ไม่รู้ว่าในที่นี้จะเป็นเหมือนเราหรือเปล่า เวลาเลือกซื้อของไม่ว่าตามห้างหรือที่อื่นๆ
เล่าจากประสบการณ์ตัวเองนะคะ
1. โดยส่วนมากถ้าไปซื้อของกับเพื่อน ความจริงเราก็มีจุดหมายกันอยู่แล้วนะคะว่าอยากได้อะไร ประมาณว่า...ฉันอยากซื้อของชิ้นนี้ แต่ก็ต้องถามความเห็นเพื่อนก่อน "ชิ้นนี้ดีไหม?" หรือ "เฮ้ย...มันโอเคเข้ากับเราหรือเปล่า" แต่สุดท้ายไม่ว่าเพื่อนจะออกความเห็นไปในทางบวกหรือลบอย่างไร เราก็ซื้อของชิ้นนั้นมาอยู่ดี จนเพื่อนมีบ่นว่าแล้วจะถามเพื่อ....
2. เวลาเราเลือกซื้อของแล้วพนักงานชอบมายืนข้างๆ หรือเดินตาม บางทีก็คอยแนะนำสินค้าให้เรา เข้าใจนะคะว่าเป็นอาชีพหรือหน้าที่ของเขา แต่เราหรือรู้สึกไม่ชอบเลย มันอึดอัดยังไงไม่รู้
- แบบบางทีเราก็ต้องการพิจารณาหรืออาจจะแค่มาดูเพื่อเปรียบเทียบไว้ก่อนอะไรแบบนี้ คือไม่ได้ต้องการความคิดเห็น
- บางครั้งก็จะซื้อสินค้าประเภทนี้นั่นแหล่ะ แต่มันมีหลายยี่ห้อหลายราคา พนักงานก็จะเชียร์ ยี่ห้อนู้น ยี่ห้อนี้ อันนี้ดีกว่า อันนั้นดีกว่า จนเลือกไม่ถูก ตัดสินใจยากเข้าไปอีกคราวนี้ เหมือนมีกระแสจิตกดดัน อย่าเลือกนานจะซื้อไหม (อันนี้มโนไปเองนะ)
3. สืบเนื่องจากข้อที่ 2 อันนี้เป็นนิสัยแย่ของเรามากๆ จนเพื่อนบอกว่าบางทีก็ปฏิเสธเขาไปบ้างเถอะ พนักงานหรือคนขายบางคนตั้งใจขายหรือเชียร์ขายเรานี่แหล่ะ ในกรณีเราไปคนเดียว บางทีเราก็แค่เดินดูเฉยๆ ไม่ได้อยากซื้ออะไรหรอก แต่ก็ได้ของติดมือกลับมา เป็นกันบ้างไหมคะ
ตัวอย่าง
เราเดินไปพลาซ่าแห่งหนึ่งเป็นทางผ่านเพื่อต่อรถ เลยเดินเล่น ดูเสื้อผ้า แล้วถูกใจเสื้อตัวหนึ่ง แค่เห็นว่ามันสวย ขอเดินเข้าไปดูในร้านหน่อยแล้วกัน
แม่ค้า : เดินมายิ้มแย้มทักทายอย่างดี "แบบนี้กำลังฮิตเลยค่ะ"
เรา : จับๆ ลองหยิบดู สวยนะ แต่เราคิดว่าไม่น่าจะเข้ากับเรา
แม่ค้า : แบบน่ารักนะคะ รับรองใส่สวยแน่นอนค่ะ...........................(หมายถึงบรรยายเชียร์อีกมากมาย)
สุดท้ายเราก็ซื้อมา แล้วก็ไม่เคยใส่ไปไหนเลย ที่ซื้อเพราะเกรงใจแม่ค้า ไม่ได้ถึงขนาดอยากได้อยากใส่ รู้สึกเหมือนโดนสะกดจิตยังไงไม่รู้ (เป็นเฉพาะในกรณีซื้อของเล็ก ไม่เกินห้าร้อยนะคะ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็เกรงใจเหมือนกันแต่ไม่ซื้อ)
