แต่ไม่มีรูปมาให้ดูเลย เพราะพกไปแต่ SS hero ถ่ายรูปบ่ได้
เรื่องของเรื่องก็คือปีนี้มีเหตุให้ได้ไปแม่สายช่วงสงกรานต์ ก็เลยตั้งใจว่าจะปั่นจักรยานข้ามแดนซะหน่อย ปีนี้เตรียมตัวพร้อมด้วยการเอาหมวกไปด้วย
แวะกลางทางเพื่อกินอาหารกลางวันที่ร้านก๋ยวเตี๋ยวอดทน เจอจักรยานก็ต้องถ่ายรูปกันหน่อยตามธรรมเนียม
ระหว่างรอก็ไปเห็นน้ำคลอโรฟิลด์ที่มีสรรพคุณครอบจักรยาน เอ๊ยจักรวาล
วันแรกไปถึงก็ต้องวอร์มกันด้วยขาประจำ นวดครับนวด ขอป้าขาประจำมานวดไปสามชั่วโมง
เช้าอีกวันนึงวันสงกรานต์ ผมก็คว้าเจ้าแก่ขีดแดงออกไปแร่ดทันที มาถึงตอนนี้ก็รู้ว่าโดนวางยาเรียบร้อยเพราะมือถือที่ผมอุตสาห์ชาร์จไว้ทั้งคืนไม่ได้มีไฟเข้าเลยเนื่องจากแม่ยายมาดึงสายปลั๊กพ่วงออกตอนแวะมาดูความเรียบร้อย ตามประสาปลอดภัยไว้ก่อน
ดังนั้นเช้านี้ไม่มีรูป
ปั่นไปหน้าอำเภอ เข้าไปที่หอประชุมพระเจ้าพรหมมหาราชเพื่อทำบัตรผ่านแดน แล้วก็ปั่นๆๆๆไปที่ชายแดน
ช่วงเช้านี่ยังเล่นน้ำกันไม่มาก แต่ผมก็รอดมาได้
จากนั้นจูงเข้าในช่องเดียวกับมอเตอร์ไซค์ พอพ้นก็ปั่นไปที่วงเวียนแล้วเลี้ยวขวา ปั่นไปเรื่อยๆดูว่ามีอะไรเหมือนเมื่อมาเดินเที่ยวเมื่อยี่สิบกว่าปี่ก่อนมั้ย
สรุปคือแทบไม่เหลือเค้าเลย เพราะคุ้นๆว่าเป็นถนนลาดยางเก่าๆ เล็กๆ สองข้างทางไม่มีตึกแถว และมีเพิงขายของที่ผมแวะไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อน
วันนี้มันคือถนนคอนกรีตอย่างดี สองข้างทางเต็มไปด้วยตึก
จากนั้นผมก็เริ่มมองหาทางไปเจดีย์ แวะถามทางนิดหน่อย ก็ปั่นไปเจอเนิน
เอาละจะปั่นหรือจะจูงดี
ท้ายสุดปั่นก็แล้วกัน ระหว่างทางก็เจอเด็กตั้งป้อมรดน้ำ พอเรายกมือห้ามเค้าก็หยุด (ทำหน้าประหนึ่งว่าเหนื่อยสุดขีด) บางคนก็เชียร์
แป๊บเดียวก็ปั่นไปถึงองค์เจดีย์ ได้แต่ไหว้อยู่นอกรั้ว กับใกล้ๆรั้ว ไม่ได้เดินไปที่องค์เจดีย์ เนื่องจากกลัวรถหายถ้าจอดทิ้งไว้
ขาลงก็ปั่นไปลงอีกทางนึงเพื่อหลบสาดน้ำ
จากนั้นก็ปั่นไปเที่ยวแถวๆนั้น แล้วก็จูง+ปั่นเที่ยวแถวๆตลาด แต่ไม่ได้ซื้อของอะไรเลย
