ขอความคิดเห็นค่ะถ้าจะขาย "ลอดช่องน้ำตาลข้นเหมือนที่เพชรบุรี"

แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
สูตรนี้ปริมาณที่เคยทดลองทำได้ 22 แก้วน่ะค่ะ แก้วก็แบบนี้ค่ะ

สูตรตัวแป้ง
1.แป้งมันสำปะลัง  2 กก.
2.แป้งถั่วเขียว  ครึ่งกิโล
3.น้ำร้อน(สำหรับนวดตัวแป้ง)
4.น้ำใบเตยคั้น (ดิฉันใช้ใบเตยกองโตเพราะอยากได้ กลิ่น+สีที่มากจากธรรมชาติ) *แต่สีของแป้งที่เมื่อต้มสุกแล้วสีจะไม่ได้เขียวสวยงามสักเท่าไหร่  ออกเขียวคล้ำๆๆ แต่ถ้าทำขายคงต้องเติมสีผสมอาหารเล็กน้อยน่ะค่ะ
3.น้ำลอยดอกมะลิ ( ดิฉันเก็บมะลิมาจากไร่สดๆๆ ลอยไว้ 1 ชม.เต็ม+น้ำ 1.5 ลิตร ) แต่ใช้ไม่หมดน่ะค่ะ
4.น้ำตาลทรายขาว 1 กก. (แต่จำได้ว่าใช้ไม่หมดน่ะค่ะ)* สูตรนี้ตัวแป้งลอดช่องจะมีรสชาติหวานในตัวนิดหน่อยน่ะค่ะ

