^^ A Little Strip To Tease Your Heart...ถอดทีละนิดพิชิตใจ(ถอด...ชิ้นที่สิบห้า คนมาใหม่กับความใส่ใจของมนต์อัปสร

กระทู้สนทนา
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่า   หนูนวลมาต่อจนจบแล้นค่า  หายไปนานนนมากก  ถ้าใครลืมตามมาอ่านได้ที่....http://ppantip.com/topic/30235132


ถอด...ชิ้นที่สิบห้า(ครึ่งหลัง) คนมาใหม่กับความใส่ใจของมนต์อัปสร


    พอทานอาหารเสร็จธีรักษ์ก็จัดการเปิดห้องประชุมเล็กที่อยู่ติดกับห้องทำงานไว้รอคนที่จะมาคุยธุระ  และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้เวลาพอห้องประชุมเล็กพร้อม  แขกของธีรักษ์ก็เดินเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยมาดคุณหนูผู้สูงศักดิ์


    “สวัสดีค่ะพี่หมอธี จันทร์เจ้าคิดถึงจังค่ะ”  ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เดินมากอดเจ้าของชื่อ  ก่อนจะโผไปกอดกรเทพต่อ  ด้วยท่าทางแสนจะธรรมชาติและน่าอิจฉาในสายตาของมนต์อัปสร  


    แต่หยุด...อย่าได้คิดว่ามนต์อัปสรจะอิจฉาคนมาใหม่หน้าตาสวยเฉียบแถมหุ่นราวกับนางแบบFHM เพราะมนต์อัปสรมั่นใจว่าตัวเองเด่นเด้งที่สุดในสามโลกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหล่อนอิจฉาสุดๆคือการได้กอดหนุ่มๆต่างหาก  โดยเฉพาะคุณธีขาของหนูมิลค์  ‘หงึ ทำไมคุณธีขาไม่เห็นจะปัดป้องเลย ทีกับหนูมิลค์ดุเอาดุเอา  เช้อ’.....คนคิดเองงอนเองคิดอย่างไม่พอใจ  โดยลืมไปว่าภาพที่เห็นนั้นเขากอดกันเป็นพิธี  ไม่ใช่ทั้งไซร้ทั้งซุกเหมือนที่ตัวเองชอบทำ


    “ครับ”ธีรักษ์ตอบรับอย่างสุภาพตามปกติ  แต่สายตาคนพูดกลับมองไปที่คนนั่งรออยู่บนโซฟาที่ตอนนี้ทำหน้ามุ่ยเชิดคางสูงจนน่ากลัวคอจะเคล็ด เห็นคนทำท่าเป็นลูกแมวถูกขัดใจแล้วคุณหมอหนุ่มก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างประหลาด


    “อุ้ยพี่ธี กระดุมหลุด มาค่ะเดี๋ยวจันทร์เจ้าติดให้” ว่าแล้วมือเรียวสวยของคนมาใหม่ก็ช่วยคุณหมอหนุ่มติดกระดุมราวกับคุ้นเคยกันมานาน
    มนต์อัปสรเห็นภาพสนิทสนมนั้นแล้วแทบลงไปนอนดิ้น ได้แต่มองอกล่ำของคุณหมอหนุ่มด้วยความอาวรณ์  ‘งื้อกล้าดีอย่างไรมาติดกระดุมเสื้อคุณธีขาของหนูมิลค์ งื้อ เอาอาหารสายตาของเค้าคืนมานะ’


    ธีรักษ์เมื่อเห็นหน้ามุ่ยๆของลูกแมวเจ็ดสีที่มองมาด้วยความตัดพ้อ เจ้าตัวก็เบี่ยงตัวออกจากคนมาใหม่อย่างสุภาพพร้อมถือโอกาสแนะนำให้มนต์อัปสรรู้จัก


    “มนต์อัปสรนี่คุณจันทร์เจ้าเพื่อนแล้วก็คนที่จะมาคุยธุระวันนี้ จันทร์เจ้าครับนี่มนต์อัปสร”


    มนต์อัปสรไหว้อย่างนอบน้อมเกินจริงตามประสาคนมือไม้อ่อน  ไม่ได้ต้องการเน้นให้อีกฝ่ายเห็นว่าอายุตัวเองมากกว่าจริงๆนะ