- บางทีคิดว่าซื้อช่วยเขาน่ะค่ะ แบบมีโอดครวญกับเราว่าน้องมาเปิดพี่เลยนะ วันนี้คนเงียบมากยังขายไม่ได้เลย ทั้งๆ ทีเราก็ไม่นู้หรอกว่าเรื่องจริงหรือเปล่า
- บางทีก็โดนแม่ค้าหักคอให้ซื้อแบบมึนๆ ก็มี คือยังไม่ได้ตกลงซื้อ แต่แม่ค้าไปหยิบใส่ถุงรอแล้ว โมเมว่าเราจะเอา น้ำท่วมปากเลยค่ะกรณีนี้
4. อันนี้ตรงข้ามกับ 2 ข้อข้างบน คือ เราอาจจะดูแต่งตัวปอนๆ ไป แต่ดันซื้อของแพง พนักงานเลยไม่สนใจเท่าที่ควรจะทำ คือไม่ต้องการบริการดีเลิศเลอที่สุด ต้องการแค่สิ่งที่คุณพึงกระทำเท่านั้น
ตัวอย่างที่ 1
บ้านเราอยู่ใกล้ห้างๆ หนึ่งเรียกว่าเดินไปได้ ไม่ไกลกันเท่าไร เป็นวันหยุดสบายๆ ที่เราไม่ต้องมานั่งแต่งตัวแต่งหน้า ตัดสินใจจะซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง ราคาสูงสองหมื่นกว่าๆ เลยเดินไปเลย ณ ห้างใกล้บ้านนั้น เพราะเห็นว่าสะดวกดี มีปัญหาอะไรจะได้เข้าศูนย์ได้เร็ว
เราหน้าตาไม่แต่ง ใส่เสื้อยืดกางเกง ขาสั้นธรรมดา รองเท้าแตะแบบคีบ ไปเดินโซนร้านขายโทรศัพท์อยู่นาน จนเดินวนเข้าร้านที่เราคิดว่าน่าจะดี คือศูนย์โทรศัพท์ เพราะคิดว่าเวลามีปัญหาเขาน่าจะรับผิดชอบมากกว่า และบังเอิญว่ามีโปรโมชั่นลดถูกกว่าร้านอื่นที่เราดูมา
เรา : เดินดูรุ่นที่เราอยากได้
พนักงาน : มอง
เรา : ขอดู.......ค่ะ
พนักงาน : ค่ะ หยิบตัวโมเดลมือถือ(ของปลอม)ให้เราดู ไม่ได้สนใจหรือพูดอะไรต่อ
เรากับพนักงานยืนเยื้องๆ กันห่างไม่ถึง 1 เมตร
เรา : ลองหยิบดูๆ เอามาชั่งน้ำหนักมือซะมากว่าก็เครื่องปลอมนี่คะ น้ำหนักเท่ากับเครื่องจริงเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ต่อมามีคนลูกค้าเข้ามาใหม่ แต่งตัวดีมาก ขอดูโทรศัพท์รุ่นเดียวกับเรา
พนักงาน : หยิบโทรศัพท์เครื่องจริงที่สำหรับทดลองเล่นให้ลูกค้าคนนั้นดู พร้อมบอกฟังก์ชั่น โปรโมชั่นและส่วนลดเสร็จ
เรา : ยังโดนลืมอยู่ดี ได้ยืนฟังสิ่งที่เขาพูดกับพนักงานคนใหม่
จนเขาพูดจบลูกค้ายืนเล่นโทรศัพท์อยู่
เรา : พี่คะ ซื้อรุ่นนี้ค่ะ
พนักงาน : ค่ะ รอสักครู่นะคะ
เขาหยิบเอกสารมาให้เรากรอก ตอนนั้นงงๆ อยู่ นึกว่าเขาให้กรอกใบรับประกัน แล้วเห็นว่าลูกค้าคนนั้นจะเอาเหมือนกัน แล้วลูกค้าคนนั้นก็บอกว่าใช้บัตรE....ค่ะ พนักงานหยิบเอกสารให้ลูกค้าคนกรอก แล้วหันมาหาเรา
พนักงาน : ขอบัตรด้วยค่ะ
เรา : คะ?
