ดูคลิป ดร.นิเวศน์ให้สัมภาษณ์ รายการ Monney Chanel ช่วง Hard Talk วันนี้
http://www.moneychannel.co.th/0Live_0/programpage.php?listid=5
ให้มุมมองที่ การซื้อ Makro ที่น่าคิด
ดร.บอกว่า จากที่ฟังจากผู้บริหาร เค้่าจะไม่เพิ่มทุนให้คน ถือหุ้นเดือดร้อน
ดร.บอกว่า ทางผู้บริหารบอกว่า จะใช้เงินสดบริษัท ราวๆ 10% ที่เหลือใช้เงินกู้ และ กำไรจาก แมคโคร ก็เกือบพอมาส่งดอกเบี้ยได้ และปีหลังๆ โตขึ้น ก็จะ ส่งหักต้น สุดท้าย ก็จะเหมือน CPall ได้บริษัท แมคโครมาฟรีๆ
ผมฟังดูแล้วเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่ซื้อแมคโครแพง ถึง เกือบ 190,000 ล้านจะคล้ายได้ฟรีเชียวเหรอ ก็ เลยลอง มาคิดดู ลองตามมาดูกัน แล้วช่วยกัน คิดก็ได้ครับ
=====================================================
คำนวน Deal จากราคาที่ ซื้่อ และ จะทำ Tender offer Makro ที่ราคา 787 ถ้าซื้อหุ้นกลับมา 100% ก็ใช้เงิน 787X 240 ล้าน = 188,880ล้าน
แต่จะใช้การกู้ โดยใช้เงินสดบริษัท 10% (18,888 ล้าน) ที่เหลือ อีก 90% = ราวๆ 170,000 ล้าน ใช้เงินกู้ ที่ตอนนี้ มีสถาบันการเงิน รอให้กู้
อยู่แล้ว
ดอกเบี้ย มีบางบทวิเคราะห์ คิดว่า น่าจะเป็น 3% แต่ผมว่า อาจจะต่ำไปนิด แต่บริษัทยักษ์มั่นคงระดับ CPall กู้หรือ ออกหุ้นกู้ ดอกเบี้ย 3.5% ก็
น่าจะพอได้ ดังนั้น คิดดอกเบี้ยจากเงิน ต้น 170,000 ล้าน= 5950 หรือ ตก ประมาณ ปีละ 6 พัน ล้าน
Makro ปีที่ผ่านมา กำไรก่อนหักภาษี 4, 776 ล้่าน ปีหน้า คิดว่า คงทะลุเกิน 5000 ล้่าน ค่อนข้างแน่ (โอเคตัวเลข เจ้าสัว ธานินทร์ บอกว่า กำไร 5 พันล้าน ก็พอจะถือได้ว่าไม่มั่ว ) แต่ถ้าหักภาษีแล้ว น่าจะเหลือกำไรราวๆ 4 พันล้าน และขอคิดให้ มีการเติบโต ปีล่ะ ซัก 10% ล่ะกัน ไม่รวมถึงการ Synergist กัน ของสองบริษัททีจะเกื้อธุรกิจ กันที่อาจจะช่วยให้ โตขึ้นได้อีก
มาดูทางด้าน Cpall บริษัทแม่ ปีที่ผ่านมา กำไรก่อนหักภาษี อยู่ ประมาณ 14000 ล้าน (ปีหน้าก็คงเติบโตไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ต้องไปดูตรงนั้นก็ได้)
พอหักภาษี ออกไปเกือบๆ 3000 ล้าน ก็เหลือกำไรสุทธิ 11000 ล้าน
ตรงภาษีนี่แหละ มันเป็นผลประโยชน์แฝง ที่ทาง CPall จะได้รับเพิ่มมาด้วย
ปีหน้าภาษี จะเป็น Rate 20%
สมมุติปีหน้า Cpall กำไรโต อีก 10% เป็นกำไรก่อนหักภาษี 15,400 ล้าน ต้องเสียภาษี 3080 ล้าน คงเหลือกำไรสุทธิ 12,320 ล้าน (ถ้าไม่ได้ไปซื้้อ แมคโครมา)
