เรื่องมีอยู่ว่าเราเพิ่งย้ายเข้ามาในหมู่บ้านทาวเฮ้าส์เล็กๆแห่งหนึ่งแถวประชาอุทิศ ซึ่งมีคนในหมู่บ้านเดียวกันเป็นอาจารย์สอนภาษาจีน(ผู้หญิง)
แห่งหนึ่งในโรงเรียนโพลีเทคนิค (ทราบมาภายหลังเพราะไม่เคยสนใจเลย) สาเหตุที่ไม่ชอบหน้าเพราะเขาทำตัวเป็น ครู กับคนทั่วไป ตอนย้ายไปอยู่ใหม่ๆก็เรียกทักเขาว่า "หล่าวซือ" มีสองสามครั้งที่เห็นเขานั่งอยู่ก็เรียกตามปกติ แต่แกกลับทำหน้าตาเหมือนครู ยักคิ้วตอบลูกศิษย์ เราเองก็เป็นผู้ใหญ่อดหมั่นไส้ไม่ได้ ที่เรียกเพราะจะผูกมิตรไว้เท่านั้น ตอนเราเพิ่งย้ายเข้าไปใหม่ๆมี เพื่อนบ้าน 2 คนที่เป็นแม่บ้านก็นั่งคุยกันเป็นประจำ บางวันเพื่อนบ้านก็มาย้ายต้นไม้ให้บ้าง มาคุยตามปกติ พอแกเดินมาแกก็จะตะโกนทุกครั้งที่เห็นพวกเรานั่งคุยกันว่า วันนี้ประชุมเรื่องอะไรกันอีก ตะโกนดังมากเหมือนพูดว่าพวกเรากำลังนินทาใครอยู่ พอหลายๆครั้งเขาเราก็รำคาญเสียงแกประกอบกับรู้สึกอายเพราะเราย้ายมาใหม่จึงไม่ค่อยพอใจเขาตั้งแต่วันนั้น และเมื่อเห็นเขาที่ไหนก็จะทำเป็นมองไม่เห็น หรือ มองผ่านตาไป จำได้มีครั้งหนึ่งช่วงชุมนุมของ เสธอ้าย
ขณะที่เรากำลังคุยเรื่องอื่น เขาเดินเข้ามาพอดี เพื่อนบ้านคนหนึ่งแหย่เรา หรือ เขาว่า เอ้าพี่ไม่ไปชุมนุมหรือ เราเองก็บอกว่า เราไม่ไปหรอก
ไม่อยากยุ่ง พอแกได้ยินเท่านั้นก็พูดสาธยายด่าว่าอีกฝ่าย ซึ่งเราเองไม่เป็นเสื้อเหลืองแต่ก็ไม่ชอบสิ่งที่แกพูด จึงตัดบทพูดกับเพื่อนบ้านอีกคนว่า
"เจ๊ถ้าเจ๊เป็นเสื้อ...เราจะไม่คุยด้วยนะยะ เล่นกันไป "
เราอยู่มาได้ เดือนนี้เดือนที่แปด วันที่ 18 ที่ผ่านมาแกไปชวนคนที่อยู่ในหมู่บ้านให้มาด่าเรา แต่คนที่ไปชวนเขาไม่ยอมมาด้วย ก็เลยเดินโมโหมาตะโกนด่าเราหน้าบ้าน ซึ่งขณะนั้นก็นั่งทำงานอยู่ตรงประตูรั้ว เขาหาว่าเราทำหน้าเหม็นใส่เขา คือ บอกว่าเราสบัดหน้าใส่ทุกครั้งที่เจอเขาเรางงมาก เพราะขนาดหน้าตายังไม่หันไปมองด้วยซ้ำไปทำไมต้องไปสบัดน้าตนเองให้คอเคร็ด บอกว่า กูไม่ให้อยู่ที่นี่ กูจะไล่ไปจากที่นี่ เราก็เลย
ถามว่า ฉันไปทำอะไรให้ เป็นครูบาอาจารย์ ทำไมไม่พูดจาดีๆ เราบอกว่าไม่ชอบกันก็ไม่มองหน้าให้มีเรื่องเป็นดีที่สุด เพราะเราไม่เคยมอง
เธอเลยจริงๆ พอมองเต็มตาถึงเห็นว่าเขามีอาการตาขวางไม่ปกติ วันนั้นตะโกนพูดจาใหญ่โต ชี้หน้าด้วยด้ามร่มตลอดเวลา วันนั้นเราก็โต็ตอบกลับไปตามปกติ เพราะไม่ยอมให้ด่าฝ่ายเดียว พอกลับมาเปิดกล้องวงจรปิดดู จึงเห็นว่าแกมีอารมณ์พล่านมาก ร่มที่ถือมาเหวี่ยงไปมารอบๆรถเราที่จอดอยู่ ก็พยายามมองว่าเขาไม่ได้ฟากใส่รถเรา ก็เลยบอกเพื่อนบ้านไปว่า ทำอย่างนี้เราจะแจ้งความเพราะมาข่มขู่ทำร้ายถึงหน้าบ้าน ให้เขาหยุดเสีย
หลังจากเย็นนั้นรุ่งขึ้นเราต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็บอกใครว่าถ้าเฉยๆก็จะไม่ทำอะไร ทั้งๆที่ใครๆก็บอกว่าให้แจ้งความไว้ก่อนเพราะอาจจะถูกทำร้ายและอยู่คนเดียว หลังจากกลับจากต่างประเทศก็ไปดูกล้องวงจรปิดถึงทราบว่าเขาเดินมาหน้าบ้าน พร้อมด้ามร่ม ชะโงกหาเรื่อง ไปถามใครๆก็ได้ความว่าแก บอกว่าแจ้งความไม่กลัวไปเอามาทั้งโรงพัก กูจะตบมัน เราเห็นว่าไม่ได้เรื่องแล้วจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.