พนักงาน : พี่จะได้ยื่นรูดพร้อมกันเลย
(เข้าใจแล้วเขานึกว่าเราเงินผ่อนลูกค้าคนนั้นเงินสดนั่นเอง ดีนะที่ยังไม่กรอกให้เปลืองกระดาษ)
เรา : ไม่มีบัตรค่ะ ใช้เงินสด (เราไม่ได้ทำบัตรอะไรจึงไม่สามารถซื้อแบบผ่อนได้ ส่วนเงินเราก็เข้ากับธนาคารกรุงไทย ใช้บัตร ATM ธรรมดา ไม่ได้ใช้บัตรเดบิตเลย รูดไม่ได้ต้องกดเงินจ่ายสดเท่านั้น)
พนักงาน เปลี่ยนเป็นคนละคนในพริบตา บอกรายละเอียด โปรพร้อมใช้งาน หยิบเครื่องจริงให้เล่น แล้วจะให้คิดว่าว่าอย่างไร...? (แบบสงสัยว่าค่าคอมฯ มันเป็นยังไงกันนะ สดราคาหนึ่ง ผ่อนราคาหนึ่งหรือเปล่า)
ตัวอย่างที่ 2
ณ เคาน์เตอร์เครื่องสําอาง ในห้างเดียวกัน ไม่เข็ดแต่งตัวปอนเหมือนเดิม ตั้งใจจะซื้อครีมรองพื้นกับแป้งราคาแพงที่ในเวปแนะนำบอกต่อกันว่าดี แต่เราไม่เคยใช้ยี่ห้อนี้ แต่ก็อยากลอง
เดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องสําอาง BA เครื่องสําอาง มัวแต่คุยกับพนักงานกันเอง เราเข้าไปก็หันมามองนะ แล้วก็ไม่สนใจเราเลย......... คือ เราเป็นคนผิวคล้ำ แบบบางทีเราก็ต้องการคำแนะนำนะว่า เฉดสีผิวเราใช้เบอร์ไหน อันไหนดีเข้ากับเราหรือเปล่า บางทีเราก็ต้องการผู้รู้ในเรื่องนี้มาช่วยแนะนำนะคะ ซื้อไปผิด แต่งหน้าไปนี่มีแต่ตายกับตาย กรณีซื้อขาวกว่าผิวมากไปก็กลายเป็นลิงหน้าวอก ซื้อคล้ำกว่าผิวก็กลายเป็นโดนของดำ หน้าหมองคล้ำ เศร้าจิต
ก็รู้นะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกอะไรเราก็เถอะ แต่เขาก็ประเมินไปแล้วว่าเราคงจะไม่ซื้อแน่นอนจากสภาพของเรา เราเองก็ผิดแหล่ะแต่งชิวมากไป เห็นว่าใกล้บ้าน ความจริงน่าจะแต่งตัวดีๆ หน่อย
5. อันนี้คือประเภทที่ถ้าจะต่อให้เกรงใจร้านยังไงก็เดินออกทันที คือ คงกะว่าเราจะมาขโมยแน่นอน ยืนเล็ง เราจับอะไรก็คอยมองตามทุกฝีก้าว
- บางครั้งรู้สึกไม่ดีกับสายตาของพนักงานคนนั้น โดยเฉพาะสายตาหรือกิริยาท่าทางของเขา (เฉพาะบางคนนะ ไม่รู้ว่าทางร้านโดนขโมยบ่อยหรือเปล่า จะคอยยืนมองจ้องจับผิดกันไม่ละสายตาเลย)
มีใครในที่นี้เป็นแบบเราหรือนอกเหนือจากเรา แชร์ประสบการณ์ เล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
เป็นเหมือนกันหรือเปล่าคะ เวลาเลือกซื้อของ
1. โดยส่วนมากถ้าไปซื้อของกับเพื่อน ความจริงเราก็มีจุดหมายกันอยู่แล้วนะคะว่าอยากได้อะไร ประมาณว่า...ฉันอยากซื้อของชิ้นนี้ แต่ก็ต้องถามความเห็นเพื่อนก่อน "ชิ้นนี้ดีไหม?" หรือ "เฮ้ย...มันโอเคเข้ากับเราหรือเปล่า" แต่สุดท้ายไม่ว่าเพื่อนจะออกความเห็นไปในทางบวกหรือลบอย่างไร เราก็ซื้อของชิ้นนั้นมาอยู่ดี จนเพื่อนมีบ่นว่าแล้วจะถามเพื่อ....
