ขอเว้นเรื่องการเมือง พอดีวันนี้มีคำสั่งคดีแพ่งที่แปลกๆ จึงใคร่ขอความเห็นท่านผู้รู้ทางกฎหมายสักนิด
1. ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2550 ระบุให้บริษัท ก. ชำระหนี้เงิน 100,000 บาทให้แก่โจทก์แทนจำเลย (หมายถึงเงินที่จำเลยมีสิทธิ์เรียกร้องจากบริษัท ก.)
2. หลังจากนั้นไม่มีการอุทธรณ์คำพิพากษา คดีจึงถึงที่สุด
3. เมื่อจำเลยและบริษัท ก.ไม่ยอมชำระตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้บังคับคดีบริษัท ก.
4. บริษัท ก. ได้พยายามอ้างเหตุต่างๆเพื่อประวิงการชำระหนี้ตามคำพิพากษา เช่น อ้างว่ามีธนาคาร ท.มาอ้างสิทธิเรียกร้องเงินจำนวนนี้ด้วย จึงไม่ทราบว่าจะต้องจ่ายให้ใคร จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายน 2553 ศาลแพ่งจึงมีคำสั่งให้บริษัท ก.นำเงินชำระหนี้ให้กับโจทก์ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2553
5. วันที่ 6 พฤษภาคม 2553 บริษัท ก.ยื่นคำร้องต่อศาลขอทุเลาการบังคับคดีโดยของดการบังคับคดี และขอวางเงินเป็นประกันการทุเลาการบังคับคดีจำนวน 100,000 บาทต่อศาลจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งว่า โจทก์หรือธนาคาร ท. ผู้ใดจะมีสิทธิที่แท้จริงที่จะได้รับเงิน
6. ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่ให้งดการบังคับคดี แต่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีโดยรับเงิน 100,000 บาทไว้เป็นหลักประกัน
7. หลังจากนั้นเป็นผลพวงตามมาที่วุ่นวายที่สุดหลายๆเรื่องซึ่งจะขอละไว้
คำถามที่สงสงสัยที่สุด
1. ศาลแพ่งใช้กฎหมายใดมารองรับอำนาจในการอนุญาตให้บริษัท ก.ทุเลาการบังคับคดีได้ ในเมื่อการทุเลาการบังคับคดีจะกระทำได้เมื่อมีการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเท่านั้น สำหรับกรณีนี้ ไม่มีการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาเมื่อปี 2550 คดีจึงถึงที่สุดไปแล้ว แต่ทำไมศาลแพ่งจึงใช้อำนาจอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีได้
2. ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่ให้งดการบังคับคดี แต่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี หมายความว่าอย่างไรครับ
ขอความรู้ด้านกฎหมาย ศาลแพ่งอนุญาตให้ทุเลาบังคับคดีในกรณีนี้ได้หรือไม่
1. ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2550 ระบุให้บริษัท ก. ชำระหนี้เงิน 100,000 บาทให้แก่โจทก์แทนจำเลย (หมายถึงเงินที่จำเลยมีสิทธิ์เรียกร้องจากบริษัท ก.)
2. หลังจากนั้นไม่มีการอุทธรณ์คำพิพากษา คดีจึงถึงที่สุด
3. เมื่อจำเลยและบริษัท ก.ไม่ยอมชำระตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้บังคับคดีบริษัท ก.
4. บริษัท ก. ได้พยายามอ้างเหตุต่างๆเพื่อประวิงการชำระหนี้ตามคำพิพากษา เช่น อ้างว่ามีธนาคาร ท.มาอ้างสิทธิเรียกร้องเงินจำนวนนี้ด้วย จึงไม่ทราบว่าจะต้องจ่ายให้ใคร จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายน 2553 ศาลแพ่งจึงมีคำสั่งให้บริษัท ก.นำเงินชำระหนี้ให้กับโจทก์ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2553
5. วันที่ 6 พฤษภาคม 2553 บริษัท ก.ยื่นคำร้องต่อศาลขอทุเลาการบังคับคดีโดยของดการบังคับคดี และขอวางเงินเป็นประกันการทุเลาการบังคับคดีจำนวน 100,000 บาทต่อศาลจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งว่า โจทก์หรือธนาคาร ท. ผู้ใดจะมีสิทธิที่แท้จริงที่จะได้รับเงิน
6. ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่ให้งดการบังคับคดี แต่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีโดยรับเงิน 100,000 บาทไว้เป็นหลักประกัน
7. หลังจากนั้นเป็นผลพวงตามมาที่วุ่นวายที่สุดหลายๆเรื่องซึ่งจะขอละไว้
คำถามที่สงสงสัยที่สุด
1. ศาลแพ่งใช้กฎหมายใดมารองรับอำนาจในการอนุญาตให้บริษัท ก.ทุเลาการบังคับคดีได้ ในเมื่อการทุเลาการบังคับคดีจะกระทำได้เมื่อมีการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเท่านั้น สำหรับกรณีนี้ ไม่มีการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาเมื่อปี 2550 คดีจึงถึงที่สุดไปแล้ว แต่ทำไมศาลแพ่งจึงใช้อำนาจอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีได้
2. ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่ให้งดการบังคับคดี แต่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี หมายความว่าอย่างไรครับ