ช่วงนี้มีเวลาเยอะค่ะเลยมีโอกาสเข้ามาอ่านกะทู้บ่อยๆ
ตอนนี้คุณสามียังไม่ให้ขายของ เค้าให้เหตุผลว่า
รอให้ลูกกลับ กทม ก่อน ค่อยกลับไปขาย
ให้ซึบซับกับวันเวลาดีๆที่เราจะได้อยู่ด้วยกันเพราะนับวันมันมีน้อยมาก
เพราะชีวิตเป็นของเค้า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ลูกสาวเรียนจบแล้ว (ป.ตรี) เค้ากลับมาอยู่บ้านให้พ่อแม่ชื่นใจ
แล้วเค้าจะขอกลับไปทำตามฝัน
อย่างที่บอก บ้านป้าชอบให้ลูกตัดสินใจเองค่ะ เกือบจะทุกเรื่อง
ป้าให้เค้าตัดสินใจเองทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องทำงานและการใช้ชีวิต
ถ้าเค้ามีปัญหาเค้าจะมีมาปรึกษาบ้างเราก็ให้ข้อคิด
แล้วให้เค้าตัดสินใจเอง
ถ้าตัดสินใจถูกก็เป็นความโชคดีของคุณ
แต่ถ้าตัดสินใจผิดคุณก็ต้องก้มหน้ายอมรับไป
แต่เท่าที่ผ่านมา ยังไม่เห็นมีเรื่องไหนร้ายแรงนะคะ
อย่างเช่น ลูกสาวป้าเมื่อตอนที่เค้าจบ ม.3
เค้าได้โควต้าไปเรียนเตรียมอุดมใน กทม
เค้ามาถามว่า จะให้เค้าไปมั้ย ตอนแรกป้ากับพ่อของเค้าก็ลังเล
เพราะคชจ ใน กทม กับ ลำปางมันห่างไกลกันมาก
คิดแล้ว กทม ตกเดือนละ8000-10000บาท
ถ้าอยู่ที่ลำปาง 2000-3000บาท
แต่ลูกพูดออกมาประโยคหนึ่ง เธอพูดว่า "แม่กว่าหนูจะได้อะไรมาหนูไม่เคยได้มาง่ายๆนะ"
รักทั้งรัก ห่วงแสนห่วง ก็ต้องปล่อยให้เค้าไป
ตอนนั้นใจป้าเป็นทุกข์มากๆๆๆๆค่ะ เพราะได้นำพ่อกับแม่มาเลี้ยงดูอายุ70กว่าทั้งคู่และพ่อเป็นอัมพาต
จะตามไปดูแลลูกก็ไม่ได้(ลูกเข้าเรียนใน กทม 1 ปี เราจึงได้เจอกัน เราสองคนกอดกันร้องไห้)
เหตุผลที่ให้ลูกเข้าเรียนใน กทม ป้าคิดว่า ถ้าเราไปรั้งเค้าไว้แล้วให้เรียนอย่างที่เราเลือกให้(เรียนที่บ้าน)หากวันข้างหน้า
เค้าไม่ได้ดีเค้าก็จะมาว่าเรา ไปรั้งความเจริญของเค้าไว้ ป้าจึงให้เค้าเลือกเอง...
เมื่อเธอเข้ามาเรียนต่อ ม.4 ใน กทม ปีแรกลูกยังปรับตัวไม่ได้ เกรดไม่ได้ตามที่เธอเคยได้
เธอร้องไห้ค่ะ และบ่นๆๆๆ ป้าจึงบอกลูกว่า หนูเลือกเองใช่มั้ย จงพอใจในสิ่งที่เลือกนะ
เธอก็ก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่เธอเลือก
พอ ม.5 ม.6 ลูกคงปรับตัวได้แล้ว เค้าก็เรียนอย่างมีความสุข จนจบ
ให้ลูกตัดสินใจเอง บ้านไหนมีลูก(เข้าสู่)วัยรุ่นมาคุยกันค่ะ
ตอนนี้คุณสามียังไม่ให้ขายของ เค้าให้เหตุผลว่า
รอให้ลูกกลับ กทม ก่อน ค่อยกลับไปขาย
ให้ซึบซับกับวันเวลาดีๆที่เราจะได้อยู่ด้วยกันเพราะนับวันมันมีน้อยมาก
เพราะชีวิตเป็นของเค้า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ลูกสาวเรียนจบแล้ว (ป.ตรี) เค้ากลับมาอยู่บ้านให้พ่อแม่ชื่นใจ
แล้วเค้าจะขอกลับไปทำตามฝัน
อย่างที่บอก บ้านป้าชอบให้ลูกตัดสินใจเองค่ะ เกือบจะทุกเรื่อง
ป้าให้เค้าตัดสินใจเองทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องทำงานและการใช้ชีวิต
ถ้าเค้ามีปัญหาเค้าจะมีมาปรึกษาบ้างเราก็ให้ข้อคิด
แล้วให้เค้าตัดสินใจเอง
ถ้าตัดสินใจถูกก็เป็นความโชคดีของคุณ
แต่ถ้าตัดสินใจผิดคุณก็ต้องก้มหน้ายอมรับไป
แต่เท่าที่ผ่านมา ยังไม่เห็นมีเรื่องไหนร้ายแรงนะคะ
อย่างเช่น ลูกสาวป้าเมื่อตอนที่เค้าจบ ม.3
เค้าได้โควต้าไปเรียนเตรียมอุดมใน กทม
เค้ามาถามว่า จะให้เค้าไปมั้ย ตอนแรกป้ากับพ่อของเค้าก็ลังเล
เพราะคชจ ใน กทม กับ ลำปางมันห่างไกลกันมาก
คิดแล้ว กทม ตกเดือนละ8000-10000บาท
ถ้าอยู่ที่ลำปาง 2000-3000บาท
แต่ลูกพูดออกมาประโยคหนึ่ง เธอพูดว่า "แม่กว่าหนูจะได้อะไรมาหนูไม่เคยได้มาง่ายๆนะ"
รักทั้งรัก ห่วงแสนห่วง ก็ต้องปล่อยให้เค้าไป
ตอนนั้นใจป้าเป็นทุกข์มากๆๆๆๆค่ะ เพราะได้นำพ่อกับแม่มาเลี้ยงดูอายุ70กว่าทั้งคู่และพ่อเป็นอัมพาต
จะตามไปดูแลลูกก็ไม่ได้(ลูกเข้าเรียนใน กทม 1 ปี เราจึงได้เจอกัน เราสองคนกอดกันร้องไห้)
เหตุผลที่ให้ลูกเข้าเรียนใน กทม ป้าคิดว่า ถ้าเราไปรั้งเค้าไว้แล้วให้เรียนอย่างที่เราเลือกให้(เรียนที่บ้าน)หากวันข้างหน้า
เค้าไม่ได้ดีเค้าก็จะมาว่าเรา ไปรั้งความเจริญของเค้าไว้ ป้าจึงให้เค้าเลือกเอง...
เมื่อเธอเข้ามาเรียนต่อ ม.4 ใน กทม ปีแรกลูกยังปรับตัวไม่ได้ เกรดไม่ได้ตามที่เธอเคยได้
เธอร้องไห้ค่ะ และบ่นๆๆๆ ป้าจึงบอกลูกว่า หนูเลือกเองใช่มั้ย จงพอใจในสิ่งที่เลือกนะ
เธอก็ก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่เธอเลือก
พอ ม.5 ม.6 ลูกคงปรับตัวได้แล้ว เค้าก็เรียนอย่างมีความสุข จนจบ