2. เวลาเราเลือกซื้อของแล้วพนักงานชอบมายืนข้างๆ หรือเดินตาม บางทีก็คอยแนะนำสินค้าให้เรา เข้าใจนะคะว่าเป็นอาชีพหรือหน้าที่ของเขา แต่เราหรือรู้สึกไม่ชอบเลย มันอึดอัดยังไงไม่รู้
- แบบบางทีเราก็ต้องการพิจารณาหรืออาจจะแค่มาดูเพื่อเปรียบเทียบไว้ก่อนอะไรแบบนี้ คือไม่ได้ต้องการความคิดเห็น
- บางครั้งก็จะซื้อสินค้าประเภทนี้นั่นแหล่ะ แต่มันมีหลายยี่ห้อหลายราคา พนักงานก็จะเชียร์ ยี่ห้อนู้น ยี่ห้อนี้ อันนี้ดีกว่า อันนั้นดีกว่า จนเลือกไม่ถูก ตัดสินใจยากเข้าไปอีกคราวนี้ เหมือนมีกระแสจิตกดดัน อย่าเลือกนานจะซื้อไหม (อันนี้มโนไปเองนะ)
3. สืบเนื่องจากข้อที่ 2 อันนี้เป็นนิสัยแย่ของเรามากๆ จนเพื่อนบอกว่าบางทีก็ปฏิเสธเขาไปบ้างเถอะ พนักงานหรือคนขายบางคนตั้งใจขายหรือเชียร์ขายเรานี่แหล่ะ ในกรณีเราไปคนเดียว บางทีเราก็แค่เดินดูเฉยๆ ไม่ได้อยากซื้ออะไรหรอก แต่ก็ได้ของติดมือกลับมา เป็นกันบ้างไหมคะ
ตัวอย่าง
เราเดินไปพลาซ่าแห่งหนึ่งเป็นทางผ่านเพื่อต่อรถ เลยเดินเล่น ดูเสื้อผ้า แล้วถูกใจเสื้อตัวหนึ่ง แค่เห็นว่ามันสวย ขอเดินเข้าไปดูในร้านหน่อยแล้วกัน
แม่ค้า : เดินมายิ้มแย้มทักทายอย่างดี "แบบนี้กำลังฮิตเลยค่ะ"
เรา : จับๆ ลองหยิบดู สวยนะ แต่เราคิดว่าไม่น่าจะเข้ากับเรา
แม่ค้า : แบบน่ารักนะคะ รับรองใส่สวยแน่นอนค่ะ...........................(หมายถึงบรรยายเชียร์อีกมากมาย)
สุดท้ายเราก็ซื้อมา แล้วก็ไม่เคยใส่ไปไหนเลย ที่ซื้อเพราะเกรงใจแม่ค้า ไม่ได้ถึงขนาดอยากได้อยากใส่ รู้สึกเหมือนโดนสะกดจิตยังไงไม่รู้ (เป็นเฉพาะในกรณีซื้อของเล็ก ไม่เกินห้าร้อยนะคะ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็เกรงใจเหมือนกันแต่ไม่ซื้อ)
- บางทีคิดว่าซื้อช่วยเขาน่ะค่ะ แบบมีโอดครวญกับเราว่าน้องมาเปิดพี่เลยนะ วันนี้คนเงียบมากยังขายไม่ได้เลย ทั้งๆ ทีเราก็ไม่นู้หรอกว่าเรื่องจริงหรือเปล่า
- บางทีก็โดนแม่ค้าหักคอให้ซื้อแบบมึนๆ ก็มี คือยังไม่ได้ตกลงซื้อ แต่แม่ค้าไปหยิบใส่ถุงรอแล้ว โมเมว่าเราจะเอา น้ำท่วมปากเลยค่ะกรณีนี้
