เฒ่ามะกันบุก ยธ.ร้องโดนเมียไทยยักยอกทรัพย์กว่า40ล้าน หมดตัว ต้องอยู่วัด!?

จากมติชนออนไลน์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 เมษายน ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้มีพระครูสมุห์สุเทพ ชินวโร พระวัดเพิ่มธรรมจำเริญ ต.ทรายขาว อ.สอดดาว จ.จันทบุรี พานายโรเจอร์ แลร์ ฮาร์เปล ชาวอเมริกัน อายุ 63 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่พัทยา และเป็นเจ้าของบริษัทส่งออก เข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อขอรับความช่วยเหลือทางกฎหมายกรณีถูก น.ส.ณัฐิญาณี สุวรรณรัตน์ อดีตภรรยา ปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้วยักยอกทรัพย์ไปจำนวนกว่า 40 ล้านบาท รวมทั้งยังถ่ายโอนทรัพย์สินที่ยักยอกไปให้กับมารดาคือ นางสุมาลี สุวรรณรัตน์ ข้าราชการบำนาญครู

นายโรเจอร์เปิดเผยว่า ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2532 แต่งงานกับหญิงไทยคนหนึ่งจนมีบุตรด้วยกัน 1 คน ต่อมาได้เลิกกับหญิงคนดังกล่าว และมีภรรยาคือ น.ส.ณัฐิญาณี และมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน ต่อมาในปี 2548 ตนได้จดทะเบียนเปิดบริษัท เอิร์ท 666 ประกอบกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่พัทยา และบริษัท เคจีอี เป็นบริษัทส่งออก แต่เนื่องจากเป็นชาวต่างชาติจึงให้ น.ส.ณัฐิญาณีเป็นกรรมการบริษัท และดำเนินกิจการแทน

ต่อมาปี 2550 จึงทราบว่า น.ส.ณัฐิญาณีได้ทำการยักยอกทรัพย์สินของบริษัท 11 ล้านบาท ไปให้กับญาติพี่น้อง จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ และตำรวจได้ออกหมายจับ แต่ น.ส.ณัฐิญาณีขอประกันตัวออกมาคดีอยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากศาล ระหว่างนี้ น.ส.ณัฐิญาณีได้นำตัวลูกสาวไปเป็นตัวต่อรอง เพื่อให้ถอนฟ้อง ระหว่างการเจรจาปรากฏว่า น.ส.ณัฐิญาณีได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทำให้นางสุมาลี มารดายื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ น.ส.ณัฐิญาณี แต่ตนได้ยื่นคำร้องคัดค้านการร้องขอจัดการมรดก ศาลจึงมีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันและมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยมีข้อตกลงให้ทั้งสองฝ่ายนำทรัพย์สินออกขาย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหาผู้ซื้อทรัพย์ได้ต้องแจ้งให้อีกฝ่ายรับทราบ แต่ปรากฏว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับทรัพย์สินใดกลับคืน

นายโรเจอร์กล่าวอีกว่า มีเอกสารที่ระบุชัดว่าตนเองเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกสาว ดังนั้นจึงต้องการเรียกร้องทรัพย์สินที่ถูกยักยอกไปกลับคือ เพราะขณะนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว ตอนเดินทางมาจากสหรัฐ มีเงิน 25 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนทำธุรกิจอสังหาฯ แต่เมื่อมีปัญหาฟ้องร้องตนไม่รู้ภาษาไทยทำให้หลงเชื่อทนายที่ต่อสู้จึงทำให้เสียเปรียบทางด้านกฎหมายมาตลอด ดังนั้นสิ่งที่ต้องการร้องขอความช่วยเหลือจากกรมคุ้มครองสิทธิฯคือขอความช่วยเหลือในการจัดตั้งทนายเพื่อต่อสู้คดียักยอกทรัพย์สิน ขอให้จัดล่ามแปลภาษาอังกฤษเพื่อตนจะได้ทราบรายละเอียดการต่อสู้คดี เพราะไม่มีเป้าหมายประนีประนอมแต่ต้องการนำทรัพย์สินคืน

“เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุบังเอิญและชะตากรรม แต่เกิดจากความโลภของผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเป็นคนที่ผมไว้ใจไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิด เพราะหญิงคนนี้เคยเป็นพี่เลี้ยงของลูกสาวคนโตมาก่อน ทำให้ผมไว้วางใจ ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรมากขอเพียงแค่ทรัพย์สินคืน ผมไม่เหลืออะไรแล้วแม้ที่นอน เพราะบ้านที่เคยเป็นของผมก็ถูกศาลมีคำสั่งขายทอดตลาดไปแล้ว” นายโรเจอร์กล่าว

พระครูสมุห์สุเทพกล่าวว่า ได้ให้ความช่วยเหลือนายโรเจอร์มานานกว่า 3 เดือน โดยได้พบนายโรเจอร์เดินอยู่ที่หาดแม่พิมพ์ เมื่อเข้าไปสอบถามก็พบว่าเป็นคนน่าสงสาร ถูกโกงจึงได้ให้ไปอาศัยอยู่ที่วัด พร้อมทั้งหาทางช่วยเหลือเบื้องต้น ด้วยการพามาร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับความช่วยเหลือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่