โอ้โฮ นี่หรือบางกอก ผิดกับบ้านนอกตั้งหลายศอกหลายวา.....
เบื่อบ้านนอกมาก ไม่มีงานให้ทำเลย ใจอยากอยู่กับครอบครัว แต่งานที่ฝันมันดันมาอยู่ในเมือง
ก็เลยไม่มีทางเลือกหอบหิ้วสังขารเข้ามาเป็นแมงเม่าในเมืองใหญ่
วันแรกนั่งรถไฟชั้นสาม มาลงหัวลำโพง. โอ้ สถานีรถไฟไฮโซมาก ไม่เหมือนชานชาลาป่าควนเคร็งที่บ้านเราเลย
ผู้คนก็มากหน้าหลายตา ขาวๆกันทั้งนั้น
กางกระดาษที่เพื่อนบอกมา " นั่งสาย 39มาลงสะพานใหม่"
วันแรกแทบอยากนั่งรถไฟกลับบ้าน ทำไมเมืองหลวงรถติดขนาด จำแยกลาดพร้าวได้ติดมากมาย. สามชั่วโมงที่นี่ยังไปไม่ถึงไหน ในขณะที่สาม ชม บ้านฉัน
ไถนาไปได้หลายแปลง
ช่วงหางานฉันก็ป้ำๆเป๋อๆ โดนแท็กซี่โกงตลอดๆ ทำไมคนเมืองหลวงใจคดแบบนี้
อยากลองกินไก่เคเอฟซี มันมีแต่ไก่ ฉันกินไม่อิ่มท้อง ฉันเลยสั่งข้าวเหนียว อุบ๊ะ คนขายมองหน้าแล้วหัวเราะคิกคัก. ทำไมคนเมืิองหลวงใจร้ายขนาด
ขึ้นรถเมล์ร้อน จ่าย 3 บาทบอกพี่ลงสะพานใหม่ กระเป๋ารถเมล์ถลึงตาใส่ ไม่เข้าใจทำไมคนเมืองหลวงต้องหงุดหงิดด้วย
ฉันยืนต่อแถวขึ้นรถตู้. จุ๊กกรู้. สี่คันผ่านไปฉันยังไม่ได้ขึ้น เพราะคนเมืองหลวงใจดำแย่งฉันขึ้นหมดเลย
ฉันเดินหางานหิวน้ำมาก เลยเดินไปขอน้ำร้านตามสั่ง คนเมืองหลวงหน้าบึ้งบอกบอกน้ำมีไว้ขาย 7 บาท
คนเมืองหลวงบ่นว่าเมืองหลวงร้อน แต่ฉันว่าไม่เห็นร้อน ฉันเลยเดินเอา พอมาถึงที่สัมภาษณ์งาน เหงื่อฉันออก เขาไล่ฉันให้ไปอาบน้ำมาใหม่
คนเมืองหลวงหัวเราะฉัน เพราะฉันพูดคำว่า งง เป็น ฮง. เขาขอกว่าฉันพูดทองแดง
คนเมืองหลวงให้ฉันนั่งรอสัมภาษณ์ 4 ชม. ทั้งที่ฉันมาคนแรก แต่ให้คนอื่นที่ตัวขาว หน้าไม่มันสัมภาษณ์ก่อน. อาจเป็นเพราะฉันตัวดำ และบ้านนอก
เขาเลยบอกให้ฉันทิ้งใบสมัครไว้แล้วจะติดต่อกลับมา โดยไม่ถามอะไรฉันสักคำ
คนเมืองหลวงถามฉันว่าพ่อแม่ทำอาชีพอะไร. ฉันบอกพ่อฉันรับจ้างไถนา ส่วนแม่ฉันทอผ้า. คนเมืองหลวงยิ้ม ปิดใบสมัคร และบอกว่า
คงไม่ต้องถามแล้วว่ารู้จักใครที่นี่หรือเปล่า
ฉันไม่มีเงินนั่งรถเมล์ไปสัมภาษณ์งาน คนเมืองหลวงขับรถผ่านฉันไปไม่ไยดี เหงื่อไหลเต็มตัว ฉันกลัวเขาจะไล่กลับอีก แต่โชคดีมีคนเมืองหลวง
ใจดีขี่มอเตอร์ไซต์มาหยุดที่ฉัน. แต่โชคร้ายที่เขาไม้ได้จะรับฉันขึ้นรถ. เพียงแค่จอดถามฉันว่า ฉันมีเงินสัก 10 บาทให้เขาไหม ฉันตอบว่าไม่มี
เขาด่าฉัน. ฉันเสียใจที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่ก็ต้องก้มหน้าเดินต่อไป
