เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ คณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ....ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (มร.) เป็นประธาน ว่า การประชุมนัดนี้ถือเป็นนักแรก โดยที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยที่ มธ.จะออกมาเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ หรือ ม.นอกระบบ โดยมีการเสนอให้ มธ.เปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง โดยเพิ่มคำว่า การเมืองเข้าไป ให้เหมือนกับชื่อเดิมแต่ตัดคำว่า "วิชา" ออก โดยให้เหตุผลว่า ชื่อธรรมศาสตร์และการเมือง สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นคนธรรมศาสตร์ ที่มักจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมือง ช่วยสังคมสะท้อนปัญหา รวมถึงให้ข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขในเวลาที่เกิดสถานการณ์ต่างๆ ขณะเดียวกันยังถือเป็นชื่อเดิมที่ตั้งโดยนายปรีดี พนมยงค์ ผู้ก่อตั้งและผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองด้วย
อธิการบดี มธ.กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2477 แต่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 คณะรัฐประหาร ได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศ ด้วยเหตุผลทางการเมืองและการปกครองของคณะรัฐประหาร และเห็นว่า มธ.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากเกินไป จึงเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัย โดยตัดคำว่า "การเมือง" ออก เปลี่ยนเป็น "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" ดังปัจจุบัน ซึ่งที่จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การตัดคำว่าการเมืองออก ไม่มีผลกระทบ เพราะคนธรรมศาสตร์ยังคงมีบทบาทในเรื่องการเมืองอยู่เสมอ และที่ผ่านมาศิษย์เก่า มธ.หลายคนก็อยากให้กลับไปใช้ชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง
"ส่วนผมเองก็มีความลังเลใจบ้าง เพราะชื่อเดิม มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองที่ตั้งโดยนายปรีดี ใช้ตั้งแต่ก่อตั้งถึง พ.ศ.2490 ขณะที่ชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ใช้มาถึงปัจจุบันนี้ หากจะเปลี่ยนจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจนถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมหาวิทยาลัย แต่โดยภาพรวมผมเห็นด้วยว่าควรเปลี่ยนไปใช้ชื่อเดิม เพราะเหมือนกับเป็นชื่อที่พ่อ แม่ตั้งให้ และยังเป็นเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนธรรมศาสตร์ได้ชัดเจน ซึ่งศิษย์เก่า มธ.ส่วนใหญ่ก็อยากให้เปลี่ยน" นายสมคิดกล่าว และว่า นอกจากนั้น คณะกรรมาธิการยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมด้วยว่า ให้ใส่คำว่าประชาธิปไตยไว้ใน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฉบับใหม่ด้วย เพราะ มธ.เกิดจากความเป็นประชาธิปไตย แต่ใน พ.ร.บ.ฉบับเดิมไม่มีคำนี้ ดังนั้นเพื่อแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของ มธ. ที่ประชุมคณะกรรมาธิการจึงเสนอว่าควรเพิ่มคำนี้เข้าไปด้วย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366792834&grpid=00&catid=&subcatid=
กมธ.เสนอเปลี่ยนชื่อ"มธ."เป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง
อธิการบดี มธ.กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2477 แต่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 คณะรัฐประหาร ได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศ ด้วยเหตุผลทางการเมืองและการปกครองของคณะรัฐประหาร และเห็นว่า มธ.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากเกินไป จึงเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัย โดยตัดคำว่า "การเมือง" ออก เปลี่ยนเป็น "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" ดังปัจจุบัน ซึ่งที่จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การตัดคำว่าการเมืองออก ไม่มีผลกระทบ เพราะคนธรรมศาสตร์ยังคงมีบทบาทในเรื่องการเมืองอยู่เสมอ และที่ผ่านมาศิษย์เก่า มธ.หลายคนก็อยากให้กลับไปใช้ชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง
"ส่วนผมเองก็มีความลังเลใจบ้าง เพราะชื่อเดิม มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองที่ตั้งโดยนายปรีดี ใช้ตั้งแต่ก่อตั้งถึง พ.ศ.2490 ขณะที่ชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ใช้มาถึงปัจจุบันนี้ หากจะเปลี่ยนจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจนถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมหาวิทยาลัย แต่โดยภาพรวมผมเห็นด้วยว่าควรเปลี่ยนไปใช้ชื่อเดิม เพราะเหมือนกับเป็นชื่อที่พ่อ แม่ตั้งให้ และยังเป็นเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนธรรมศาสตร์ได้ชัดเจน ซึ่งศิษย์เก่า มธ.ส่วนใหญ่ก็อยากให้เปลี่ยน" นายสมคิดกล่าว และว่า นอกจากนั้น คณะกรรมาธิการยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมด้วยว่า ให้ใส่คำว่าประชาธิปไตยไว้ใน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฉบับใหม่ด้วย เพราะ มธ.เกิดจากความเป็นประชาธิปไตย แต่ใน พ.ร.บ.ฉบับเดิมไม่มีคำนี้ ดังนั้นเพื่อแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของ มธ. ที่ประชุมคณะกรรมาธิการจึงเสนอว่าควรเพิ่มคำนี้เข้าไปด้วย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366792834&grpid=00&catid=&subcatid=