    “อุ้ยคราวหน้าไม่ต้องไหว้ก็ได้นะคะ อายุเราคงห่างกันไม่มาก”คนพูดตอบด้วยน้ำเสียงหวานเจี๊ยบ แม้ต่อมหมั่นไส้กำลังทำงานเมื่อจันทร์เจ้าเห็นเสื้อสูทตัวใหญ่ที่มนต์อัปสรสวมอยู่


    “จะดีหรือคะ”


    “ดีซิคะเชื่อจันทร์เจ้า”


    “เชื่อป้าเค้าไปเถอะค่ะหนูมิลค์ ” กรเทพอดแขวะคนกลัวแก่ไม่ได้


    นั่นทำให้คำกลัวแก่เหวี่ยงค้อนให้หนึ่งที ก่อนจะเดินนวยนาดมาที่โซฟา

    
    “ว่าแต่พี่หมอธีเปลี่ยนโชฟาใหม่หรือคะ  คราวที่แล้วจันทร์เจ้าจำได้ว่าผิวโซฟาไม่ได้นุ่มแบบนี้นี่คะ” พอทิ้งตัวนั่งบนโซฟาคนมาใหม่ก็ตั้งคำถามทันที


    คุณหมอหนุ่มนิ่งไม่ตอบ  กลับเป็นกรเทพที่คันปากยิบๆอยากตอบคนถามเหลือเกินว่า ไม่แคล้วพี่ท่านคงเปลี่ยนเพื่อเอาใจลูกแมวที่นั่งทำท่าจะเป็นจะตายอยู่บนโซฟานั่นแหละ  ดูรอบตัวเจ้าหล่อนมีทั้งหมอนทั้งเสื้อสูทไหนยังโซฟาที่ทั้งนิ่มทั้งสบาย  ร้อยวันพันปีรักษ์เคยจะใส่ใจเฟอร์นิเจอร์รอบตัวที่ไหนกัน


    “เราไปคุยกันที่ห้องประชุมเล็กดีกว่าครับจันทร์เจ้า”


    “ค่ะ” แม้จะสงสัยเพราะปกติก็คุยกันง่ายๆที่ห้องนี้   แต่จันทร์เจ้าก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร


    “คุณรอผมก่อนนะ”  พอเห็นท่าพยักหน้าหงอยๆของลูกแมวเจ็ดสี  คุณหมอหนุ่มก็พูดเสียงอ่อน “เสร็จแล้วเดี๋ยวเรากลับบ้านกัน”

    
    “ไม่เป็นไรนะคะคุณธีขา  ไม่ต้องรีบเพื่อหนูมิลค์นะคะ   สำหรับคุณธีขานานแค่ไหนหนูมิลค์ก็รอได้ค่ะ” ทั้งแทบนอนไปดิ้นที่มีคนใหม่มาถึงเนื้อถึงตัวคุณธีขาของเจ้าหล่อนแต่มนต์อัปสรก็ไม่หลุดฟอร์มทั้งออดทั้งอ้อนทั้งออเซาะ


    “เอางี้เดี๋ยวเรารออยู่กับหนูมิลค์ที่ห้องนี้เองดีไหม ว่าไงคะหนูมิลค์ระหว่างรอธีกับน้องจันทร์เจ้าคุยกันเรามาซ้อมเต้นกันไปพลางๆก่อนดีไหม”


       ‘ไม่ดีค่า คุณหมอพี่กรจะปล่อยให้คุณธีขาของหนูมิลค์นั่งอยู่สองต่อสองกับผู้หญิงที่ชอบมาถึงเนื้อถึงตัวคนอื่นได้ยังไงหนูมิลค์ไม่ยอม แอร๊ย’ มนต์อัปสรกรีดร้องในใจอย่างดุเดือด แม้ว่าเจ้าหล่อนจะรักการเต้นขนาดไหน แต่ว่าผู้ชายเอ้ย สวัสดิภาพของคุณธีขาสำคัญที่สุดดังนั้น  แทนที่มนต์อัปสรจะฮุบเหยื่อที่กรเทพหย่อนล่อ เจ้าหล่อนจึงปฏิเสธเสียงหวาน ตีหน้าใสซื่อ


    “น้องมิลค์ต้องขอบพระคุณคุณหมอพี่กรมากนะคะที่เป็นห่วงหนูมิลค์” พร้อมยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย  “แต่ไม่เป็นไรหนูมิลค์อยู่ได้จริงๆค่ะ”  ‘คุณหมอพี่กรไปเป็นเพื่อนคุณธีของหนูมิลค์ดีกว่านะคะ’ ประโยคนี้เจ้าหล่อนได้แต่ต่ออยู่ในใจ


