--เรื่องเล่าสั้นๆที่เจอมากับตัวเอง คุณป้าของเราพึ่งเสีย แกเสียแบบฉับพลัน ไม่มีเหตุอะไรบอกล่วงหน้า แม่เล่าว่า ป้าไม่ค่อยสบายด้วยเป็นไทรอยด์อยู่แล้ว ช่วงนี้บ่นให้ฟังบ่อยๆว่า หายใจไม่ทั่วท้อง ถ้าจะอยู่อีกไม่นานแล้ว แม่เองก็ชอบว่ากลับไปว่า พูดแต่แบบเนี๊ยะ ไม่ดีเลย แต่เพราะแกพูดแบบนี้มานานหลายเดือนเป็นปีได้ แม่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ..
--เช้าวันศุกร์ที่ 5 เมษายน ลูกสาวป้าจะพาลูกของเค้าไปหาหมออยู่แล้ว จึงได้พาป้าไปโรงพยาบาลด้วย เนื่องจากแกรู้สึกว่าปัสสาวะไม่ออก และเหมือนตัวบวมมาหลายวัน มีอาการไอ พอไปโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็ฉีดยาขับปัสสาวะ และได้ยาทานมา กลางวันยังกลับมาทานข้าวอยู่ดูปกติทุกอย่าง แล้วใครจะรู้ว่าพอตกเย็น ขณะที่ลูกสาวป้ารีดผ้า ส่วนป้านั่งอยู่หน้าทีวี ไม่รู้นานแค่ไหน มาดูป้าอีกทีแกก็ดูจะตัวเขียวแล้ว ญาติที่อยู่บ้านใกล้ๆกันเป็นพยาบาล มาถึงเค้าก็บอกว่าไม่มีชีพจรแล้ว และในท้องก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยน้ำ
-- ป้าเสียชีวิต หลังจากที่ลูกสาวกลับมาดูหลานได้แค่เพียงเดือนกว่า ก่อนหน้านี้แกดูแลหลานสาวที่พิการเดินไม่ได้ตามลำพังอยู่ร่วม 6 เดือน อายุแกน่าจะเกิน 70 ไปแล้ว และบ่นกับแม่เสมอว่าแกเหนื่อย และขอให้ตัวเองอย่าพึ่งเป็นอะไร จนกว่าอย่างน้อยให้ลูกแกกลับมาดูหลานให้ได้ก่อน ... แล้วแกทำได้อย่างนั้น
--เราย้ายมาอยู่ชลฯ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และกลับไปบ้านเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา พร้อมกับไปรับลูกชายที่อยู่กับแม่มาดูแลเอง ก่อนเราจะกลับจากบ้านที่เชียงใหม่มา เรากอดป้าที่เดินมาส่งเราที่รถ ป้ากอดลูกชายของเรา และลูกสาวคนเล็กของเรา พร้อมกับร้องไห้ แกพูดว่า ทีนี้ก็คงเหงา ไม่มีเสียแง๊ๆของลูกสาว และไม่ได้เห็นลูกชายเราเล่นอยู่แถวบ้านอีก นั่นเป็นการกอดครั้งแรกของเรากับป้า และใครจะรู้ว่า มันเป็นครั้งสุดท้ายด้วย ...
