เราทั้งหลายก่อนที่จะลงทุนอะไรไป ผมเชื่อเหลือเกินว่าเกือบทุกคนในที่นี่ ตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้ว่า ตั้งเป้าไว้ว่ากำไรปีนี้กี่เปอร์เซนต์
เมื่อตอนมัธยม เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับคำว่า มหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น เมื่อหลงไปหยิบหนังสืออ่าน(ผิดเล่ม)ในร้านหนังสือดอกหญ้า
เปิดไปเจอตารางๆหนึ่ง ซึ่งตารางนี้อยู่ในหนังสือเกี่ยวกับการเงินหลายๆเล่มในปัจจุบัน เชื่อว่าทุกคนคงเคยผ่านตามาบ้าง
เป็นตารางเปรียบเทียบคน 2 คนเริ่มเก็บเงิน นายAเก็บเงินก่อนแล้ว เลิกเก็บไป ตอนอายุ45ปี ส่วนนาย B เริ่มเก็บเงินทีหลัง 10 ปี ด้วยจำนวนเงินเท่าๆกัน และเก็บมาตลอด เปรียบเทียบเงินที่ตอนอายุ 65 ปี ทำไมนายAได้เงินมากกว่าทั้งๆที่จำนวนเงินต้นน้อยกว่า
อะไรคือตัวแปรสำคัญในสมการนี้??? จำนวนเงินที่เก็บต่อปีเท่ากัน อัตราดอกเบี้ยเท่ากัน แต่ระยะเวลาที่เก็บเงินไม่เท่ากัน
เวลา คือตัวแปรสำคัญ ซึ่งก็เป็นเป้าหมายของเราหลายๆคนในห้องนี้ เป้าหมาย 10 %ต่อปีบ้าง 20% ต่อปีบ้าง 30% ต่อปีบ้าง
ซึ่งเวลาที่ผ่านไปในแต่ละเดือนก็ทำให้เรา เข้าใกล้เป้าหมาย บางทีอาจจะห่างไกลจากเป้าหมายออกไป
ช่วงนี้ตลาดทุนทั้งหลายผันผวนอย่างหนัก ทั้งทอง ทั้งหุ้น น้ำมัน ตัวเลขกำไร/ขาดทุนที่วิ่งอยู่ในพอร์ต ทำให้จิตใจนักลงทุนสับสน ความกลัวเข้าครอบงำ
เข้าเว็ปหาข้อมูลก็เจอกองแช่ง ขาแช่งทั้งหลาย ทำให้เขวเข้าไปใหญ่ จนลืมตัวแปรสำคัญที่เราตั้งเเป้าหมายกันมา
"เราตั้งเป้าหมายต่อปี....ไม่ใช่ต่อวันนี่....แล้วพรุ่งนี้จะหมดปีแล้วหรอ" หุ้นตัวที่เราลงทุน เป็นหุ้นปั่นหรือเปล่า ถ้าไม่...มีกำไรไหม ปันผลสม่ำเสมอหรือเปล่า แล้วจะกลัวอะไรกับความผันผวนที่เกิดจากความกลัวของตลาด เราตั้งเป้าไว้ต่อปี แต่กลับมานั่งดูราคารายนาที
เข้าใจว่าใครๆก็อยากได้กำไรสูงสุด แต่สิ่งแรกที่เราควรคำนึงถึงคือ เป้าหมายที่เราตั้งไว้....ไม่ใช่หรือ
ใครเขาจะได้ 100 - 200% ก็ช่างเขา นั่นอาจจะเป็นเป้าหมายของเขาก็ได้ เขาก็แค่ทำตามเป้าหมายที่เขาตั้งไว้
เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ติดดอย ทอง หุ้น กองทุนรวม ทุกท่าน ใช้สติให้มากๆ สติมา ปัญญาเกิด
พรุ่งนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายของปี ประสบการณ์ที่ผ่านๆมาของท่านลองย้อนกลับไปดูเถิดว่าเคยทำอะไรไว้บ้างแล้วถ้าตอนนั้นไม่ขาย...ตอนนี้เป็นอย่างไร
ประสบการณ์ของแต่ละคนคงไม่เหมืนกัน บางคนบอกถ้าไม่ขาย BANPU ตอนนี้เป็นไง เจ๊งสิ แต่บางคนบอกตอนนั้นขาย PTTEP ตอน 60กว่าบาทเพราะตลาดกลัวแบบนี้แหละ ตอนนี้ล่ะเป็นไง
แต่ผมเชื่อว่าคนที่ลงทุนมาได้สักระยะนึงแล้ว ลองขุดเอาตัวเก่าๆที่ขายตอนกลัวตอนนั้นออกมาดูสิ ว่าถ้าตอนนั้นไม่ขาย ตอนนี้จะเป็นยังไง
สู้ๆครับนักลงทุนทุกท่าน อย่าลืมว่า สติมา...ปัญญาเกิด จะทำอะไรคิดให้ดีซะก่อน อย่าไปเชื่อคำเชียร์-คำขู่มากนัก
สุดท้ายขอฝากไว้ว่า
ยาจก...บริหารเงินรายวัน
คนจน...บริหารเงินรายสัปดาห์
คนธรรมดา...บริหารเงินรายเดือน
คนรวย...บริหารเงินรายปี
