คุณคิดยังไงกับการจัดห้องเรียนตามผลการเรียน และถูกจับให้เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ

กระทู้สนทนา
ตอนผมอยู่ ม.1 ผมได้อ่านคู่มือนักเรียนก็พบว่า พอขึ้น ม.2 แล้ว เขาจะมีการให้เลือกวิชาเสริมตามที่ตัวเองชอบหรือถนัด เรียนไปจนถึุง ม.3 เลย ชอบสังคมก็เลือกสังคม ชอบคณิตก็เลือกคณิต หรือใครอยากเรียนทางงานช่าง งานประดิษฐ์อะไรเขาก็มีให้เลือก ตอนนั้นผมก็ตั้งใจจะเลือกวิชาเสริมไทยกับสังคม ตอนที่ึ้ขึ้น ม.2

     แต่ปรากฏว่าพอขึ้น ม.2 จริงๆ เขาเปลี่ยนรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการคนใหม่ แล้วนโยบายก็เปลี่ยนใหม่ จากที่ให้เลือกวิชาตามที่ถนัด แล้วห้องเรียนก็จัดคละๆ กันไป มีทั้งคนเก่งและไม่เก่งในห้องเดียว กลายมาเป็น จัดห้องตามผลการเรียนตอน ม.1 ใครเกรดดีหน่อยก็อยู่ห้อง 1 ลดหลั่นไปเรื่อยๆ จนถึงห้อง 10 แล้วแต่ละห้อง เขาก็จะ "จัดแผนการเรียนที่เหมาัะสมกับห้องนั้นๆ" เช่น ห้อง 1-3 จะเป็นคนที่มีผลการเรียนดี พวกนี้จะถูกจับให้เรียนวิทย์-คณิตหมด ส่วนพวกห้องท้ายๆ ก็อาจจะได้เรียนพลศึกษา หรือเกษตรเป็นวิชาเสริม

     ตอนนั้นผมอยู่ห้อง 3 เป็นห้่องวิทย์-คณิต แต่จริงๆ ผมไม่ชอบคณิตเลย ไม่เก่งด้วย ซึ่งถ้าเป็นห้องอื่นที่ไม่ใช่วิทย์-คณิต ก็จะเรียนคณิตแค่สัปดาห์ละ 3 คาบ วิทย์ก็ 3 คาบต่อสัปดาห์ แต่พวกห้องวิทย์-คณิต จะมีวิชาคณิตเสริมมาเพิ่มอีก 2 คาบ รวมเป็น 5 คาบ และมีวิทยาศาสตร์เสริม ที่เรียนเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์อีก 2 คาบ ผมที่ไม่ชอบวิทย์-คณิตก็แบบว่าหนักมากเลย แทนที่จะได้เรียนในสิ่งที่ชอบ กลับถูกจับมาเรียนอะไรแบบนี้ แล้วผมก็ต้องอยู่กับสภาพนี้จนถึง ม.3 พอขึ้น ม.4 ผมถึงเป็นอิสระ ได้เรียนในสิ่งที่ชอบเสียที

    เคยมีอาจารย์คนหนึ่ง เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาบอกว่าการจัดห้องตามเกรด มันไม่ดีนักหรอก เพราะคนเก่งก็อยู่กับคนเก่ง คนอ่อนก็ไปอยู่กับคนอ่อน แล้วจะช่วยกันสอนช่วยกันติวได้ยังไง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่