เมื่อคนบ้านนอก มาอยู่กทม เจออะไรบ้าง อยากจะแชร์ครับ (อิๆ)
เบื่อบ้านนอกมาก ไม่มีงานให้ทำเลย ใจอยากอยู่กับครอบครัว แต่งานที่ฝันมันดันมาอยู่ในเมือง
ก็เลยไม่มีทางเลือกหอบหิ้วสังขารเข้ามาเป็นแมงเม่าในเมืองใหญ่
วันแรกนั่งรถไฟชั้นสาม มาลงหัวลำโพง. โอ้ สถานีรถไฟไฮโซมาก ไม่เหมือนชานชาลาป่าควนเคร็งที่บ้านเราเลย
ผู้คนก็มากหน้าหลายตา ขาวๆกันทั้งนั้น
กางกระดาษที่เพื่อนบอกมา " นั่งสาย 39มาลงสะพานใหม่"
วันแรกแทบอยากนั่งรถไฟกลับบ้าน ทำไมเมืองหลวงรถติดขนาด จำแยกลาดพร้าวได้ติดมากมาย. สามชั่วโมงที่นี่ยังไปไม่ถึงไหน ในขณะที่สาม ชม บ้านฉัน
ไถนาไปได้หลายแปลง
ช่วงหางานฉันก็ป้ำๆเป๋อๆ โดนแท็กซี่โกงตลอดๆ ทำไมคนเมืองหลวงใจคดแบบนี้
อยากลองกินไก่เคเอฟซี มันมีแต่ไก่ ฉันกินไม่อิ่มท้อง ฉันเลยสั่งข้าวเหนียว อุบ๊ะ คนขายมองหน้าแล้วหัวเราะคิกคัก. ทำไมคนเมืิองหลวงใจร้ายขนาด
ขึ้นรถเมล์ร้อน จ่าย 3 บาทบอกพี่ลงสะพานใหม่ กระเป๋ารถเมล์ถลึงตาใส่ ไม่เข้าใจทำไมคนเมืองหลวงต้องหงุดหงิดด้วย
ฉันยืนต่อแถวขึ้นรถตู้. จุ๊กกรู้. สี่คันผ่านไปฉันยังไม่ได้ขึ้น เพราะคนเมืองหลวงใจดำแย่งฉันขึ้นหมดเลย
ฉันเดินหางานหิวน้ำมาก เลยเดินไปขอน้ำร้านตามสั่ง คนเมืองหลวงหน้าบึ้งบอกบอกน้ำมีไว้ขาย 7 บาท
คนเมืองหลวงบ่นว่าเมืองหลวงร้อน แต่ฉันว่าไม่เห็นร้อน ฉันเลยเดินเอา พอมาถึงที่สัมภาษณ์งาน เหงื่อฉันออก เขาไล่ฉันให้ไปอาบน้ำมาใหม่
คนเมืองหลวงหัวเราะฉัน เพราะฉันพูดคำว่า งง เป็น ฮง. เขาขอกว่าฉันพูดทองแดง
คนเมืองหลวงให้ฉันนั่งรอสัมภาษณ์ 4 ชม. ทั้งที่ฉันมาคนแรก แต่ให้คนอื่นที่ตัวขาว หน้าไม่มันสัมภาษณ์ก่อน. อาจเป็นเพราะฉันตัวดำ และบ้านนอก
เขาเลยบอกให้ฉันทิ้งใบสมัครไว้แล้วจะติดต่อกลับมา โดยไม่ถามอะไรฉันสักคำ
คนเมืองหลวงถามฉันว่าพ่อแม่ทำอาชีพอะไร. ฉันบอกพ่อฉันรับจ้างไถนา ส่วนแม่ฉันทอผ้า. คนเมืองหลวงยิ้ม ปิดใบสมัคร และบอกว่า
คงไม่ต้องถามแล้วว่ารู้จักใครที่นี่หรือเปล่า
ฉันไม่มีเงินนั่งรถเมล์ไปสัมภาษณ์งาน คนเมืองหลวงขับรถผ่านฉันไปไม่ไยดี เหงื่อไหลเต็มตัว ฉันกลัวเขาจะไล่กลับอีก แต่โชคดีมีคนเมืองหลวง
ใจดีขี่มอเตอร์ไซต์มาหยุดที่ฉัน. แต่โชคร้ายที่เขาไม้ได้จะรับฉันขึ้นรถ. เพียงแค่จอดถามฉันว่า ฉันมีเงินสัก 10 บาทให้เขาไหม ฉันตอบว่าไม่มี
เขาด่าฉัน. ฉันเสียใจที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่ก็ต้องก้มหน้าเดินต่อไป