เล่นหุ้น ทำเป็นอาชีพได้ไหม?

กระทู้สนทนา
คอลัมน์: สารพันปัญหาเงินทอง: เล่นหุ้น ทำเป็นอาชีพได้ไหม?

ประวีร์ พิชัยศรทัต
pravee_biz@yahoo.com

อมยิ้ม03เรียนคุณประวีร์ที่เคารพ
ดิฉันขอเรียนถามความเห็นว่า เราจะยึดการเล่นหุ้นเป็นอาชีพได้หรือไม่ เพราะอย่างที่ทราบว่ามีใครหลายๆ คนรวยก็เพราะลงทุนในหุ้นเช่นนี้ ที่ดิฉันเรียนถามเพราะสังเกตว่าการรวยจากการยึดการเล่นหุ้นเอาเป็นอาชีพนี้ ยังมีหลายคนที่ไม่ยอมรับและเห็นด้วย และถ้าเราลงทุนไว้ในหุ้นและถือเอาว่าเป็นการออมด้วย คือคิดนอกกรอบ ว่าเราจะออมด้วยหุ้น หรือเอาหุ้นเป็นการออม แบบนี้เป็นไปได้หรือไม่ค่ะ

อมยิ้ม04ตอบคุณ มณฑนา
การลงทุนในหุ้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะครับ ถ้าการที่มีหลายคนประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหลักทรัพย์หรือหุ้น และเป็นตัวอย่างให้หลายคนอยากประสบความสำเร็จตามบ้าง โดยมีความคิดไปว่าการลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องง่าย หรือไม่ได้ยากนัก แค่ซื้อมาถูกและขายให้แพงกว่าเท่านั้นก็จะได้ผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำแล้ว พอทำได้ก็ถึงกับชวนเพื่อน ชวนญาติ ชวนพรรคพวกคนรู้จักให้มาลงทุน โดยคิดว่าน่าจะทำกำไรได้ง่ายๆ

เป็นที่ทราบครับว่าแนวคิดแบบชวนทุกคนมา "รวยด้วยหุ้น" นี้ ก็คล้ายๆ กับการขายฝัน สอนให้คนหวังรวยทางลัดเหมือนอีเมล์ สแปม (spam) ที่ส่งมาบอกว่า ทำงานที่บ้านก็ได้เดือนละเกือบแสนอย่างไรอย่างนั้นเลย เพราะถ้าจะให้มาว่ากันตามจริงแล้ว คนที่มาประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้นนั้นมีน้อย คนที่จะสามารถรวยด้วยหุ้นนั้น ก็ไม่ต่างจากการประสบความสำเร็จในอาชีพอื่น ๆ ทั่วไป คือเป็นคนที่ยินดีอุทิศเวลาทุ่มเทให้ตลาดทุนเท่านั้น

ผมว่า  Jesse  L.  Livermore "ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอลสตรีท" ซึ่งนักลงทุนที่ได้ศึกษาวิชาเล่นหุ้นคงรู้จักดี พูดถูกที่บอกว่า "หุ้น" คืออาชีพอย่างหนึ่งครับ คนที่จะประสบความสำเร็จก็คือคนที่จริงจังกับมันเหมือนอาชีพอื่นๆ ตลาดหุ้นสอนให้เรารู้ว่าภาวะเศรษฐกิจแย่ไม่เคยทำร้ายนักลงทุน อย่างน้อยก็ไม่เสมอไป เพราะบ่อยครั้งในภาวะเศรษฐกิจดี นักลงทุนก็ยังขาดทุน

มีแต่นักลงทุนนั่นแหละครับที่มักทำร้ายตัวเอง ด้วยการซื้อๆ ขายๆ เก็งกำไรไปวันๆ อยากรวยแบบง่ายๆ บางคนใช้วิธีเลือกหุ้นตามกูรู ตามนักวิเคราะห์ ซึ่งบางทีวิธีการของกูรูเหล่านั้น ถึงรู้ไปก็ทำตามแบบอย่างไม่ได้ เพราะเราไม่มีบางสิ่งบางอย่างที่เขามี จริงๆ แล้วการลงทุนที่ถูกต้องหากเราไม่มีเวลา ไม่สามารถทุ่มเทให้กับมันได้เต็มที่

ตรงนี้ ทำให้ใครหรืออย่างเช่นคุณมณฑนา เปลี่ยนแนวคิดมาเป็น "ออมด้วยหุ้น" มากกว่าแนวคิด "รวยด้วยหุ้น" โดยมองว่าหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีและเราต้องทยอยออมมันไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ

ถ้าย้อนประวัติศาสตร์ดูเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวอย่างรุนแรงนั้น นักลงทุนมักจะมีปัญหาในการจัดการความเสี่ยงเวลาปรับตัวลง บางคนถึงกับกลัวจนไม่กล้าที่จะลงทุน หรือพอบาง ทีเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านไปก็จะพบว่า ความกังวลของนักลงทุนหลายครั้งก็เกินกว่าเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น แต่ส่วนที่เลวร้ายจริงๆ นั้น ส่วนใหญ่จะโผล่มาแบบไม่เคยมีใครคาดการณ์ไว้ก่อน อย่างเร็วๆ นี้ ก็เช่นเหตุการณ์สึนามิ หรือแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ

แนวทางในการลงทุนที่ถูกต้องนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยง และหลีกเลี่ยงการที่จะต้องลงทุนแบบซื้อๆ ขายๆ คำแนะนำของ  Peter  Lynch ที่เป็นอดีตผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ที่สุดของอเมริกา บอกให้ทุกคนกระจายความเสี่ยงโดยที่ให้ทุกคนเลือกหุ้นตัวที่ดีที่สุดด้วยตัวเองประมาณ 5 ตัว อย่าถือกระจายมากกว่านี้ แล้วถือไว้ในนานๆ  คำแนะนำนี้เป็นข้อคิดที่ดีมาก เนื่องจากในความเป็นจริงนั้น การคาดการณ์อนาคตเป็นเรื่องยาก การซื้อไว้สักห้าตัวแล้วถือไว้เฉยๆ บางทีกลับจะได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อและไม่เหนื่อยมากด้วย ในห้าตัวนี้ก็มักจะมีตัวหนึ่งวิ่งให้ดีใจได้ทุกปี และถ้าเลือกหุ้นได้ดีมาก ผลตอบแทนตัวที่ดีจะดึงค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนรวมให้สูงขึ้นไปด้วย โดยที่ไม่ต้องรู้อะไรก่อนคนอื่นเลย ถ้าเราคิดว่าเราไม่มีความสามารถเหมือนเซียนหุ้น การลงทุนตามคำสอนของ  Peter  Lynch ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับคนทั่วๆ ไปครับ

Peter  Lynch ไม่ได้บอกว่าห้ามขาย แต่การบอกว่าให้ถือให้ได้นานๆ นี้มีความหมาย เพราะถ้าคนเราตั้งใจเสมอว่าจะถือให้นานๆ เราจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจากการขายเร็วเกินไปได้หลายครั้งเลยทีเดียว เป็นการสกัดจุดอ่อนของนักลงทุนรายย่อยทั่วไป หรือการเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีมืออาชีพคอยกระจายความเสี่ยงให้อยู่แล้ว เหลือแต่หน้าที่ทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ อันเป็นการตัดอารมณ์ความ รู้สึกออกไป ก็เป็นแนวทางที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง และ ไม่ต้องมาเหนื่อยกับการซื้อๆ ขายๆ อีกด้วยนะครับ ข้อมูลของวันนี้ ต้องขอขอบคุณที่ปรึกษาการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทยด้วยครับ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่