะที่เรากำลังประสบปัญหาภายในประเทศอื่นๆไม่ได้ประสบปัญหาดังกล่าวเช่นเดียวกับเรา ในปีเดียวกันนั้นตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 33 %ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นของประเทศในกลุ่มยูโรปรับตัวเพิ่มขึ้น 36.8% ในสกุลเงินยูโร ดังนั้นหากในปี 2540 เราสามารถที่จะนำเงินไปกระจายลงทุนในต่างประเทศได้ก็จะทำให้เงินลงทุนของเราได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศไทย (ข้อมูลและตัวเลขนำมากจาก บลจ.ทหารไทย)
***ASEAN Linkage ช้อปหุ้น AEC กันมันส์เกือบ 4 พันตัว
ดร.กฤษฎา เสกตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หนึ่งในแผนงานของการรวมกันเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community : AEC)” คือ การเชื่อมโยงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสมาชิกเข้าด้วยกัน “ASEAN Linkage” ทำให้การระดมทุนและการลงทุนแบบข้ามชาติในภูมิภาคทำได้ง่ายขึ้น
"ตลาดหุ้นของอาเซียนในภาพรวมกำลังมีความน่าสนใจในมุมมองของนักลงทุนทั่วโลกมากขึ้น ตามแผนจะรวมตลาดหุ้นของ 6 ประเทศ 7 ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีจำนวนหุ้นรวมกันประมาณ 3,778 บริษัท มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ” ดร.กฤษฎา กล่าวไว้เมื่อปี 2555
***ตลาดแดนมังกรเด่นปีนี้
อ้างอิงข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย ระบุว่านับตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นมาจนถึงราวปลายปี ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นไปกว่า 12% โดยมีการปรับฐานลงมาบ้างในช่วงต้นไตรมาส 4 อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังสะท้อนในเชิงบวกได้
ในส่วนของตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะในปี 2556 นี้นับเป็นตลาดหุ้นที่น่าจับตามองของนักลงทุนทั่วโลก เพราะในปี 2555 ที่ผ่านมาความกังวลในการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ได้กดดันตลาดหุ้นจีนในช่วงไตรมาส 2 – 3 ให้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ถึงกระนั้นก็ตาม นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนธันวาคม ดัชนีหุ้นจีน H-Share ก็ยังคงสามารถปรับตัวขึ้นไปได้กว่า 14% โดยเมื่อพิจารณาว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ประกอบกับการเปลี่ยนถ่ายอำนาจผู้นำคนใหม่ของจีนเป็นไปได้ด้วยดีและมีเสถียรภาพ จึงน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ดัชนีหุ้นจีนมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปได้ดีในปี 2556 โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาระดับราคาปัจจุบันที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ มีมุมมองว่า มองภาพรวมการลงทุนในปี 2556 น่าจะเป็นปีที่ดีมากสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น สภาพคล่องทั่วโลกอยู่ในระดับสูง จากการดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศมาตรการ QE (Quantitative Easing) เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล และ Mortgage-backed securities รวมกันกว่าเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาตรการ OMT (Outright Monetary Transaction) โดยเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศที่ประสบปัญหาแบบไม่จำกัด ตลอดจนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายให้เงินเยนอ่อนค่า และพยายามให้อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่ระดับเป้าหมาย อีกทั้งอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอยู่ที่ระดับต่ำมาก ในขณะที่มูลค่าพื้นฐาน Forward P/E ของตลาดหุ้นทั่วโลกยังน่าสนใจ
*** ความเข้าใจอัตราแลกเปลี่ยน
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาและให้ความสำคัญยิ่ง เพราะหากคำนวณผิดพลาดกำไรที่บังเกิดย่อมถูกลดทอนลงไป หรือในบางกรณีอาจถึงขึ้นขาดทุนโดยไม่รู้ตัว แต่โปรดอย่าได้เข้าใจว่าการลงทุนในต่างประเทศเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพราะต่อให้เราไม่ลงทุนต่างประเทศอัตราแลกเปลี่ยนก็มีผลกระทบต่อความมั่งคั่งของสามัญชนในประเทศหนึ่งๆ เสมอ เพียงแต่เขาเหล่านั้นไม่ได้เห็นเป็นตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนมารายงานตรงหน้า ขณะที่ผู้ลงทุนในตลาดหุ้น หรือซื้อกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศรับรู้ได้ชัดจากการประมวลผลตอบแทนรูปเงินบาทหากมองในแง่โอกาสการที่ระยะนี้เงินบาทแข็งค่ามาก ผู้ลงทุนไทยจะมีกำลังซื้อสินทรัพย์ของต่างประเทศหลายๆ ประเทศในราคาที่ถูกลงกว่าแต่ก่อนอีกด้วย (เว้นแต่ในภูมิภาคเราเองที่ค่าเงินต่างแข็งขึ้นมาไล่เลี่ยกัน)
***รูปแบบการลงทุน
ถ้าไม่นับการไปตั้งถิ่นฐานหรือเปิดบัญชีเองในต่างแดน การลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศก็ทำได้ไม่ยากโดยนักลงทุนยังคงดำเนินชีวิตอยู่ในประเทศไทยเยี่ยงปกติ รูปแบบที่มีให้เลือกและมีความปลอดภัยสูง (ไม่โดนทุจริตจากนายหน้าหรือผู้รับดำเนินธุรกรรม) ได้แก่ การซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยระบบส่งคำสั่งซื้อจากโบรกเกอร์สมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งปัจจุบันโบรกเกอร์ชั้นนำต่างให้บริการได้แล้ว, การให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและมีใบอนุญาตนำเงินของเราไปลงทุนในต่างประเทศแทน, การซื้อกองทุนที่มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านกองทุนต่างประเทศอีกชั้นก็ได้
ทั้งนี้นักลงทุนสามารถเลือกวิธีการลงทุนได้ตามความพึงพอใจ หรืออาจเลือกหลายๆ ช่องทางก็ย่อมได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกก็คือความน่าเชื่อถือของตัวแทนหรือโบรกเกอร์ที่เราตัดสินใจใช้บริการ
*** คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน / Investment is always a risk. Investors are advised to study relevant information carefully before making an investment. / 投资总是有风险的。建议投资者在作出投资前，请仔细研究相关的信息。
ผู้รู้ก่อนย่อมได้เปรียบ ในวันที่โลกแคบลง นักลงทุนผู้ชาญฉลาดกำลังมีสายตาที่กว้างไกลมากขึ้น การปิดกั้นตัวเองอยู่แค่กระดานหุ้นในประเทศไม่มีทางทำได้ตลอดไปเพราะหากยังเวียนวนอยู่ในกระดานตลาดทุนแล้ว วันหนึ่งในช่วงชีวิตของเรา กิจการดีๆ เบอร์ต้นๆ ของโลกอาจเป็นฝ่ายมาเคาะประตูบ้านเราให้ไปร่วมสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงด้วยกัน ซึ่งย่อมจะดีกว่าหากเราตัวเราเองเป็นฝ่ายไปทำศึกษาทำความรู้จักผู้มาจากแดนไกลก่อน ป้องกันความไม่รู้อันนำไปสู่การหลงเชื่อคำหว่านล้อมอันแยบยล หรือมิใช่เอาแต่กลัวจนต้องปัดปฏิเสธข้อเสนอเลือกดีๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็เป็นได้
By เอกอนันต์ เสรีรัตนะชัย
eFinanceThai.com