วันนี้มีตำรวจมาเซ็นชื่อที่ตู้หน้าบ้าน เขาเห็นเราก็มายืนตะโกนด่าเราต่อหน้าตำรวจ ตำรวจก็เฉยๆ บอกว่าเราทะเลาะกันยังไม่ตบตีกันไม่ทำอะไร
เราถามตำรวจกลับไปว่า ทำไมฝ่ายไหนพูดผิดหรือหมื่นประมาท เช่นขู่หรือ แสดงอำนาจไล่ใครๆได้ หรือไม่ ก็ควรจะตักเตือนหรือเอาไปโรงพักทั้งคู่เราเองตอนนี้เกษียรตัวเอง ไม่มีอะไรจะเสีย อยากรู้ว่าถ้าเอาคลิป ความบ้า ไปที่โรงเรียนจะมีคนนับหน้าถือตาเหลือไหม เพราะแสดงอาการถ่อยเหลือเกิน การที่ตำรวจบอกว่ารอให้ตบตีก่อนแล้วค่อยเอาไปโรงพัก เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ เขาหาเรื่องแม้กระทั่งวันที่เราพูดเล่นกับเพื่อนซึ่ง
ผ่านมาแล้วเกือบแปดเดือน มาหาเรื่องตอนนี้มันฟังขึ้นไหม ท้ายสุดเรายังบอกว่าจะให้เราทำหน้าอย่างไรบอกมาซิจะได้จบ เขาก็ไม่ยอมบอกว่า
กูจะตบ มันอะไรกันบ้านเมืองเป็นแบบนี้ไปแล้วอยู่เฉยๆยังถูกคุกคามขนาดนี้
เราเองไม่ได้เป็นคนยอมใคร ถ้าไม่ผิดก็ไม่ยอมใครอยู่แล้ว แต่การที่จะไปทุบหม้อข้าวของใครไม่อยากทำเพราะมันบาป ที่เขียนมาให้อ่านเพราะ
อยากระบายว่า ทำไมตอนนี้คนไทยเป็นแบบนี้ไปแล้ว ถ้าเราเปลี่ยนเป็นมองหน้ามันก็ไม่จบอีก เพราะจะหาว่ามองหน้ากันแล้วเอาไงดี
เราอายุ ห้าสิบกว่า เขาเห็นเราอยู่คนเดียว แต่เป็นคนเดียวที่ไม่พูดกับเขา ในหมู่บ้าน ถามว่ามันจำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องฝืนในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เรามีความคิดอ่านเป็นของตนเอง ที่ไม่จำเป็นต้องมาฟังเรื่องราวของฝ่ายไหน เหมือนแม่บ้านคนอื่นๆ เราจึงคิดว่าเราไม่อยากพูดกับเขา
ออกตัวไว้ก่อนว่า ไม่ได้มีเจตนามาให้แบ่งแยกใดๆ เพราะมีเพื่อนต่างความคิดทางด้านการเมืองเหมือนกัน เวลาเจอกันก็ไม่คุยกันเรื่องเหล่านี้
แต่นี่เราต้องทนฟังเขาพล่ามด่าอีกฝ่ายตลอดงั้นหรือ และขออย่าเสนอให้ไปพูดกับเขาดีๆ เพราะต่อหน้าตำรวจยังชี้หน้าตลอดเวลา เสียงดังขนาดแปดหลอดน่ารำคาญมาก และพูดจาขึ้นกูตลอดเวลา แจ้งความแล้ว ช่วยแนะนำให้ทีว่าแก้ไขอย่างไร
ช่วยด้วยมีคนในหมู่บ้านมายืนด่าเรา และไล่ให้ย้ายออกไปออกไปอยู่ที่อื่น ทำอย่างไรดีไม่ได้กลัวแต่รำคาญใจจริงๆ
แห่งหนึ่งในโรงเรียนโพลีเทคนิค (ทราบมาภายหลังเพราะไม่เคยสนใจเลย) สาเหตุที่ไม่ชอบหน้าเพราะเขาทำตัวเป็น ครู กับคนทั่วไป ตอนย้ายไปอยู่ใหม่ๆก็เรียกทักเขาว่า "หล่าวซือ" มีสองสามครั้งที่เห็นเขานั่งอยู่ก็เรียกตามปกติ แต่แกกลับทำหน้าตาเหมือนครู ยักคิ้วตอบลูกศิษย์ เราเองก็เป็นผู้ใหญ่อดหมั่นไส้ไม่ได้ ที่เรียกเพราะจะผูกมิตรไว้เท่านั้น ตอนเราเพิ่งย้ายเข้าไปใหม่ๆมี