    คำตอบของลูกแมวสีทำให้ธีรักษ์มองคนนั่งจุ้มปุ๊กทำท่าเป็นผู้เสียสละอยู่บนโซฟาด้วยแววตาเอ็นดู


    “ทางนี้ครับจันทร์เจ้า  ไปกร”


    นั่นแหละคนที่นั่งมองเหตุการณ์เงียบๆอย่างจันทร์เจ้าจึงลุกจากโซฟาเดินไปเกาะแขนธีรักษ์อย่างคุ้นเคย แต่ไม่วายปรายตาไปมองมนต์อัปสรด้วยสายตาไม่สบอารมณ์นัก  โดยเฉพาะยามเห็นสองหนุ่มในห้องคอยเอาอกเอาใจแม่คนที่ทำเป็นอายุน้อยกว่า ไหนยังจะท่าทางอ่อนโยน ห่วงหวงอย่างไม่คิดจะปิดบังของธีรักษ์ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะแสดงกับใครแม้แต่ตัวหล่อนเอง  เห็นแล้วมัน... ‘หมั่นไส้ เชอะ ทำมาเป็น...หน้าเด็กเที่ยวได้ออดอ้อนคนนั้นทีคนนี้ที คอยดูเถอะเราจะได้เห็นดีกัน’


    ฝ่ายมนต์อัปสรก็ไม่รับรู้ถึงกระแสความหมั่นไส้ที่จันทร์เจ้าส่งมา  เพราะในสมองน้อยๆตอนนี้มีแต่ความอิจฉาที่คนมาใหม่อย่างจันทร์เจ้าได้เกาะเกี่ยวแขนล่ำๆของคุณหมอธีขา ‘คุณธีขาใจร้าย ยอมให้คุณจันทร์เจ้าเกาะได้ไง ทีหนูมิลค์เกาะนิดเกาะหน่อยทำเป็นบ่น เช้อ เค้าจะงอนจริงๆแล้วด้วย’  


    กว่าที่ธีรักษ์ จันทร์เจ้า และกรเทพจะคุยเรื่องการหาทุนสำหรับผ่าตัดและรักษาเด็กที่ป่วยเป็นโรคหัวใจก็กินเวลาร่วมชั่วโมง  ดังนั้นพอทุกคนออกมาจากห้องประชุมภาพที่เห็นคือมนต์อัปสรนอนคุดคู้ขดตัวอยู่กับเสื้อสูทของธีรักษ์ด้วยท่าทางมีความสุข  


    “คุณ คุณ กลับบ้านเถอะ”


    “คุณธีขากลับมาแล้ว” มนต์อัปสรแม้จะยังสะลึมสะลือแต่เจ้าหล่อนก็ไม่วายทำหน้าดี๊ด๊าสุดชีวิต นี่ถ้าไม่กลัวโดนดุจะกระโดดไปซบอกล่ำๆให้หนำใจ แต่ในเมื่อทำไม่ได้เจ้าหล่อนจึงได้แต่เดินตุปัดตุเป๋เตรียมจะไปที่กระเป๋าใส่ชุดเต้นของเจ้าหล่อน  ถ้าไม่ถูกมือเรียวสวยแข็งแรงของคุณหมอโรคหัวหนุ่มคว้าไว้ก่อน


    “กระเป๋าคุณอยู่นี่”


    “มาค่ะคุณธีขาส่งกระเป๋ามาเดี๋ยวหนูมิลค์หิ้วเอง”


    “ไม่เป็นไร คุณเดินให้ตรงทางก็พอแล้วล่ะ”


    “แต่...” พอเห็นตาดุๆของคุณหมอหนุ่ม มนต์อัปสรก็หน้ามุ่ย


    “ใครจะเดินทางไปไหนหรือคะ” จันทร์เจ้าที่มองอยู่อดถามไม่ได้เมื่อเห็นธีรักษ์จูงกระเป๋าเดินทางมีล้อลากใบค่อนข้างใหญ่


    “ไม่มีใครไปไหนหรอกครับ  ใบนี้กระเป๋าของมนต์อัปสรเค้า”


    “แหม จันทร์เจ้าก็นึกว่ามีใครจะไปไหนซะอีกค่ะ ว่าแต่น้องมิลค์ของเยอะนะคะ พี่นึกว่าย้ายบ้านซะอีก”