มหาเศรษฐี...บริหารเงินเป็นสิบปี
เลือกเอาครับว่าจะบริหารเงินแบบไหนดี
นักลงทุนทั้งหลายครับ....นี่เราลืมอะไรกันไปหรือเปล่าครับ
เมื่อตอนมัธยม เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับคำว่า มหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น เมื่อหลงไปหยิบหนังสืออ่าน(ผิดเล่ม)ในร้านหนังสือดอกหญ้า
เปิดไปเจอตารางๆหนึ่ง ซึ่งตารางนี้อยู่ในหนังสือเกี่ยวกับการเงินหลายๆเล่มในปัจจุบัน เชื่อว่าทุกคนคงเคยผ่านตามาบ้าง
เป็นตารางเปรียบเทียบคน 2 คนเริ่มเก็บเงิน นายAเก็บเงินก่อนแล้ว เลิกเก็บไป ตอนอายุ45ปี ส่วนนาย B เริ่มเก็บเงินทีหลัง 10 ปี ด้วยจำนวนเงินเท่าๆกัน และเก็บมาตลอด เปรียบเทียบเงินที่ตอนอายุ 65 ปี ทำไมนายAได้เงินมากกว่าทั้งๆที่จำนวนเงินต้นน้อยกว่า
อะไรคือตัวแปรสำคัญในสมการนี้??? จำนวนเงินที่เก็บต่อปีเท่ากัน อัตราดอกเบี้ยเท่ากัน แต่ระยะเวลาที่เก็บเงินไม่เท่ากัน
เวลา คือตัวแปรสำคัญ ซึ่งก็เป็นเป้าหมายของเราหลายๆคนในห้องนี้ เป้าหมาย 10 %ต่อปีบ้าง 20% ต่อปีบ้าง 30% ต่อปีบ้าง
ซึ่งเวลาที่ผ่านไปในแต่ละเดือนก็ทำให้เรา เข้าใกล้เป้าหมาย บางทีอาจจะห่างไกลจากเป้าหมายออกไป
ช่วงนี้ตลาดทุนทั้งหลายผันผวนอย่างหนัก ทั้งทอง ทั้งหุ้น น้ำมัน ตัวเลขกำไร/ขาดทุนที่วิ่งอยู่ในพอร์ต ทำให้จิตใจนักลงทุนสับสน ความกลัวเข้าครอบงำ
เข้าเว็ปหาข้อมูลก็เจอกองแช่ง ขาแช่งทั้งหลาย ทำให้เขวเข้าไปใหญ่ จนลืมตัวแปรสำคัญที่เราตั้งเเป้าหมายกันมา
"เราตั้งเป้าหมายต่อปี....ไม่ใช่ต่อวันนี่....แล้วพรุ่งนี้จะหมดปีแล้วหรอ" หุ้นตัวที่เราลงทุน เป็นหุ้นปั่นหรือเปล่า ถ้าไม่...มีกำไรไหม ปันผลสม่ำเสมอหรือเปล่า แล้วจะกลัวอะไรกับความผันผวนที่เกิดจากความกลัวของตลาด เราตั้งเป้าไว้ต่อปี แต่กลับมานั่งดูราคารายนาที
เข้าใจว่าใครๆก็อยากได้กำไรสูงสุด แต่สิ่งแรกที่เราควรคำนึงถึงคือ เป้าหมายที่เราตั้งไว้....ไม่ใช่หรือ
ใครเขาจะได้ 100 - 200% ก็ช่างเขา นั่นอาจจะเป็นเป้าหมายของเขาก็ได้ เขาก็แค่ทำตามเป้าหมายที่เขาตั้งไว้
เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ติดดอย ทอง หุ้น กองทุนรวม ทุกท่าน ใช้สติให้มากๆ สติมา ปัญญาเกิด
พรุ่งนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายของปี ประสบการณ์ที่ผ่านๆมาของท่านลองย้อนกลับไปดูเถิดว่าเคยทำอะไรไว้บ้างแล้วถ้าตอนนั้นไม่ขาย...ตอนนี้เป็นอย่างไร
ประสบการณ์ของแต่ละคนคงไม่เหมืนกัน บางคนบอกถ้าไม่ขาย BANPU ตอนนี้เป็นไง เจ๊งสิ แต่บางคนบอกตอนนั้นขาย PTTEP ตอน 60กว่าบาทเพราะตลาดกลัวแบบนี้แหละ ตอนนี้ล่ะเป็นไง
แต่ผมเชื่อว่าคนที่ลงทุนมาได้สักระยะนึงแล้ว ลองขุดเอาตัวเก่าๆที่ขายตอนกลัวตอนนั้นออกมาดูสิ ว่าถ้าตอนนั้นไม่ขาย ตอนนี้จะเป็นยังไง
สู้ๆครับนักลงทุนทุกท่าน อย่าลืมว่า สติมา...ปัญญาเกิด จะทำอะไรคิดให้ดีซะก่อน อย่าไปเชื่อคำเชียร์-คำขู่มากนัก
สุดท้ายขอฝากไว้ว่า
ยาจก...บริหารเงินรายวัน
คนจน...บริหารเงินรายสัปดาห์
คนธรรมดา...บริหารเงินรายเดือน
คนรวย...บริหารเงินรายปี
มหาเศรษฐี...บริหารเงินเป็นสิบปี
เลือกเอาครับว่าจะบริหารเงินแบบไหนดี