เพื่อนบ้าน 2 คนที่เป็นแม่บ้านก็นั่งคุยกันเป็นประจำ บางวันเพื่อนบ้านก็มาย้ายต้นไม้ให้บ้าง มาคุยตามปกติ พอแกเดินมาแกก็จะตะโกนทุกครั้งที่เห็นพวกเรานั่งคุยกันว่า วันนี้ประชุมเรื่องอะไรกันอีก ตะโกนดังมากเหมือนพูดว่าพวกเรากำลังนินทาใครอยู่ พอหลายๆครั้งเขาเราก็รำคาญเสียงแกประกอบกับรู้สึกอายเพราะเราย้ายมาใหม่จึงไม่ค่อยพอใจเขาตั้งแต่วันนั้น และเมื่อเห็นเขาที่ไหนก็จะทำเป็นมองไม่เห็น หรือ มองผ่านตาไป จำได้มีครั้งหนึ่งช่วงชุมนุมของ เสธอ้าย
ขณะที่เรากำลังคุยเรื่องอื่น เขาเดินเข้ามาพอดี เพื่อนบ้านคนหนึ่งแหย่เรา หรือ เขาว่า เอ้าพี่ไม่ไปชุมนุมหรือ เราเองก็บอกว่า เราไม่ไปหรอก
ไม่อยากยุ่ง พอแกได้ยินเท่านั้นก็พูดสาธยายด่าว่าอีกฝ่าย ซึ่งเราเองไม่เป็นเสื้อเหลืองแต่ก็ไม่ชอบสิ่งที่แกพูด จึงตัดบทพูดกับเพื่อนบ้านอีกคนว่า
"เจ๊ถ้าเจ๊เป็นเสื้อ...เราจะไม่คุยด้วยนะยะ เล่นกันไป "
เราอยู่มาได้ เดือนนี้เดือนที่แปด วันที่ 18 ที่ผ่านมาแกไปชวนคนที่อยู่ในหมู่บ้านให้มาด่าเรา แต่คนที่ไปชวนเขาไม่ยอมมาด้วย ก็เลยเดินโมโหมาตะโกนด่าเราหน้าบ้าน ซึ่งขณะนั้นก็นั่งทำงานอยู่ตรงประตูรั้ว เขาหาว่าเราทำหน้าเหม็นใส่เขา คือ บอกว่าเราสบัดหน้าใส่ทุกครั้งที่เจอเขาเรางงมาก เพราะขนาดหน้าตายังไม่หันไปมองด้วยซ้ำไปทำไมต้องไปสบัดน้าตนเองให้คอเคร็ด บอกว่า กูไม่ให้อยู่ที่นี่ กูจะไล่ไปจากที่นี่ เราก็เลย
ถามว่า ฉันไปทำอะไรให้ เป็นครูบาอาจารย์ ทำไมไม่พูดจาดีๆ เราบอกว่าไม่ชอบกันก็ไม่มองหน้าให้มีเรื่องเป็นดีที่สุด เพราะเราไม่เคยมอง
เธอเลยจริงๆ พอมองเต็มตาถึงเห็นว่าเขามีอาการตาขวางไม่ปกติ วันนั้นตะโกนพูดจาใหญ่โต ชี้หน้าด้วยด้ามร่มตลอดเวลา วันนั้นเราก็โต็ตอบกลับไปตามปกติ เพราะไม่ยอมให้ด่าฝ่ายเดียว พอกลับมาเปิดกล้องวงจรปิดดู จึงเห็นว่าแกมีอารมณ์พล่านมาก ร่มที่ถือมาเหวี่ยงไปมารอบๆรถเราที่จอดอยู่ ก็พยายามมองว่าเขาไม่ได้ฟากใส่รถเรา ก็เลยบอกเพื่อนบ้านไปว่า ทำอย่างนี้เราจะแจ้งความเพราะมาข่มขู่ทำร้ายถึงหน้าบ้าน ให้เขาหยุดเสีย
หลังจากเย็นนั้นรุ่งขึ้นเราต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็บอกใครว่าถ้าเฉยๆก็จะไม่ทำอะไร ทั้งๆที่ใครๆก็บอกว่าให้แจ้งความไว้ก่อนเพราะอาจจะถูกทำร้ายและอยู่คนเดียว หลังจากกลับจากต่างประเทศก็ไปดูกล้องวงจรปิดถึงทราบว่าเขาเดินมาหน้าบ้าน พร้อมด้ามร่ม ชะโงกหาเรื่อง ไปถามใครๆก็ได้ความว่าแก บอกว่าแจ้งความไม่กลัวไปเอามาทั้งโรงพัก กูจะตบมัน เราเห็นว่าไม่ได้เรื่องแล้วจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.