--แม่บอกว่าลูกๆของป้าคงจะลำบาก งานศพ แม่จะออกค่าปราสาท ให้เราและน้องชายร่วมด้วย เราตอบตกลง ส่วนคนที่แม่เราเป็นห่วงที่สุด จริง ๆ แล้วคือคุณยายของเรา แกอายุมากเกือบจะ 90 แล้ว แต่ยังรู้เรื่อง และแข็งแรง แม่บอกว่าตอนที่แม่รู้ข่าวทีแรกนึกว่าเป็นคุณยาย ขาสั่นมาก จอดรถหลายครั้งกว่าจะขับกลับจนถึงบ้าน แต่พอมาถึง เห็นคุณยายนั่งดมยาอยู่ นึกว่าแกฟื้น ปรากฎว่า แม่ฟังไม่รู้เรื่อง คนที่เสียไม่ใช่คุณยาย .. แกต้องเสียใจมากแน่ ๆ เพราะป้าเป็นลูกคนโต
--งานศพจัดไปเรียบร้อย เค้าเผาป้าไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โชคดีที่ทางลูกสาวของป้าได้รับความช่วยเหลือจากญาติๆ ฝ่ายของคุณลุงค่อนข้างมาก ไม่ลำบากอะไร การจัดงาน 3 วัน จบด้วยดี เท่าที่แม่รู้ คือ ไม่ได้เข้าเนื้อ และ ยังเหลือซองพอสมควร
--สงกรานต์ปีนี้ แม่กะป๊า น้องชายและแฟน รวมทั้งหลานชายของเราจะมาหาเรา เราเลยไม่ได้กลับเชียงใหม่ พอวันนี้เราโทรหาแม่ แม่ก็เล่าเรื่องให้ฟังว่า เมื่อคืนวันอังคาร แม่ไปทำงานกะป๊า และกลับบ้าน 3-4ทุ่มเป็นปกติ พอขับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงคาราโอเกะครึกโครม มีรถจอดขวางหน้าบ้าน ตะโกนเรียกก็ไม่ได้ยิน แม่เลยเดินลงไปตามให้เพื่อนๆลูกสาวป้ามาย้ายรถ แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจกับเราว่า นี่แม่เค้าพึ่งเผายังไม่ทันเก็บกระดูก ลูกก็ฉลอง ร้องคาราโอเกะลั่นบ้าน เมาไม่รู้เรื่อง คนนั่งเสียใจร้องไห้ยังไม่หยุด คือคนนู้น ยายเรานั่งน้ำตาตกอยู่นั่น สงสารคุณยายมาก และสงสารพี่สาวเราจริงๆ ..
--แม่พูดแบบนี้ เรารู้สึกเจ็บแปลบๆในใจ คนเราก็อายุเยอะแล้ว เรื่องสมควรหรือไม่สมควร ก็น่าจะรู้เองอยู่แล้ว สำคัญกว่านั้น คือ เค้าไม่รู้สึกอะไรจริงๆเหรอ กับการสูญเสียคุณแม่คนเดียวของเค้า คนที่รักเค้าและทำทุกอย่างเพื่อเค้าจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ ..
**วันนี้เราเป็นทั้งลูกและเป็นทั้งแม่ เราอยากอยู่กับแม่ แต่ด้วยความจำเป็นของครอบครัว เราต้องย้ายมาอยู่คนละที่กับพ่อและแม่ อยากจะย้ำสำหรับคนที่ยังคงโชคดี ที่ยังมีคนสำคัญอยู่ อย่าลืมให้ความสำคัญ และนึกถึงความรักที่เรามีให้กับลูกๆของเรา เพราะท่านก็ยังคงรักและเอ็นดูเราไม่ต่างกัน .. สุขสันต์วันครอบครัวที่กำลังจะมาถึงนะคะ ..**
อยากให้ ..ลูก.. รักแม่ ให้ได้ครึ่งหนึ่งของที่ ..แม่.. รักลูก (ต้อนรับวันครอบครัว)
--เช้าวันศุกร์ที่ 5 เมษายน ลูกสาวป้าจะพาลูกของเค้าไปหาหมออยู่แล้ว จึงได้พาป้าไปโรงพยาบาลด้วย เนื่องจากแกรู้สึกว่าปัสสาวะไม่ออก และเหมือนตัวบวมมาหลายวัน มีอาการไอ พอไปโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็ฉีดยาขับปัสสาวะ และได้ยาทานมา กลางวันยังกลับมาทานข้าวอยู่ดูปกติทุกอย่าง แล้วใครจะรู้ว่าพอตกเย็น ขณะที่ลูกสาวป้ารีดผ้า ส่วนป้านั่งอยู่หน้าทีวี ไม่รู้นานแค่ไหน มาดูป้าอีกทีแกก็ดูจะตัวเขียวแล้ว ญาติที่อยู่บ้านใกล้ๆกันเป็นพยาบาล มาถึงเค้าก็บอกว่าไม่มีชีพจรแล้ว และในท้องก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยน้ำ
-- ป้าเสียชีวิต หลังจากที่ลูกสาวกลับมาดูหลานได้แค่เพียงเดือนกว่า ก่อนหน้านี้แกดูแลหลานสาวที่พิการเดินไม่ได้ตามลำพังอยู่ร่วม 6 เดือน อายุแกน่าจะเกิน 70 ไปแล้ว และบ่นกับแม่เสมอว่าแกเหนื่อย และขอให้ตัวเองอย่าพึ่งเป็นอะไร จนกว่าอย่างน้อยให้ลูกแกกลับมาดูหลานให้ได้ก่อน ... แล้วแกทำได้อย่างนั้น
--เราย้ายมาอยู่ชลฯ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และกลับไปบ้านเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา พร้อมกับไปรับลูกชายที่อยู่กับแม่มาดูแลเอง ก่อนเราจะกลับจากบ้านที่เชียงใหม่มา เรากอดป้าที่เดินมาส่งเราที่รถ ป้ากอดลูกชายของเรา และลูกสาวคนเล็กของเรา พร้อมกับร้องไห้ แกพูดว่า ทีนี้ก็คงเหงา ไม่มีเสียแง๊ๆของลูกสาว และไม่ได้เห็นลูกชายเราเล่นอยู่แถวบ้านอีก นั่นเป็นการกอดครั้งแรกของเรากับป้า และใครจะรู้ว่า มันเป็นครั้งสุดท้ายด้วย ...
