การพิจารณาอากาศหาที่สุดมิได้คือความว่าง
. อากาสสูตร
ว่าด้วยอากาสานัญจายตนฌาน
[๕๑๓] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า
“ อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านหมดจดผ่องใส วันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?”
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าอากาสานัญจายตนฌานด้วย
คำนึงว่า อากาศหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงรูปสัญญาเสียได้ เพราะดับปฏิฆสัญญาเสียได้ เพราะไม่กระทำไว้ในใจซึ่งนานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวงอยู่. อาวุโส เรามิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้า
อากาสานัญจายตนฌานอยู่ หรือว่าเข้าอากาสานัญจายตนฌานแล้ว หรือว่าออกจากอากาสานัญจาย
ตนฌานแล้ว ฯลฯ
......................................................................................................................................................................
2
สุญญสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าโลกว่างเปล่า
[๑๐๒] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ ฯลฯ ได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่าโลกว่างเปล่าๆ ดังนี้ ด้วย
เหตุเพียงเท่าไรหนอจึงเรียกว่า โลกว่างเปล่า. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ตอบว่า ดูก่อนอานนท์ เพราะว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน ฉะนั้น
จึงเรียกว่า โลกว่างเปล่า อะไรเล่าว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน. จักษุ
แลว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน รูปว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน
จักษุวิญญาณว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน จักษุสัมผัสว่างเปล่าจากตน
หรือจากของ ๆ ตน สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ก็ว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน ฯลฯ
ใจว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน ธรรมารมณ์ว่างเปล่าจากตนหรือจาก
ของ ๆ ตน มโนวิญญาณว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน มโนสัมผัส
ว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขม-
สุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็ว่างเปล่าจากตน หรือจาก
ของ ๆ ตน ดูก่อนอานนท์ เพราะว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน
ฉะนั้นจึงเรียกว่าโลกว่างเปล่า.
จบ
พระอรหันต์ มีความเป็นอยู่อย่างไร???
การพิจารณาอากาศหาที่สุดมิได้คือความว่าง
. อากาสสูตร
ว่าด้วยอากาสานัญจายตนฌาน
[๕๑๓] พระนครสาวัตถี. ท่านพระอานนท์ได้เห็นท่านพระสารีบุตรมาแต่ไกล จึงกล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า
“ อาวุโสสารีบุตร อินทรีย์ของท่านผ่องใสนัก สีหน้าของท่านหมดจดผ่องใส วันนี้ ท่านพระสารีบุตรอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร?”
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า
อาวุโส ดังเราจะบอก เราเข้าอากาสานัญจายตนฌานด้วย
คำนึงว่า อากาศหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงรูปสัญญาเสียได้ เพราะดับปฏิฆสัญญาเสียได้ เพราะไม่กระทำไว้ในใจซึ่งนานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวงอยู่. อาวุโส เรามิได้คิดอย่างนี้ว่า เราเข้า
อากาสานัญจายตนฌานอยู่ หรือว่าเข้าอากาสานัญจายตนฌานแล้ว หรือว่าออกจากอากาสานัญจาย
ตนฌานแล้ว ฯลฯ
......................................................................................................................................................................
2
สุญญสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าโลกว่างเปล่า[๑๐๒] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ ฯลฯ ได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่าโลกว่างเปล่าๆ ดังนี้ ด้วย
เหตุเพียงเท่าไรหนอจึงเรียกว่า โลกว่างเปล่า. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ตอบว่า ดูก่อนอานนท์ เพราะว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน ฉะนั้น
จึงเรียกว่า โลกว่างเปล่า อะไรเล่าว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน. จักษุ
แลว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน รูปว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน
จักษุวิญญาณว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน จักษุสัมผัสว่างเปล่าจากตน
หรือจากของ ๆ ตน สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ก็ว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน ฯลฯ
ใจว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน ธรรมารมณ์ว่างเปล่าจากตนหรือจาก
ของ ๆ ตน มโนวิญญาณว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน มโนสัมผัส
ว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขม-
สุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็ว่างเปล่าจากตน หรือจาก
ของ ๆ ตน ดูก่อนอานนท์ เพราะว่างเปล่าจากตนหรือจากของ ๆ ตน
ฉะนั้นจึงเรียกว่าโลกว่างเปล่า.
จบ