วันนี้มีตำรวจมาเซ็นชื่อที่ตู้หน้าบ้าน เขาเห็นเราก็มายืนตะโกนด่าเราต่อหน้าตำรวจ ตำรวจก็เฉยๆ บอกว่าเราทะเลาะกันยังไม่ตบตีกันไม่ทำอะไร
เราถามตำรวจกลับไปว่า ทำไมฝ่ายไหนพูดผิดหรือหมื่นประมาท เช่นขู่หรือ แสดงอำนาจไล่ใครๆได้ หรือไม่ ก็ควรจะตักเตือนหรือเอาไปโรงพักทั้งคู่เราเองตอนนี้เกษียรตัวเอง ไม่มีอะไรจะเสีย อยากรู้ว่าถ้าเอาคลิป ความบ้า ไปที่โรงเรียนจะมีคนนับหน้าถือตาเหลือไหม เพราะแสดงอาการถ่อยเหลือเกิน การที่ตำรวจบอกว่ารอให้ตบตีก่อนแล้วค่อยเอาไปโรงพัก เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ เขาหาเรื่องแม้กระทั่งวันที่เราพูดเล่นกับเพื่อนซึ่ง
ผ่านมาแล้วเกือบแปดเดือน มาหาเรื่องตอนนี้มันฟังขึ้นไหม ท้ายสุดเรายังบอกว่าจะให้เราทำหน้าอย่างไรบอกมาซิจะได้จบ เขาก็ไม่ยอมบอกว่า
กูจะตบ มันอะไรกันบ้านเมืองเป็นแบบนี้ไปแล้วอยู่เฉยๆยังถูกคุกคามขนาดนี้
เราเองไม่ได้เป็นคนยอมใคร ถ้าไม่ผิดก็ไม่ยอมใครอยู่แล้ว แต่การที่จะไปทุบหม้อข้าวของใครไม่อยากทำเพราะมันบาป ที่เขียนมาให้อ่านเพราะ
อยากระบายว่า ทำไมตอนนี้คนไทยเป็นแบบนี้ไปแล้ว ถ้าเราเปลี่ยนเป็นมองหน้ามันก็ไม่จบอีก เพราะจะหาว่ามองหน้ากันแล้วเอาไงดี
เราอายุ ห้าสิบกว่า เขาเห็นเราอยู่คนเดียว แต่เป็นคนเดียวที่ไม่พูดกับเขา ในหมู่บ้าน ถามว่ามันจำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องฝืนในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เรามีความคิดอ่านเป็นของตนเอง ที่ไม่จำเป็นต้องมาฟังเรื่องราวของฝ่ายไหน เหมือนแม่บ้านคนอื่นๆ เราจึงคิดว่าเราไม่อยากพูดกับเขา
ออกตัวไว้ก่อนว่า ไม่ได้มีเจตนามาให้แบ่งแยกใดๆ เพราะมีเพื่อนต่างความคิดทางด้านการเมืองเหมือนกัน เวลาเจอกันก็ไม่คุยกันเรื่องเหล่านี้
แต่นี่เราต้องทนฟังเขาพล่ามด่าอีกฝ่ายตลอดงั้นหรือ และขออย่าเสนอให้ไปพูดกับเขาดีๆ เพราะต่อหน้าตำรวจยังชี้หน้าตลอดเวลา เสียงดังขนาดแปดหลอดน่ารำคาญมาก และพูดจาขึ้นกูตลอดเวลา แจ้งความแล้ว ช่วยแนะนำให้ทีว่าแก้ไขอย่างไร