(Note ตรงภาษีตอนแรกคิดผิดเป็น 3800 ล้านเข้ามาแก้ไขใหม่เป็น 3080 ล้านนะครับ)
แต่เมื่อ ซื้อแมคโครมา มีรายจ่ายดอกเบี้ยจากการ ซื้อ Makro 6 พันล้าน กำไรสุทธิ ที่จะต้องนำคำนวนภาษี จะเหลือ 9400 ล้าน ซึ่งต้องเสียภาษี 1,880 ล้าน เหลือยอดกำไรสุทธิ ของบ.แม่ หลังหักภาษี 7520 ล้าน
ถ้าเอาปันผล จากกำไร 4 พันล้านที่เสียภาษี ของ แมคโครแล้ว นี้ส่งให้แม่ CPall ก็จะรวมกำไรของแม่ เป็น 11,520 ล้าน
จะเห็นได้ว่าแค่ ปีแรกๆ นี่ผลของกำไรจาก ตัวแมคโคร บวกกับส่วนของภาษีที่ได้หักออกไปจากดอกเบี้ยจ่าย ส่งผลให้กำไรสุทธิ์ หลังภาษี ลดลง ไป แค่ประมาณ 800 ล้าน (ทั้งที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อแมคโคร ถึง 6 พันล้าน
และแน่นอน พอปีต่อๆ มา บริษัท แมคโครย่อมโตขึ้นทำกำไรส่งมาให้แม่เอาไว้จ่ายดอกเบี้ยได้เพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยก็จะลดลง(แม้ CPall จะได้ประโยชน์ทางภาษีลดลง แต่ว่าก็ยังคุ้มเกินภาระดอกเบี้ย ซึ่งแน่นอน) เงินส่วนเกินนี้ ก็เอาไปทะยอยลดเงินต้นไปได้เรื่อยๆ
ส่วนมันจะหมดเร็วหรือ ช้า ก็ขึ้นกับการเติบโตของผลกำไรของ แม็คโครเอง (ส่วนของ CPALL ผมเองมองว่า แม้จะกำไรโตมากเท่าไร ไม่ต้องไปคิดก็ได้ โตมากก็อาจจะไม่ต้องเอาไปเร่งชำระเงินกู้ส่วนั้นก็ได้ แบ่งออกมาปันผลให้ผู้ถือหุ้นมีกำลังใจกันต่อไปก่อนได้)
ดีลนี้ อาจจะไม่ใช่ว่า จะหมดหนี้ ใน 2-3 ปีอย่างที่ เจ้าสัวว่า (ยกเว้นจะ เอากำไรของ CPall ไปโปะด้วย) แต่ถ้าปล่อยกำไร ของ CPall เอาออกมาปันผลให้ผู้ถือหุ้นตามปกติ ปล่อยให้ผลกำไร ของการเติบโต ของ Makro และ ประโยชน์ของภาษี ช่วย ส่งดอกเบี้ยในปีแรก และ ช่วยตัดเงินต้นด้วยในปีต่อๆ มา อย่างนี้ ก็จะเข้าข่าย ที่ว่าเหมอน ได้แมคโคร มาฟรีๆ(จริงๆ ก็ไม่เชิงฟรี ต้องจ่ายสิบเปอร์เซนต์ แรก ไปก่อน)
นึกภาพเหมือน ซื้อ คอนโด ราคา 1.9 ล้าน ควักสด จ่ายดาว 2 แสน เหลือต้น ราวๆ 1.7 ล้าน จ่ายดอกเบี้ย ร้อยล่ะ 3.5 ตกปีล่ะ ประมาณ 6 หมื่น แล้ว มีคนเช่าให้ผลประโยชน์รวม ปีแรก 6 หมื่นต่อปี และเพิ่มให้ปีล่ะ 10% ทุกปี ปล่อยมันเลี้ยงตัวมันไป ส่วนเกินที่เพิ่ม ก็เอาไปลดต้นๆเรื่อยๆจนหมด สุดท้าย เมื่อหมด ได้คอนโด ราคา 1.9 มาโดยจ่ายแค่ 2 แสน
แต่ที่ต่างกัน ก็คือ คอนโดมันเสื่อม แต่มูลค่า ของแมคโคร นอกจากผลตอบแทนกำไร แล้ว มูลค่าของตัวมัน ก็สูงค่าขึ้นไปด้วย
ต้องบอกว่า มุมมองของ คนระดับบริหารสูงๆนี่ เค้า เกินเราคิด เหมือนกัน
ขอบคุณมุมมอง ขิงแก่ อย่าง ดร.นิเวศน์ ครับ สุดยอดจริงๆ
=== ตามดูแนวคิด การ Take Makro ของ CPalll กัน ซื้อแพง หรือ เกือบได้ของฟรี ===
http://www.moneychannel.co.th/0Live_0/programpage.php?listid=5
ให้มุมมองที่ การซื้อ Makro ที่น่าคิด
ดร.บอกว่า จากที่ฟังจากผู้บริหาร เค้่าจะไม่เพิ่มทุนให้คน ถือหุ้นเดือดร้อน
ดร.บอกว่า ทางผู้บริหารบอกว่า จะใช้เงินสดบริษัท ราวๆ 10% ที่เหลือใช้เงินกู้ และ กำไรจาก แมคโคร ก็เกือบพอมาส่งดอกเบี้ยได้ และปีหลังๆ โตขึ้น ก็จะ ส่งหักต้น สุดท้าย ก็จะเหมือน CPall ได้บริษัท แมคโครมาฟรีๆ
ผมฟังดูแล้วเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่ซื้อแมคโครแพง ถึง เกือบ 190,000 ล้านจะคล้ายได้ฟรีเชียวเหรอ ก็ เลยลอง มาคิดดู ลองตามมาดูกัน แล้วช่วยกัน คิดก็ได้ครับ
=====================================================
คำนวน Deal จากราคาที่ ซื้่อ และ จะทำ Tender offer Makro ที่ราคา 787 ถ้าซื้อหุ้นกลับมา 100% ก็ใช้เงิน 787X 240 ล้าน = 188,880ล้าน
แต่จะใช้การกู้ โดยใช้เงินสดบริษัท 10% (18,888 ล้าน) ที่เหลือ อีก 90% = ราวๆ 170,000 ล้าน ใช้เงินกู้ ที่ตอนนี้ มีสถาบันการเงิน รอให้กู้
อยู่แล้ว
ดอกเบี้ย มีบางบทวิเคราะห์ คิดว่า น่าจะเป็น 3% แต่ผมว่า อาจจะต่ำไปนิด แต่บริษัทยักษ์มั่นคงระดับ CPall กู้หรือ ออกหุ้นกู้ ดอกเบี้ย 3.5% ก็
น่าจะพอได้ ดังนั้น คิดดอกเบี้ยจากเงิน ต้น 170,000 ล้าน= 5950 หรือ ตก ประมาณ ปีละ 6 พัน ล้าน
Makro ปีที่ผ่านมา กำไรก่อนหักภาษี 4, 776 ล้่าน ปีหน้า คิดว่า คงทะลุเกิน 5000 ล้่าน ค่อนข้างแน่ (โอเคตัวเลข เจ้าสัว ธานินทร์ บอกว่า กำไร 5 พันล้าน ก็พอจะถือได้ว่าไม่มั่ว ) แต่ถ้าหักภาษีแล้ว น่าจะเหลือกำไรราวๆ 4 พันล้าน และขอคิดให้ มีการเติบโต ปีล่ะ ซัก 10% ล่ะกัน ไม่รวมถึงการ Synergist กัน ของสองบริษัททีจะเกื้อธุรกิจ กันที่อาจจะช่วยให้ โตขึ้นได้อีก
มาดูทางด้าน Cpall บริษัทแม่ ปีที่ผ่านมา กำไรก่อนหักภาษี อยู่ ประมาณ 14000 ล้าน (ปีหน้าก็คงเติบโตไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ต้องไปดูตรงนั้นก็ได้)
พอหักภาษี ออกไปเกือบๆ 3000 ล้าน ก็เหลือกำไรสุทธิ 11000 ล้าน
ตรงภาษีนี่แหละ มันเป็นผลประโยชน์แฝง ที่ทาง CPall จะได้รับเพิ่มมาด้วย
ปีหน้าภาษี จะเป็น Rate 20%
สมมุติปีหน้า Cpall กำไรโต อีก 10% เป็นกำไรก่อนหักภาษี 15,400 ล้าน ต้องเสียภาษี 3080 ล้าน คงเหลือกำไรสุทธิ 12,320 ล้าน (ถ้าไม่ได้ไปซื้้อ แมคโครมา) (Note ตรงภาษีตอนแรกคิดผิดเป็น 3800 ล้านเข้ามาแก้ไขใหม่เป็น 3080 ล้านนะครับ)
