ดีใจจังที่ได้ช่วยเหลือคุณป้าเตียงข้างๆ

กระทู้สนทนา
นานๆจะตั้งกระทู้สักทีค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นกระทู้ถามวิธีทำอาหารซะมากกว่า อย่าถามว่าทำไมถึงมาตั้งที่ห้องครัว แล้วดันแท็กอาหารอีก เลยอยากบอกว่าเราขลุกอยู่กับห้องครัวซะส่วนใหญ่ แล้วพี่ๆเพื่อนๆทุกคนที่เรารู้จักก็มักจะอยู่ห้องครัว เราก็เลยมาเล่าเรื่องให้ฟังที่ห้องนี้ เราขอเล่าตั้งแต่คุณพ่อเข้า รพ.วันแรกนะคะ แต่ถ้าใครขี้เกียจอ่าน ไปอ่านย่อหน้าสุดท้ายได้เลยค่ะ อย่าเพิ่งเอียนซะก่อนนะคะ

เรื่องคือคุณพ่อเราป่วยนอนโรงพยาบาลมาจวนจะเกือบเดือนแล้วค่ะ เพราะเป็นหลายโรคและคุณพ่อเราก็อายุ 80 ปีแล้ว ถือว่าแก่เลยค่ะ แต่คุณพ่อยังแข็งแรงนะคะ ปัจจุบันใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่แล้วเป็นแผลกดทับบริเวณหลังและก้นเป็นจำนวนมาก วันแรกที่เข้ามาคุณพ่อ(ขอใช้แทนว่า ป๊า นะคะ) นอนห้องรวมค่ะ ผ่านมา 2-3 วันคุณหมอบอกว่า ใกล้จะกลับบ้านได้แล้ว พวกเราดีใจกันใหญ่ที่ป๊าจะได้ออกจาก รพ.

แต่เหตุไม่คาดคิด เย็นวันนั้นเองป๊าเกิดมีอาการอย่างอื่นแทรกมา จนหายใจเองไม่ได้คุณหมอเลยทำการใส่เครื่องช่วยหายใจ พออีกสองวันต่อมา อาการป๊าดันหนักขึ้นเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด และติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขาดอ๊อกซิเจน กรามแข็งและหมดสติไป คืนนั้นพี่น้องของเราใจหดหู่มาก เพราะคุณหมอบอกว่าให้ทำใจรอได้เลย เราไปเฝ้าป๊ากับพี่สาวอีกคน จนไม่ได้หลับได้นอน เพราะรอเฝ้าอาการของป๊าว่าเป็นอย่างไร  

จนป๊ามาได้สติตอนเช้า แต่อาการยังไม่ดี เราเลยยังไม่กล้าทิ้งป๊า เลยไม่ได้นอน 2 วัน 1 คืน บอกตรงๆ จะน๊อคเอาค่ะ แต่พอได้พี่สาวอีกคนมาสลับเวรให้ ก็เลยได้กลับไปนอนพัก หลังจากวันนั้น ป๊าอยู่ icu มาราว 3 อาทิตย์กว่าๆ ป๊าอาการดีขึ้นเรื่อยแต่ก็ยังหายใจเองไม่ดี เพราะเหมือนคนวิ่งอยู่ตลอดเวลา มันเหนื่อยง่าย แต่หมอก็บอกว่า ตอนนี้มีแค่เรื่องหายใจอยู่เรื่องเดียวที่ไม่ได้ และก็ต้องเจาะคอด้วยค่ะ เพราะใส่่ท่อนานเกิน 2 อาทิตย์ พี่น้องเราลงมติให้ป๊าเจาะคอเพื่อลดการติดเชื้อ จนคุณหมอบอกว่าจะผ่าตัดเจาะคอวันศุกร์ 26 เม.ย.นี้ ตอนนี้ต้องดูอาการต่อเรื่อยๆ พวกเราเลยวางใจเพราะอยู่ห้อง icu พยาบาลดูแลดีมาก ซึ่งผิดกับพยาบาลที่อยู่ห้องรวม (เราไม่อยากให้ป๊าออกจาก icu หรอกค่ะ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะได้เจาะคอแล้ว)

แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อคืนก่อนพยาบาลโทรมาบอกพี่สาวเราว่า ป๊าย้ายออกจากห้อง icu เพราะมีเคสหนักกว่า เลยต้องพาป๊าออกมานอนข้างนอก พอป๊าออกมา อาการทรุดหนักกว่าเดิม ทั้งเรื่องหายใจ และเรื่องอื่น (เพราะคิดว่าข้างนอกเชื้อโรคเยอะกว่าเิดิมมั้งคะ เลยทำให้อาการแย่ขึ้น) เมื่อวานไปเยี่ยมป๊าหลักจากเลิกงานค่ะ อยู่ยัน 5 ทุ่ม และพี่ชายคนโตก็มาเปลี่ยนเวร แต่ป๊านอนยาวตั้งแต่เที่ยงวันยันเรากลับ

เข้าประเด็น หลังจากเกริ่นน้ำมาตั้งนาน ฮ่าๆๆ
ณ ห้องรวม มีป้าคนนึงนอนใกล้ๆ กับเตียงป๊าเราค่ะ (ซึ่งตอนแรกคิดว่าป้าแกเป็นผู้ชาย ยังคิดในใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้หน้าหวานจัง 55) ป้าแกเป็นอะไรเราไม่ได้ถามค่ะ แต่เหมือนกับป้าเค้าพูดไม่ได้ เค้าได้แต่ อือ อือ อือ (เหมือนคนเป็นใบ้น่ะค่ะ) ตอนนั้น เรานั่งเฝ้าป๊าอยู่ข้างๆเตียง แต่เห็นป้าแกมองเราตลอดนะคะ เราก็ได้แต่ยิ้มๆ ให้จนดึกแล้ว เราเหลือบไปเห็นป้าแกยกแขนขึ้น ประมาณว่าขวักมือเรียกเราแหละค่ะ เราเลยเดินไปหา ป้าแกชี้ที่เสื้อตัวเอง เรางงค่ะ เพราะตอนแรก เราไม่รู้ว่าป้าเค้าพูดไม่ได้ แกพยายามจะชี้เป็นรอบที่สอง (มือแกก้เหมือนกับคนเวลาชักน่ะค่ะ มืองอๆ ไม่เหมือนแบบคนปกติ เราเลยถามว่า ป้าจะเอาเสื้อเหรอค่ะ ป้าแกพยักหน้างึ่กๆ เราเลยเดินไปขอเสื้อจากพยาบาลมาตัวนึง เพื่อที่จะเปลี่ยนให้แก ตอนนั้นแหละค่ะ เราถึงรู้ว่าป้าเป็น ผู้หญิง ตอนที่เราถอดเสื้อให้แก เพราะเราเห็นมิ้ลค์ค่ะ (ป้าขร๋าา หนูไม่ได้ตั้งใจจะมองมิ้ลค์ป้านะคะ ><) แต่ด้วยที่มือแกงอ เราเลยช่วยเปลี่ยนให้ค่ะ เราคิดว่าป้าแกจะอายซะอีก เพราะคนไข้เยอะ(คนไข้ตรงนั้นมีแต่ผู้ชายรุมล้อมค่ะ มีป้าแกเป็นผู้หญิงอยุ่เตียงเดียว) แล้วญาติคนไข้อีก เราเลยเอาเสื้อปิดๆมิ้ลค์ให้ป้าแกค่ะ แต่ที่ไหนได้ ป้าแกไม่อายค่ะ แกบิดตัวถอดเสื้อใหญ่ ในใจเราก็ขำ เราว่าป้าแกคงไม่ได้คิดอะไรหรอก ตัวเรานี่แหละที่คิดมาก 555 พอเปลี่ยนเสื้อให้เสร็จ ผูกเสื้อให้ป้า ตอนนั้นเรามือสั่นมากค่ะ รู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น (เพราะตั้งแต่เรามาเฝ้าป๊า เรายังไม่เห็นญาติแกมาสักคนเลยค่ะ คิดในใจว่า ถ้าเราเป็นป้าแก เราคงรู้สึกแย่มากเลยสินะ ที่ไม่มีลูกหลานคอยช่วยเหลือ แล้วตัวเองก็พูดไม่ได้ มือก็ใช้ไม่ได้) พอเปลี่ยนเสร็จ ป้าแกยกมือไหว้ใหญ่เลยค่ะ เราเลยยกมือไหว้กลับแล้วบอกป้าไปว่า ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า ไม่ต้องขอบคุณหนูหรอก ป้าจะเอาอะไรก็บอกหนูนะคะ แล้วเราก็กลับไปนั่งเฝ้าป๊าต่อเหมือนเดิม นั่งสักพัก เริ่มง่วงค่ะ พี่สาวเราบอกว่าให้เรานอกพักสักหน่อย แต่เรานอนไม่ลงหรอกค่ะ ยืนบ้าง นั่งบ้างให้หายง่วง สักพักหันไปเห็นป้าแกแกะโอวันตินกล่องที่แพคอยู่ แต่ด้วยมือป้าแกไม่สมบูรณ์ แกใช้เวลาสักพักนึง เราเลยเดินไปถามว่า ป้าจะกินนมเหรอคะ ป้าพยักหน้าหงึกๆ เราเลยแกะให้ เรารู้ว่าป้าแกคงไม่อยากจะรบกวน แกพยายามแกะพลาสติกที่ห่อหลอดอยู่ เราเลยแกะให้ เขย่าและเจาะหลอดให้ ป้าแกกินๆ สักพักก็วางแล้วจะหยิบน้ำ เราก็เลยหยิบมาเปิดให้แก ป้อนแก ทำทุกอย่างเสร็จ เราถามป้าว่า ป้า นมยังไม่หมดเลยนะคะ ไม่กินต่อแล้วเหรอ ป้าแกส่ายๆ หน้า แล้วก็ลงนอน เราเลยเอากล่องนมไปทิ้งให้แก แล้วก็มานั่งเฝ้าป๊าต่อ สักพักเจ๊เราบอกว่าถ้าง่วงก็นอนก่อน เราเลยบอกว่าไม่ง่วงแล้ว ตาโตมาก ในใจเราคิดว่า เพราะเราได้ช่วยเหลือคนอื่นมั้ง มันทำให้เราตื่นเต้น ภูมิใจ ดีใจ นี่แหละค่ะเหตุผลเดียวที่ไม่กล้าทิ้งให้ป๊านอนอยู่คนเดียว กลัวเค้าจะเหงา กลัวเค้าอยากได้อะไรแล้วไม่มีใครคอยช่วยเหลือ กลัวเค้าเสียใจที่ไม่มีลูกมาดูแล แล้วสิ่งที่เรากลัวที่สุดคือ ถ้าป๊าเป็นอะไรไป เราคงต้องโทษตัวเราไปตลอดชีวิตที่ไม่มีโอกาสดูและเค้าให้ดี เพราะป๊าคือคนสุดท้ายในชีวิตเราได้ (เพราะก่อนแม่เสียเราไม่มีโอกาสได้ไปดูใจแ่ม่เลยค่ะ นั่นคือสิ่งที่เราไม่ให้อภัยตัวเองตั้งแต่นั้นมา)

ปล.ใครที่มีคุณพ่อ คุณแม่อยู่ เราอยากบอกว่าดูแลท่านให้ดีที่สุด ตอบแทนเค้าให้มากที่สุด รักเค้าให้มากที่สุด ตราบชีวิตเราจะหาไม่ ไม่ว่าคุณจะทะเลาะกับพ่อแม่ หรือพ่อแม่จะเกลียดเรา จงให้อภัยเค้า เหมือนที่เค้าให้อภัยเราเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เวลาที่เราทำไม่ดี ไม่มีพ่อแม่คนไหนเกลียดลูกหรอกค่ะ อย่าคิดได้เมื่อสายไป  จงจำไว้ว่า "พ่อกับแม่ คือ พระอรหันต์ของลูก" แล้วสักวันนึง คุณจะเจอแต่สิ่งดีๆ

ขอบคุณที่ทนอ่านมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่