วิธีทำตัวลอดช่อง
1.ผสมแป้งทั้ง2ชนิดเข้าด้วยกัน  ร่อน ด้วยที่ร่อนแป้ง 1 ครั้งเพื่อให้แป้งเข้ากันค่ะ
2.นำน้ำต้มสุกเดือด มาเทใส่แป้งที่ร่อน และใส่ในกะละมัง ใหญ่พอสมควร (ค่อยๆใส่น้ำต้มสะลับกับน้ำใบเตย น่ะค่ะ แรกๆๆใช้พายค่อยๆๆ  คนไปก่อน เพราะน้ำจะร้อนมาก) *จะได้แป้งที่ไม่แห้งมาก และ เหลวเกินไป  แป้งที่ได้จะต้องปั้นได้ ประมาณแป้งปั้นบัวลอยน่ะค่ะ)
3.เมื่อนวดแป้งได้ที่แล้ว แบ่งแป้ง เป็นก้อนๆๆ และปั้นเป็นแท่งยาวๆๆ ใช้ขวดน้ำปลาล้างสะอาด คลึงแป้งให้หนาเสมอกัน(แต่ถ้ามีที่ครึงแป้งแบบไม้จะดีที่สุดน่ะค่ะ) ให้ได้แป้งหนาประมาณ 0.30 ซ.ม ) *ถ้าหนาไปตัวลอดช่องจะออกมาใหญ่มากเมื่อแป้งสุก จะอืดขึ้นอีก  และถ้าบางไปเส้นจะขาดน่ะค่ะ ( ความยาวของเส้นประมาณ 5 ซ.ม กำลังสวยค่ะ
4.คลึงแป้งได้ตาม ข้อ3. แล้ว ก็ทำการหั่นแป้ง หนา 0.30 ซ.ม. เช่นกัน (ดิฉันรองใช้ที่หั่น 2 แบบ แบบแรกใช้มีดธรรมดาหั่น ก็ได้เส้นยาวๆๆ  และอีกแบบใช้ที่หั่นเฉาก๋วยหั่นก็ออกมาสวยไปอีกแบบน่ะค่ะ)
5.ทำจนหมดแป้งที่นวดไว้   *ระหว่างหั่น ต้องใช้แป้งแห้งโรยที่ตัวแป้งเล็กน้อยกันตัวแป้งที่หั่นออกมาติดกันน่ะค่ะ  นำแป้งที่หั่นไปต้มในน้ำเดือด  ทิ้งไว้ให้ตัวแป้ง ลอย และมีลักษณะใส่ ก็เป็นอันใช้ได้ นำแป้งที่สุกไปใส่ในโหลน้ำเชื่อมดอกมะลิที่ต้มเตรียมไว้ และเย็นตัวลงแล้ว
วิธีทำน้ำเชื่อมแช่ตัวลอดช่อง
1.นำน้ำลอยดอกมะลิมาใส่หม้อ ตั้งใฟปานกลางรอให้น้ำเกือบเดือด  ใส่น้ำตาลทรายขาว คนจนน้ำตาลละลายหมด ก็ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง ปล่อยให้เย็นตัวลง *ดิฉันว่าถ้าให้น้ำเดือดจัด กลิ่นของดอกมะลิจะหายไปไม่ค่อยหอมน่ะค่ะ
สูตรน้ำตาลข้น
    ขอบอกก่อนน่ะค่ะว่า ดิฉันได้สูตรการทำน้ำตาลข้นมา 2 แบบ คือ
1.แบบต้นตำหรับที่ยายทำ ใช้น้ำตาลสด มาเคี่ยว เป็นเวลาหลายชั่วโมง น้ำตาลสด  3 ลิตร เคี่ยวกันเหลือน้ำตาลประมาณ 2 ลิตรกว่าๆ และสีเริ่มเป็นสีน้ำตาลเข้ม  จะได้กลิ่นน้ำตาลแท้ๆที่ไม่หวานมากแต่หอมน้ำตาลแท้ๆๆ(สูตรนี้แหละค่ะที่ยายทำมาให้กินในวันนั้น)
2.อีกแบบที่ยายบอกว่าเขานิยมทำกันสมัยนี้ คือ
-น้ำตาลปึก จากเพชรบุรี (ยายว่าของเพชรบุรีทำออกมาแล้วน้ำตาลจะไม่มีรสเปรี้ยวมาแทรก  และสามารถเก็บไว้ได้       2.-3 วันในตู้เย็น
-น้ำลอยดอกมะลิ
-กาแฟโบราณ
วิธีทำ  
นำน้ำตาลปึก  3 กก. ใส่ลงในหม้อ  ใส่น้ำ ประมาณ1 ลิตร ต้มไปจนน้ำตาลปึก ละลาย (ใช้ไฟปานกลางน่ะค่ะเดียวขอบๆๆหม้อจะไหมสะก่อน  นำกาแฟไปชงด้วยน้ำร้อน *ดิฉันใช้การแฟ ตรามือ 1 กระป๋องเล็ก (ตรงนี้ลืมดูไปค่ะว่าปริมาณเท่าไหร่ ชงด้วยน้ำร้อน 300 มิลลิลิตร (แต่ก็ใส่ลงไปไม่หมดน่ะค่ะ) ค่อยๆๆชิมให้ได้กลิ่นกาแฟเป็นหลัก + สีของกาแฟ แต่อย่างใส่มากจนมีรสขมน่ะค่ะ) *ตรงนี้ดิฉันก็ต้องทดลองทำใหม่ค่ะเพราะก็ยังไม่ลงตัวเท่าไหร่
    *เลือกทำกันตามวความสามารถ ที่จะหาวัตถุดิบได้น่ะค่ะ
สูตรกะทิ
สูตรที่ได้มานี้เป็นกะทิสด ดิฉันใช้ หัวกะทิ 2 กก.+หางกะทิ ครึ่งกก. (กะทิจะค่อนข้างค้นและเน้นว่าต้องสด  จะได้กลิ่นหอมมากค่ะ *ถ้ากรณีทำขายก็ต้องหาวิธิการเก็บรักษา
วิธีการจัดเสริฟร์
นอกจากตัวลอดช่องแล้วยังมีเครื่องเคียงอื่นๆๆ(ดิฉันได้ใช้มีดังนี้น่ะค่ะ)
1.ขนุน (สามารถนำไปเชื่อมก่อนก็ได้น่ะค่ะ  เพราะจะสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้นไปอีก) แต่ถ้าสดก็จะหอมดีค่ะ
2.เผือกนึ่งหั่นเต๋า (แต่ยายใช้เผือกกวนน่ะค่ะ)
3.ข้าวโพดเหลืองต้มฝาน
    1แก้ว ตักตัวลอดช่องใส่แก้ว ตามด้วยเครื่องเคียงตามต้องการ +น้ำตาลข้น( กะดูว่าหวานมากหวานน้อย) แต่ถ้าทำขายก็ต้องใส่เท่าๆๆกันทุกแก้วแหละค่ะ+น้ำแข็งบด+กะทิสด+เพิ่มนมข้นจืดตรานกอินทรีย์ เส็จเสริฟร์ได้เลยค่ะ*ให้หลอดกับช้อนพลาสติกด้วยน่ะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่