อยากเปิดคอร์สสอนทำอาหารให้ชาวต่างชาติ มีคำแนะนอย่างไรดีค่ะ

กระทู้คำถาม
เป็นคนชอบทำอาหาร และจัดว่าทำได้ดี ถือได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษส่วนตัวเลยก็ได้ มีประสบการณ์จากการเปิดร้านอาหาร
แต่รู้สึกอิ่มตัวจากการค้าขาย อยากขยับตัวเองขึ้นมาทำอย่างอื่นบ้าง ประกอบกับอยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและมีความสุขที่จะทำด้วย
ตอนนี้อยากทำอะไรที่เกี่ยวกับชาวต่างชาติ เพราะถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับตัวเอง ส่วนเรื่องภาษานั้นยอมรับว่ายังไม่ถึงกับเก่ง
แต่จุดนี้เราจะเอารุ่นน้องที่เก่งมาช่วยอีกแรง ตั้งใจอยากให้เป็นโฮมเมด แบบ ชิวชิว เล็กๆแต่ดูอบอุ่น และไม่ต้องลงทุนมาก บุคคลากรไม่เยอะ สถานที่มองไว้แถวอยุธยา เพราะบ้านอยู่ที่นั่นคงไม่ไปไหนไกล แต่ต้องหาเป็นบ้านเช่าที่ใกล้แหล่งท่องเที่นวนิดนึง
เผื่อเป็นจุดขายได้ และที่บ้านก็ไม่สะดวกเลย
เพื่อนๆมีคำแนะนำอะไรดีๆบ้างไม๊ค่ะ  แล้วธุรกิจนี้พอไปไหวไม๊ค่ะ อยากได้คำแนะนำและแนวทางที่ควรจะเป็นด้วยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เราเคยทำงานเป็นครูสอนทำอาหารไทยให้ชาวต่างชาติอยู่ที่ถนนท่าแพ เชียงใหม่ค่ะ ขอแนะนำตามประสบการณ์นิดหน่อยนะคะ

1. การเลือกชนิดของอาหาร รร ที่เราเคยทำมีเมนูให้เลือกหลากหลาย จัดเป็นหมวดๆเช่น หมวดแกง หมวดผัด หมวดเส้น(สลัดหรือผัดเส้นๆ)  หมวดของหวาน หมวดผลไม้ โดยแต่ละวันจัดเมนูแตกต่างกันออกไป เผื่อลูกค้ามาดูจะได้เลือกได้ว่าอยากเรียนเมนูวันไหน ส่วนลูกค้าคนไหนสนใจอยากเรียนนอกเหนือจากนั้นก็เปิดสอนตอนเย็น โดยให้เลือกอาหารที่อยากทำมาซักสามอย่าง ของหวานหนึ่งอย่าง ( อย่าเยอะมาก เพราะว่ากว่าจะทำเสร็จแต่ละเมนูและนั่งกิน กลัวจะเหนื่อยและเบื่อกันซะก่อน )

2. ควรจะมีการถ่ายรูปอาหารให้สวยงาม ออกแบบเมนู โบชัวร์ เอาไปฝากตามร้านหรือโรงแรมต่างๆ ถ้าที่ไหนแนะนำลูกค้ามาให้ เราควรจะมีค่าตอบแทนน้ำใจให้เค้า หรือตกลงกันตั้งแต่แรกว่าจะให้เปอเซนต์เท่าไหร่ต่อหัว

3. ต้องดูว่าตอนเช้าหลังจากที่ลูกค้ามาที่ รร สอนทำอาหารแล้ว จะพาพวกเค้าเดินไปตลาดสดที่ไหนที่ไม่ไกลมาก เพราะส่วนมากลูกค้าที่สนใจมาเรียนแสดงว่าเค้าสนใจในพืชผักผลไม้และอาหารแบบไทยๆ หลังจากตกลงเมนูอาหารที่จะทำกันแล้วก็แจกแจงกันไปว่าวันนี้จะต้องซื้ออะไรบ้าง จำนวนเท่าไหร่ พาลูกค้าเดินไปตลาด อธิบายพวกผักผลไม้ ชนิด รสชาติ สรรพคุณ การนำไปทำอาหาร

4. หลังจากการไปเดินตลาดสด พอกลับมาควรจะให้ลูกค้านั่งพักแป๊บนึง คุณอาจจะปอกหรือหั่นผลไม้ไปให้พวกเค้านั่งชิม ให้ดื่มน้ำ ได้พูดคุยกันซัก 5-10 นาทีแล้วก็เตรียมตัวลงมือทำเมนูแรก

5. ควรจะมีคนคอยถ่ายรูประหว่างกิจกรรมต่างๆด้วย ตั้งแต่การไปเดินดูผักผลไม้สดที่ตลาด ตอนการทำอาหาร ตอนทำอาหารเสร็จ โชว์รูปอาหาร ตอนนั่งทาน เพื่อเอาไปลงเวบไซร์ของร้าน เพื่อให้ลุกค้ามาโหลดไปเก็บไว้ได้และเป็นการโปรโมตโรงเรียนของเราไปด้วย