--แม่บอกว่าลูกๆของป้าคงจะลำบาก งานศพ แม่จะออกค่าปราสาท ให้เราและน้องชายร่วมด้วย เราตอบตกลง ส่วนคนที่แม่เราเป็นห่วงที่สุด จริง ๆ แล้วคือคุณยายของเรา แกอายุมากเกือบจะ 90 แล้ว แต่ยังรู้เรื่อง และแข็งแรง แม่บอกว่าตอนที่แม่รู้ข่าวทีแรกนึกว่าเป็นคุณยาย ขาสั่นมาก จอดรถหลายครั้งกว่าจะขับกลับจนถึงบ้าน แต่พอมาถึง เห็นคุณยายนั่งดมยาอยู่ นึกว่าแกฟื้น ปรากฎว่า แม่ฟังไม่รู้เรื่อง คนที่เสียไม่ใช่คุณยาย .. แกต้องเสียใจมากแน่ ๆ เพราะป้าเป็นลูกคนโต
--งานศพจัดไปเรียบร้อย เค้าเผาป้าไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โชคดีที่ทางลูกสาวของป้าได้รับความช่วยเหลือจากญาติๆ ฝ่ายของคุณลุงค่อนข้างมาก ไม่ลำบากอะไร การจัดงาน 3 วัน จบด้วยดี เท่าที่แม่รู้ คือ ไม่ได้เข้าเนื้อ และ ยังเหลือซองพอสมควร
--สงกรานต์ปีนี้ แม่กะป๊า น้องชายและแฟน รวมทั้งหลานชายของเราจะมาหาเรา เราเลยไม่ได้กลับเชียงใหม่ พอวันนี้เราโทรหาแม่ แม่ก็เล่าเรื่องให้ฟังว่า เมื่อคืนวันอังคาร แม่ไปทำงานกะป๊า และกลับบ้าน 3-4ทุ่มเป็นปกติ พอขับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงคาราโอเกะครึกโครม มีรถจอดขวางหน้าบ้าน ตะโกนเรียกก็ไม่ได้ยิน แม่เลยเดินลงไปตามให้เพื่อนๆลูกสาวป้ามาย้ายรถ แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจกับเราว่า นี่แม่เค้าพึ่งเผายังไม่ทันเก็บกระดูก ลูกก็ฉลอง ร้องคาราโอเกะลั่นบ้าน เมาไม่รู้เรื่อง คนนั่งเสียใจร้องไห้ยังไม่หยุด คือคนนู้น ยายเรานั่งน้ำตาตกอยู่นั่น สงสารคุณยายมาก และสงสารพี่สาวเราจริงๆ ..
--แม่พูดแบบนี้ เรารู้สึกเจ็บแปลบๆในใจ คนเราก็อายุเยอะแล้ว เรื่องสมควรหรือไม่สมควร ก็น่าจะรู้เองอยู่แล้ว สำคัญกว่านั้น คือ เค้าไม่รู้สึกอะไรจริงๆเหรอ กับการสูญเสียคุณแม่คนเดียวของเค้า คนที่รักเค้าและทำทุกอย่างเพื่อเค้าจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ ..
**วันนี้เราเป็นทั้งลูกและเป็นทั้งแม่ เราอยากอยู่กับแม่ แต่ด้วยความจำเป็นของครอบครัว เราต้องย้ายมาอยู่คนละที่กับพ่อและแม่ อยากจะย้ำสำหรับคนที่ยังคงโชคดี ที่ยังมีคนสำคัญอยู่ อย่าลืมให้ความสำคัญ และนึกถึงความรักที่เรามีให้กับลูกๆของเรา เพราะท่านก็ยังคงรักและเอ็นดูเราไม่ต่างกัน .. สุขสันต์วันครอบครัวที่กำลังจะมาถึงนะคะ ..**