แต่เมื่อ ซื้อแมคโครมา มีรายจ่ายดอกเบี้ยจากการ ซื้อ Makro 6 พันล้าน กำไรสุทธิ ที่จะต้องนำคำนวนภาษี จะเหลือ 9400 ล้าน ซึ่งต้องเสียภาษี 1,880 ล้าน เหลือยอดกำไรสุทธิ ของบ.แม่ หลังหักภาษี 7520 ล้าน
ถ้าเอาปันผล จากกำไร 4 พันล้านที่เสียภาษี ของ แมคโครแล้ว นี้ส่งให้แม่ CPall ก็จะรวมกำไรของแม่ เป็น 11,520 ล้าน
จะเห็นได้ว่าแค่ ปีแรกๆ นี่ผลของกำไรจาก ตัวแมคโคร บวกกับส่วนของภาษีที่ได้หักออกไปจากดอกเบี้ยจ่าย ส่งผลให้กำไรสุทธิ์ หลังภาษี ลดลง ไป แค่ประมาณ 800 ล้าน (ทั้งที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อแมคโคร ถึง 6 พันล้าน
และแน่นอน พอปีต่อๆ มา บริษัท แมคโครย่อมโตขึ้นทำกำไรส่งมาให้แม่เอาไว้จ่ายดอกเบี้ยได้เพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยก็จะลดลง(แม้ CPall จะได้ประโยชน์ทางภาษีลดลง แต่ว่าก็ยังคุ้มเกินภาระดอกเบี้ย ซึ่งแน่นอน) เงินส่วนเกินนี้ ก็เอาไปทะยอยลดเงินต้นไปได้เรื่อยๆ
ส่วนมันจะหมดเร็วหรือ ช้า ก็ขึ้นกับการเติบโตของผลกำไรของ แม็คโครเอง (ส่วนของ CPALL ผมเองมองว่า แม้จะกำไรโตมากเท่าไร ไม่ต้องไปคิดก็ได้ โตมากก็อาจจะไม่ต้องเอาไปเร่งชำระเงินกู้ส่วนั้นก็ได้ แบ่งออกมาปันผลให้ผู้ถือหุ้นมีกำลังใจกันต่อไปก่อนได้)
ดีลนี้ อาจจะไม่ใช่ว่า จะหมดหนี้ ใน 2-3 ปีอย่างที่ เจ้าสัวว่า (ยกเว้นจะ เอากำไรของ CPall ไปโปะด้วย) แต่ถ้าปล่อยกำไร ของ CPall เอาออกมาปันผลให้ผู้ถือหุ้นตามปกติ ปล่อยให้ผลกำไร ของการเติบโต ของ Makro และ ประโยชน์ของภาษี ช่วย ส่งดอกเบี้ยในปีแรก และ ช่วยตัดเงินต้นด้วยในปีต่อๆ มา อย่างนี้ ก็จะเข้าข่าย ที่ว่าเหมอน ได้แมคโคร มาฟรีๆ(จริงๆ ก็ไม่เชิงฟรี ต้องจ่ายสิบเปอร์เซนต์ แรก ไปก่อน)
นึกภาพเหมือน ซื้อ คอนโด ราคา 1.9 ล้าน ควักสด จ่ายดาว 2 แสน เหลือต้น ราวๆ 1.7 ล้าน จ่ายดอกเบี้ย ร้อยล่ะ 3.5 ตกปีล่ะ ประมาณ 6 หมื่น แล้ว มีคนเช่าให้ผลประโยชน์รวม ปีแรก 6 หมื่นต่อปี และเพิ่มให้ปีล่ะ 10% ทุกปี ปล่อยมันเลี้ยงตัวมันไป ส่วนเกินที่เพิ่ม ก็เอาไปลดต้นๆเรื่อยๆจนหมด สุดท้าย เมื่อหมด ได้คอนโด ราคา 1.9 มาโดยจ่ายแค่ 2 แสน
แต่ที่ต่างกัน ก็คือ คอนโดมันเสื่อม แต่มูลค่า ของแมคโคร นอกจากผลตอบแทนกำไร แล้ว มูลค่าของตัวมัน ก็สูงค่าขึ้นไปด้วย
ต้องบอกว่า มุมมองของ คนระดับบริหารสูงๆนี่ เค้า เกินเราคิด เหมือนกัน
ขอบคุณมุมมอง ขิงแก่ อย่าง ดร.นิเวศน์ ครับ สุดยอดจริงๆ