แล้วก็กลับ
+++ ปั่นจักรยานไปไหว้เจดีย์ชเวดากองจำลอง +++
เรื่องของเรื่องก็คือปีนี้มีเหตุให้ได้ไปแม่สายช่วงสงกรานต์ ก็เลยตั้งใจว่าจะปั่นจักรยานข้ามแดนซะหน่อย ปีนี้เตรียมตัวพร้อมด้วยการเอาหมวกไปด้วย
แวะกลางทางเพื่อกินอาหารกลางวันที่ร้านก๋ยวเตี๋ยวอดทน เจอจักรยานก็ต้องถ่ายรูปกันหน่อยตามธรรมเนียม
ระหว่างรอก็ไปเห็นน้ำคลอโรฟิลด์ที่มีสรรพคุณครอบจักรยาน เอ๊ยจักรวาล
วันแรกไปถึงก็ต้องวอร์มกันด้วยขาประจำ นวดครับนวด ขอป้าขาประจำมานวดไปสามชั่วโมง
เช้าอีกวันนึงวันสงกรานต์ ผมก็คว้าเจ้าแก่ขีดแดงออกไปแร่ดทันที มาถึงตอนนี้ก็รู้ว่าโดนวางยาเรียบร้อยเพราะมือถือที่ผมอุตสาห์ชาร์จไว้ทั้งคืนไม่ได้มีไฟเข้าเลยเนื่องจากแม่ยายมาดึงสายปลั๊กพ่วงออกตอนแวะมาดูความเรียบร้อย ตามประสาปลอดภัยไว้ก่อน
ดังนั้นเช้านี้ไม่มีรูป
ปั่นไปหน้าอำเภอ เข้าไปที่หอประชุมพระเจ้าพรหมมหาราชเพื่อทำบัตรผ่านแดน แล้วก็ปั่นๆๆๆไปที่ชายแดน
ช่วงเช้านี่ยังเล่นน้ำกันไม่มาก แต่ผมก็รอดมาได้
จากนั้นจูงเข้าในช่องเดียวกับมอเตอร์ไซค์ พอพ้นก็ปั่นไปที่วงเวียนแล้วเลี้ยวขวา ปั่นไปเรื่อยๆดูว่ามีอะไรเหมือนเมื่อมาเดินเที่ยวเมื่อยี่สิบกว่าปี่ก่อนมั้ย
สรุปคือแทบไม่เหลือเค้าเลย เพราะคุ้นๆว่าเป็นถนนลาดยางเก่าๆ เล็กๆ สองข้างทางไม่มีตึกแถว และมีเพิงขายของที่ผมแวะไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อน
วันนี้มันคือถนนคอนกรีตอย่างดี สองข้างทางเต็มไปด้วยตึก
จากนั้นผมก็เริ่มมองหาทางไปเจดีย์ แวะถามทางนิดหน่อย ก็ปั่นไปเจอเนิน
เอาละจะปั่นหรือจะจูงดี
ท้ายสุดปั่นก็แล้วกัน ระหว่างทางก็เจอเด็กตั้งป้อมรดน้ำ พอเรายกมือห้ามเค้าก็หยุด (ทำหน้าประหนึ่งว่าเหนื่อยสุดขีด) บางคนก็เชียร์
แป๊บเดียวก็ปั่นไปถึงองค์เจดีย์ ได้แต่ไหว้อยู่นอกรั้ว กับใกล้ๆรั้ว ไม่ได้เดินไปที่องค์เจดีย์ เนื่องจากกลัวรถหายถ้าจอดทิ้งไว้
ขาลงก็ปั่นไปลงอีกทางนึงเพื่อหลบสาดน้ำ
จากนั้นก็ปั่นไปเที่ยวแถวๆนั้น แล้วก็จูง+ปั่นเที่ยวแถวๆตลาด แต่ไม่ได้ซื้อของอะไรเลย
แล้วก็กลับ