4. อันนี้ตรงข้ามกับ 2 ข้อข้างบน คือ เราอาจจะดูแต่งตัวปอนๆ ไป แต่ดันซื้อของแพง พนักงานเลยไม่สนใจเท่าที่ควรจะทำ คือไม่ต้องการบริการดีเลิศเลอที่สุด ต้องการแค่สิ่งที่คุณพึงกระทำเท่านั้น
ตัวอย่างที่ 1
บ้านเราอยู่ใกล้ห้างๆ หนึ่งเรียกว่าเดินไปได้ ไม่ไกลกันเท่าไร เป็นวันหยุดสบายๆ ที่เราไม่ต้องมานั่งแต่งตัวแต่งหน้า ตัดสินใจจะซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง ราคาสูงสองหมื่นกว่าๆ เลยเดินไปเลย ณ ห้างใกล้บ้านนั้น เพราะเห็นว่าสะดวกดี มีปัญหาอะไรจะได้เข้าศูนย์ได้เร็ว
เราหน้าตาไม่แต่ง ใส่เสื้อยืดกางเกง ขาสั้นธรรมดา รองเท้าแตะแบบคีบ ไปเดินโซนร้านขายโทรศัพท์อยู่นาน จนเดินวนเข้าร้านที่เราคิดว่าน่าจะดี คือศูนย์โทรศัพท์ เพราะคิดว่าเวลามีปัญหาเขาน่าจะรับผิดชอบมากกว่า และบังเอิญว่ามีโปรโมชั่นลดถูกกว่าร้านอื่นที่เราดูมา
เรา : เดินดูรุ่นที่เราอยากได้
พนักงาน : มอง
เรา : ขอดู.......ค่ะ
พนักงาน : ค่ะ หยิบตัวโมเดลมือถือ(ของปลอม)ให้เราดู ไม่ได้สนใจหรือพูดอะไรต่อ
เรากับพนักงานยืนเยื้องๆ กันห่างไม่ถึง 1 เมตร
เรา : ลองหยิบดูๆ เอามาชั่งน้ำหนักมือซะมากว่าก็เครื่องปลอมนี่คะ น้ำหนักเท่ากับเครื่องจริงเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ต่อมามีคนลูกค้าเข้ามาใหม่ แต่งตัวดีมาก ขอดูโทรศัพท์รุ่นเดียวกับเรา
พนักงาน : หยิบโทรศัพท์เครื่องจริงที่สำหรับทดลองเล่นให้ลูกค้าคนนั้นดู พร้อมบอกฟังก์ชั่น โปรโมชั่นและส่วนลดเสร็จ
เรา : ยังโดนลืมอยู่ดี ได้ยืนฟังสิ่งที่เขาพูดกับพนักงานคนใหม่
จนเขาพูดจบลูกค้ายืนเล่นโทรศัพท์อยู่
เรา : พี่คะ ซื้อรุ่นนี้ค่ะ
พนักงาน : ค่ะ รอสักครู่นะคะ
เขาหยิบเอกสารมาให้เรากรอก ตอนนั้นงงๆ อยู่ นึกว่าเขาให้กรอกใบรับประกัน แล้วเห็นว่าลูกค้าคนนั้นจะเอาเหมือนกัน แล้วลูกค้าคนนั้นก็บอกว่าใช้บัตรE....ค่ะ พนักงานหยิบเอกสารให้ลูกค้าคนกรอก แล้วหันมาหาเรา
พนักงาน : ขอบัตรด้วยค่ะ
เรา : คะ?