    มนต์อัปสรนอกจากจะไม่เข้าใจว่าโดนจิกกัด เจ้าหล่อนยังตอบกลับแบบหน้าชื่นตาบานจีบปากจีบคอพูดแถมท้ายด้วยฟ้องคนถามอีกว่า “พอดีช่วงนี้ใกล้งานโรงเรียนค่ะ  หนูมิลค์เลยต้องเตรียมเสื้อผ้า อุปกรณ์นู้นนี้นั่นไปซ้อมด้วยช่วงนี้ของเลยเยอะไปหน่อยค่ะ   แล้วคุณธีขาก็ชอบแย่หนูมิลค์ถือกระเป๋าเรื่อยเลย ห้ามก็ไม่ฟัง หนูมิลค์เลยต้องเปลี่ยนเป็นกระเป๋าล้อลาก”


    “ว่าแต่ไม่ลำบากเวลาหิ้วขึ้นลงบันไดหรือคะหนูมิลค์” กรเทพอดถามไม่ได้เมื่อเห็นขนาดกระเป๋าที่ค่อนข้างใหญ่


    “หนูมิลค์ไม่ลำบากค่ะ เพื่อสวัสดิภาพของมือคุณธีขาลำบากแค่ไหนหนูมิลค์ก็ทนได้ค่า” คุณพูดทำหน้าราวกับนางเอกผู้เสียสละได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุดในสายตาของจันทร์เจ้า


    “มือ” กรเทพทวนคำอย่างไม่เข้าใจนัก


    “ใช่ค่ะ มือ ก็คุณธีต้องผ่าตัดจะมาถือของหนักๆได้อย่างไรคะ  ไม่ได้เด็ดขาดมือหมอผ่าตัดก็เหมือนมือนักเปียนโนเกิดบาดเจ็บนิ้วล็อคไปล่ะลำบากแย่เลยนะคะ” มนต์อัปสรพูดอย่างเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดเต็มที่ ก่อนจะก้มหน้าไปหาของในกระเป๋าสะพายใบเล็กของตัวเอง    


    จันทร์เจ้าได้ฟังแล้วแอบเหยียดปากเล็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ 'ชิ เอาหน้า แล้วดู๊ดูทั้งพี่หมอธีทำเป็นเก๊กขรึมแต่ดูสายตาสิเห็นแล้วหมั่นไส้ที่สุด'  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนๆอย่างใจดี  เมื่อมนต์อัปสรเงยหน้าจากกระเป๋าขึ้นมาถาม    “เสาร์นี้ช่วงค่ำคุณพี่จันทร์เจ้าว่างไหมคะ”


    “ไม่แน่ใจขอพี่เช็คดูก่อนนะคะ  ว่าแต่น้องมิลค์มีอะไรหรือเปล่าคะ”คนพูพลางยกมือถือสุดไฮโซรุ่นล่าสุดมากรีดกรายเช็คตารางเวลานัดหมายของตน


    มนต์อัปสรยิ้มหวาน”พอดีเสาร์นี้มีงานโรงเรียนค่ะหนูมิลค์เลยจะชวนคุณพี่จันทร์เจ้าให้ไปเป็นกำลังใจให้โชว์เต้นครั้งแรกของหนูมิลค์ค่ะ  แต่ไม่ต้องกลัวเหงานะคะเพราะว่างานนี้ พี่กรก็ไป คุณพี่ดาริน คุณลุงเทพก็ไปค่ะ”


    “อุ้ย น้องมิลค์จะแสดงด้วยหรือคะนี่” จันทร์เจ้าอุทานอย่างมีจริต “พี่ไปแน่นอนค่ะงานของน้องมิลค์ทั้งทีถ้าพลาดพี่คงเสียดายแย่ ข่าวว่าน้องมิลค์เต้นสวยมาก ”


    “แหมพี่จันทร์เจ้าชมแบบนี้หนูมิลค์เขิ้นเขิน”  นอกจากมนต์อัปสรจะไม่ปฏิเสธยังถือโอกาสหาเศษหาเลยด้วยการเอาหน้าไปคลอเคลียกับต้นแขนของธีรักษ์ที่ยังคงจับจูงมือของเจ้าหล่อนอยู่


        “หนูมิลค์เขินน่ารักนะคะ”  แต่ในใจเบ้ปากอย่างมั่นไส้ 'ชิ ทำเป็นแอ๊บ ฉันพูดตามมารยาทย่ะหล่อน'



หายไปนานเลยค่า   ว่าแต่อ่านแล้วเป็นอย่างไรอย่าลืมบอกกันบ้างนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่