***สาเหตที่พบบ่อย***
เรื่องเลือดออกนี่เป็นอีกปัญหาที่เจอบ่อยมากๆ มีกระทู้ถามอยู่เรื่อยๆ
ว่าที่คุณแม่บางคนพยายามแล้วพยายามอีก กว่าจะท้องมาก็แสนยากเย็น
เมื่อท้องแล้วมีอาการแปลกๆ ก็ย่อมกังวลไปสารพัด
การที่เรามีความรู้ไว้บ้าง จะได้ไม่กังวลมากจนเกินไป และดูแลตัวเองได้เหมาะสมค่ะ
ก่อนอื่นมาทราบกันก่อนค่ะ ว่าเวลาคุณแม่ที่ท้องในช่วงแรก (แบ่งที่ก่อน 20 วีค แต่ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 12-14 วีค) มีเลือดออกมานั้น
สาเหตที่พบบ่อยๆมีสามอย่าง ที่หมอจะต้องพยายามแยกให้ได้ เพราะดูแลต่างกันมากทีเดียว
1. แท้ง (abortion, miscarriage) ซึ่งมีหลายระยะ การดูแลต่างกัน เดี๋ยวจะว่ากันต่อไปนะคะ
2. ท้องนอกมดลูก (ectopic pregnancy) ซึ่งอาจจะต้องผ่าตัด อันตรายถึงชีวิตได้ อาการหลักๆคือเลือดออก+ปวดท้อง ถ้ามีหน้ามืดเป็นลมด้วย อาจจะใกล้ช๊อคแล้วค่ะ
3. ครรภ์ไข่ปลาอุก (molar pregnancy) ซึ่งจะต้องขูดมดลูก และติดตามการรักษาใกล้ชิด เพราะอาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีสาเหตอื่นๆแต่พบน้อยกว่า เช่น ปากมดลูกอักเสบ มะเร็งปากมดลูก
การแยกภาวะเหล่านี้ แพทย์จะใช้ประวัติ การตรวจร่างกายโดยเฉพาะการตรวจภายในจะพอบอกได้ค่ะ
ที่เหลือก็อาจจะต้องพึ่งอัลตราซาวน์ และการตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมน beta-hCG เพิ่มเติม (ในบางคนเท่านั้นค่ะ ส่วนใหญ่ไม่ต้อง)
Credit pic : weemade.com
แนะนำเพจนะคะ
https://www.facebook.com/pages/ใกล้มิตรชิดหมอ/138161163029343?ref=hl
***การรับมือกับอาการเลือดออกตอนท้องอ่อนๆ .. รู้ไว้ได้ประโยชน์ค่ะ***
***สาเหตที่พบบ่อย***
เรื่องเลือดออกนี่เป็นอีกปัญหาที่เจอบ่อยมากๆ มีกระทู้ถามอยู่เรื่อยๆ
ว่าที่คุณแม่บางคนพยายามแล้วพยายามอีก กว่าจะท้องมาก็แสนยากเย็น
เมื่อท้องแล้วมีอาการแปลกๆ ก็ย่อมกังวลไปสารพัด
การที่เรามีความรู้ไว้บ้าง จะได้ไม่กังวลมากจนเกินไป และดูแลตัวเองได้เหมาะสมค่ะ
ก่อนอื่นมาทราบกันก่อนค่ะ ว่าเวลาคุณแม่ที่ท้องในช่วงแรก (แบ่งที่ก่อน 20 วีค แต่ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 12-14 วีค) มีเลือดออกมานั้น
สาเหตที่พบบ่อยๆมีสามอย่าง ที่หมอจะต้องพยายามแยกให้ได้ เพราะดูแลต่างกันมากทีเดียว
1. แท้ง (abortion, miscarriage) ซึ่งมีหลายระยะ การดูแลต่างกัน เดี๋ยวจะว่ากันต่อไปนะคะ
2. ท้องนอกมดลูก (ectopic pregnancy) ซึ่งอาจจะต้องผ่าตัด อันตรายถึงชีวิตได้ อาการหลักๆคือเลือดออก+ปวดท้อง ถ้ามีหน้ามืดเป็นลมด้วย อาจจะใกล้ช๊อคแล้วค่ะ
3. ครรภ์ไข่ปลาอุก (molar pregnancy) ซึ่งจะต้องขูดมดลูก และติดตามการรักษาใกล้ชิด เพราะอาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีสาเหตอื่นๆแต่พบน้อยกว่า เช่น ปากมดลูกอักเสบ มะเร็งปากมดลูก
การแยกภาวะเหล่านี้ แพทย์จะใช้ประวัติ การตรวจร่างกายโดยเฉพาะการตรวจภายในจะพอบอกได้ค่ะ
ที่เหลือก็อาจจะต้องพึ่งอัลตราซาวน์ และการตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมน beta-hCG เพิ่มเติม (ในบางคนเท่านั้นค่ะ ส่วนใหญ่ไม่ต้อง)
Credit pic : weemade.com
แนะนำเพจนะคะ https://www.facebook.com/pages/ใกล้มิตรชิดหมอ/138161163029343?ref=hl