พนักงาน : พี่จะได้ยื่นรูดพร้อมกันเลย
(เข้าใจแล้วเขานึกว่าเราเงินผ่อนลูกค้าคนนั้นเงินสดนั่นเอง ดีนะที่ยังไม่กรอกให้เปลืองกระดาษ)
เรา : ไม่มีบัตรค่ะ ใช้เงินสด (เราไม่ได้ทำบัตรอะไรจึงไม่สามารถซื้อแบบผ่อนได้ ส่วนเงินเราก็เข้ากับธนาคารกรุงไทย ใช้บัตร ATM ธรรมดา ไม่ได้ใช้บัตรเดบิตเลย รูดไม่ได้ต้องกดเงินจ่ายสดเท่านั้น)
พนักงาน เปลี่ยนเป็นคนละคนในพริบตา บอกรายละเอียด โปรพร้อมใช้งาน หยิบเครื่องจริงให้เล่น แล้วจะให้คิดว่าว่าอย่างไร...? (แบบสงสัยว่าค่าคอมฯ มันเป็นยังไงกันนะ สดราคาหนึ่ง ผ่อนราคาหนึ่งหรือเปล่า)
ตัวอย่างที่ 2
ณ เคาน์เตอร์เครื่องสําอาง ในห้างเดียวกัน ไม่เข็ดแต่งตัวปอนเหมือนเดิม ตั้งใจจะซื้อครีมรองพื้นกับแป้งราคาแพงที่ในเวปแนะนำบอกต่อกันว่าดี แต่เราไม่เคยใช้ยี่ห้อนี้ แต่ก็อยากลอง
เดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องสําอาง BA เครื่องสําอาง มัวแต่คุยกับพนักงานกันเอง เราเข้าไปก็หันมามองนะ แล้วก็ไม่สนใจเราเลย......... คือ เราเป็นคนผิวคล้ำ แบบบางทีเราก็ต้องการคำแนะนำนะว่า เฉดสีผิวเราใช้เบอร์ไหน อันไหนดีเข้ากับเราหรือเปล่า บางทีเราก็ต้องการผู้รู้ในเรื่องนี้มาช่วยแนะนำนะคะ ซื้อไปผิด แต่งหน้าไปนี่มีแต่ตายกับตาย กรณีซื้อขาวกว่าผิวมากไปก็กลายเป็นลิงหน้าวอก ซื้อคล้ำกว่าผิวก็กลายเป็นโดนของดำ หน้าหมองคล้ำ เศร้าจิต
ก็รู้นะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกอะไรเราก็เถอะ แต่เขาก็ประเมินไปแล้วว่าเราคงจะไม่ซื้อแน่นอนจากสภาพของเรา เราเองก็ผิดแหล่ะแต่งชิวมากไป เห็นว่าใกล้บ้าน ความจริงน่าจะแต่งตัวดีๆ หน่อย
5. อันนี้คือประเภทที่ถ้าจะต่อให้เกรงใจร้านยังไงก็เดินออกทันที คือ คงกะว่าเราจะมาขโมยแน่นอน ยืนเล็ง เราจับอะไรก็คอยมองตามทุกฝีก้าว
- บางครั้งรู้สึกไม่ดีกับสายตาของพนักงานคนนั้น โดยเฉพาะสายตาหรือกิริยาท่าทางของเขา (เฉพาะบางคนนะ ไม่รู้ว่าทางร้านโดนขโมยบ่อยหรือเปล่า จะคอยยืนมองจ้องจับผิดกันไม่ละสายตาเลย)
มีใครในที่นี้เป็นแบบเราหรือนอกเหนือจากเรา แชร์ประสบการณ์ เล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