คำบรรยายฟ้อง ของ ปปช. ระบุตอนหนึ่งว่า “ หลังจากนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว วันที่ 3 – 4 มี.ค.2551 นายสมัครไปพบผู้นำกัมพูชา เรื่องขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และนายนพดล รมว.ต่างประเทศ ขณะนั้น ไปหารือกับนายสก อาน รองนายกฯ และรมต.ประจำสำนักนายกฯกัมพูชา ที่ทางกัมพูชาขอให้ไทย สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
จากนั้น นายนพดล ได้นำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ให้ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศพิจารณา แต่นายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (ขณะนั้น) มีบันทึกช่วยจำคัดค้านเรื่องดังกล่าว แต่นายนพดล ไม่เห็นด้วย จึงเสนอ ครม. ให้นายวีรชัย พลาศรัย พ้นจากตำแหน่ง ทั้งที่นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงต่างประเทศ ทักท้วงว่านายวีรชัย เป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญ ไม่ควรโยกย้าย แต่นายนพดล ยังยืนยันว่า ไม่สามารถร่วมงานกับอธิบดีฯ ที่มีความคิดเช่นนี้ได้”
ยังมีข้าราชการอีกมากมาย ที่ไม่สยบต่อนักการเมืองที่โชคดีอย่างนี้
การขึ้นให้การต่อศาลครั้งนี้
ทำให้เห็นกึ๋นของนักการเมือง รัฐบาล
ที่แต่งตั้ง รมต ต่างประเทศ ไม่ใช่เพราะความรู้ความสามารถ
แต่เพราะสั่งซ้ายหันขวาหันได้เท่านั้นเอง
ทูตวีรชัย ตัวอย่างข้าราชการที่ไม่สยบต่อนักการเมือง
จากนั้น นายนพดล ได้นำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ให้ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศพิจารณา แต่นายวีรชัย พลาศรัย อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (ขณะนั้น) มีบันทึกช่วยจำคัดค้านเรื่องดังกล่าว แต่นายนพดล ไม่เห็นด้วย จึงเสนอ ครม. ให้นายวีรชัย พลาศรัย พ้นจากตำแหน่ง ทั้งที่นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงต่างประเทศ ทักท้วงว่านายวีรชัย เป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญ ไม่ควรโยกย้าย แต่นายนพดล ยังยืนยันว่า ไม่สามารถร่วมงานกับอธิบดีฯ ที่มีความคิดเช่นนี้ได้”
ยังมีข้าราชการอีกมากมาย ที่ไม่สยบต่อนักการเมืองที่โชคดีอย่างนี้
การขึ้นให้การต่อศาลครั้งนี้
ทำให้เห็นกึ๋นของนักการเมือง รัฐบาล
ที่แต่งตั้ง รมต ต่างประเทศ ไม่ใช่เพราะความรู้ความสามารถ
แต่เพราะสั่งซ้ายหันขวาหันได้เท่านั้นเอง