6. การรับจอง ต้องมีสมุดรับจอง การรับจองมีทางไหนบ้าง โทรศัพท์ อีเมลล์ วอร์คอิน หรือโรงแรมหรือเอเจ้นที่อื่นส่งลูกค้ามาให้ พยายามอย่ารับจองแต่ละวันเยอะเกินไป อย่าให้เกิน 8-9 คนต่อคลาส ไม่งั้นคนจะเยอะเกินไป เวลานั่งทานอาหารหรือเวลาทำอาหารจะแน่นเกินไป ถ้าวันไหนมีลูกค้าสิบกว่าคนขึ้นไป ก็ควรจะแบ่งเป็นสองคลาส

7. สถานที่ที่จะเปิดเป็นโรงเรียน ควรจะมีครัวเปิดโล่งเพื่อระบายกลิ่นอาหาร และต้องมีเตาเยอะมากๆ เพราะเวลาทำอาหาร คุณทำโชว์ก่อนเดี่ยวๆ จากนั้นก็ให้นักเรียนทุกคนทำพร้อมกันทีเดียวแล้วคุณคอยเดินดูและให้คำแนะนำ ทุกคนจะได้ทำอาหารเสร็จพร้อมๆกันและนำไปนั่งทานได้พร้อมกันเลยทีเดียว

8. ควรจ้างแม่บ้านหนึ่งคนเพื่อให้เป็นคนจัดเตรียมผักต่างๆในการลงมือทำแต่ละเมนู ไม่วั้นจะวุ่นวายมาก เพราะคุณต้องเทคแคร์ลูกค้าด้วย ไม่ให้เค้ารอนาน ไม่ให้เค้าเบื่อ หาเรื่องชวนคุยหรือเล่าเกร็ดต่างๆในการทำอาหาร เช่น คนไทยเชื่อว่าผู้หญิงห้ามร้องเพลงตอนทำกับข้าวไม่งั้นจะได้สามีแก่ หรือชวนคุยสัพเพเหระ และนอกจากนั้นหลังจากทำเสร็จแต่ละเมนู จะมีกระทะหรือหม้อที่รอล้างเยอะพอสมควร แค่คุณคนเดียว(หรือถึงมีสองคนช่วยกัน)ก็ทำไม่ทันแน่ๆ เพราะแป๊บๆก็ต้องใช้เตาใช้หม้อทำอาหารเมนูต่อไปอีกแล้ว หน้าที่นี้ต้องพึ่งแม่บ้านเลย

9. สถานที่ตั้งของบ้านเช่าที่คุณบอก การเดินทางสะดวกหรือไม่ จำเป็นต้องมีรถรับส่งลูกค้าที่พักอยู่ไกลแต่อยากมาเรียนทำอาหารกับคุณมั๊ย

10. อุปกรณ์การทำครัวต้องมีเยอะพอสมควร หม้อไหกะทะจานชามแก้วน้ำช้อนส้อม แม้แต่หวดนึ่งข้าว(เผื่อทำข้าวเหนียวมะม่วง) หรือครก หรือตะกร้าสานต่างๆ จะได้ได้บรรยากาศแบบไทยๆ อบอุ่น เป็นกันเอง

11. คอร์สเรียนจะคิดราคาเท่าไหร่ถึงจะดูไม่ถูกไม่แพงเกินไป ถ้าเปิดคอร์สเย็นด้วย เนื่องจากระยะเวลาสั้นกว่า ราคาคอร์สน่าจะถูกกว่าพอประมาณ เป็นต้น

12. วัตถุดิบางอย่าง เช่น ข้าวเหนียว กะทิ พริกแกง จะซื้อมาเลยหรือจะซื้อของมาแล้วมาช่วยกันทำ ขึ้นอยู่กับว่าความสะดวกและความถนัดของคุณ แต่ที่เราเคยทำคือซื้อของมาแล้วมาทำกันเอง แบ่งลูกค้าเป็นสองทีม เข่งกันตำน้ำพริกว่าทีมไหนตำละเอียดว่ากัน เค้าจะได้เห็นด้วยว่าการตำน้ำพริกจริงๆนั้นต้องใส่อะไรลงไปบ้าง และระหว่างที่ตำก็ผลัดกันตำคนละสิบยี่สิบโป๊ก คนที่ว่างๆนั่งอยู่ก็จะได้คุยกัน ทำความรู้จักกันไปด้วย

13. ภาษาควรจะได้ประมาณนึงนะคะ คืออธิบายตอนขั้นตอนทำอาหารให้ชัดเจน เวลาลูกค้าถามอะไร ตอบคำถามและอธิบายให้เค้าเข้าใจได้ ชวนเค้าคุยได้

ที่เรานึกออกตอนนี้มีเท่านี้นะคะ นี่คือประสบการณ์จากที่เราทำงานมาล้วนๆ ซึ่งอาจจะไม่ตรงหรือถูกต้องทั้งหมด ยังไงก็เผื่อเป็นแนวทางไว้ค่ะ ยิ้ม

กลับมาแก้ไขตรงที่พิมพ์ผิดนิดหน่อยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่