ถอด...ชิ้นที่สิบสี่ (ครึ่งแรก ยั่วยวน)
เสร็จจากการผ่าตัดคุณหมอหนุ่มก็เร่งฝีเท้ากลับห้องทำงานด้วยความเป็นห่วงคนที่รอเขาอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องวานคนอื่นลงไปเก็บลูกแมวตัวยุ่งขึ้นมาทิ้งไว้ที่ห้องทำงาน พอถึงหน้าห้องคุณหมอหนุ่มก็ต้องถอนใจ กำลังเตรียมจะดุคนที่เปิดประตูห้องทิ้งไว้ ก็ชะงักกับภาพที่เห็น
ลูกแมวตัวเจ็ดสีที่แปลงร่างเป็นนางแมวจอมยั่วยวนนอนราบบนพื้นพรม โดยมีกรเทพนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ตรงหน้า และที่ร้ายกว่านั้นเจ้าหล่อนวางเท้าทั้งสองขางบนต้นขาซ้ายขวาของกรเทพ ยกสะโพกเหนือพื้นแล้วหมุนเป็นวงกลมเข้ากับจังหวะเพลงช้าเร้าอารมณ์ ทำให้หน้าของคุณหมอหนุ่มหน้าเรียบตึงกำมือแน่นไม่รู้ตัว
กรเทพที่นั่งเป็นตุ๊กตาให้มนต์อัปสรซ้อมเต้นรู้สึกราวกับว่าบรรยากาศยั่วยวนที่คนนอนอยู่บนพื้นสร้างขึ้นถูกแทนที่ด้วยรังสีอำมหิตบางอย่างจนต้องเหลียวมองรอบตัว แล้วก็เจอกับสายตาพิฆาตของเจ้าของห้องที่มองมา คนนั่งเห็นท่าไม่ดีได้แต่ส่งยิ้มแหยๆเป็นทัพหน้า
พอดีกับที่มนต์อัปสรใช้เท้าสปริงตัวจากตักของกรเทพม้วนตัวเป็นนอนคว่ำ แล้วใช้แขนดันตัวขึ้นจากพื้นโดยเริ่มจากสะโพกกลมมนขึ้นสูงให้อกและใบหน้าไล้ไปกับพื้นช้าๆ ตามด้วยท่าลุกชวนเลือดกำเดากระฉูดโดยใช้สองมือน้อยดันพื้นส่งตัวขึ้นยืน แล้วยกตัวขึ้นโดย
วตัวมาทางซ้ายค่อยไล้มือขึ้นมาตามเรียวขาทิ้งสายตามาด้านหลังอย่างยั่วยวน
“มนต์อัปสร” เสียงดุของธีรักษ์นอกจากจะหยุดการเต้นชวนเลือดกำเดากระฉูดของเจ้าหล่อนแล้ว ยังเปลี่ยนให้แม่เสือสาวเมื่อครู่กลายร่างเป็นลูกแมวน้อยในฉับพลัน
“คุณธีขากลับมาแล้ว” มนต์อัปสรยิ้มร่าวิ่งไปหาคนหน้าห้องอย่างดีใจ
“อย่างวิ่งระวังล้ม” แม้ธีรักษ์หมั่นเขี้ยวคนที่วิ่งดุ๊กดิ๊กมาหาแต่ก็อดเตือนอย่างเป็นห่วงไม่ได้เมื่อเห็นท่าวิ่งไม่มั่นคงของลูกแมวที่ต่อขาด้วยส้นสูงปรี๊ด
ไม่ทันขาดคำลูกแมวใส่ส้นสูงก็เซแซดๆ จนคนเตือนต้องรีบประคอง ฝ่ายคนสะดุดอากาศก็พยายามทำท่าอ่อนระทวยเพื่อจะได้กระแซะอกล่ำๆให้หนำใจ ตามประสาคนแพ้อกล่ำยิ่งวันนี้เห็นคุณหมอหนุ่มติดกระดุมเสื้อเชิ้ตไม่คอยเรียบร้อยนักเจ้าหล่อนก็ตีความตามประสาคนมองโลกเข้าข้างตัวเองว่า ‘คุณธีขาคงรีบมาหาหนูมิลค์แน่ๆเลย แอร๊ย เขิน’
ธีรักษ์มองคนที่ทำตัวอ่อนแต่คอยืดยาวพยายามเอาหน้ามาไถอกเขาอย่างอ่อนใจ ไอ้ที่จะดุก็ดุไม่ออก เพราะคาดว่าดุไปก็เท่านั้นคนตรงหน้าก็คงไม่แคล้วทำหน้าหนูไม่รู้ตามประสา ขณะที่ไม่รู้จะทำอะไรกับลูกแมวตัวแสบที่พยายามจะคลอเคลียเขาอยู่ เจ้าตัวก็เริ่มฉอเลาะทันที
“คุณธีขาเหนื่อยไหมคะ หิวหรือเปล่า”
“ผมยังไม่หิว คุณทานอะไรหรือยัง” แม้จะหมั่นเขี้ยวคนที่พยายามมาคลอเคลียนัวเนียอกแค่ไหน แต่ก็อดเป็นห่วงลูกแมวตัวยุ่งไม่ได้
“ยังค่ะ”คนพูดส่ายหัวด๊อกแด๊กประกอบ
“ถ้าหิวคุณทานก่อนได้เลยไม่ต้องรอผม”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เห็นคุณธีหนูมิลค์ก็หายหิวข้าวแล้วค่ะ” คนช่างอ้อนหยอดคำหวานตามประสา พยายามจะยืดหน้าไปคลอเคลียอกล่ำแต่ก็ไม่สำเร็จ ได้แต่ทำหน้ามุ้ยอย่างขัดใจ ‘หนูมิลค์ไม่หิวข้าวแต่หิวไออุ่นจากคุณธีขานี่น่า งื้อ ไม่น่าใส่ส้นสูงเลยเรากะจังหวะพลาดเลย” มนต์อัปสรคิดในใจอย่างเข่นเขี้ยว
“คุณยืนดีๆ มีแขกมองอยู่เห็นไหม” ธีรักษ์เตือนเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าลูกแมวต่อขายังไม่ละความพยายามจะหาเศษหาเลยจากอกเขา
มนต์อัปสรยอมละความพยายามที่จะหาเศษหาเลยอย่างจำใจ แต่มือยังคงนัวเนียไม่ยอมปล่อยท่อนแขนแข็งแรงของคุณหมอหนุ่มง่ายๆ
“มานานแล้วหรือกร” เจ้าของห้องถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่สายตากับสีหน้าที่เย็นเยียบทำเอากรเทพอดหนาวๆร้อนไม่ได้
“เพิ่งมาได้แป๊บเดียวเองพอดีเจอหนูมิลค์” กรเทพพาดพิงอีกคนในห้องเพื่อหวังจะให้มาช่วยกันพูดให้เขารอดพ้นจากสายตาอำมหิตของเพื่อน แต่...นิ่ง พอมองไปที่คนต้นเรื่อง นั่นเจ้าหล่อนทำเป็นเดินกระย่องกระแย่งพร้อมที่จะล้มตลอดเวลาราวกับไม่เคยเดินบนส้นสูงมากก่อนจนต้องอาศัยแขนของเพื่อนเขาเป็นที่เกาะ ช่างต่างกับเมื่อกี้ที่ขอให้เขาเป็นหุ่นซ้อมเต้นลิบลับ แถมสายตาก็ไม่เหลือบแลมาทางเขาเลย เอาแต่จ้องมองอกเพื่อนด้วยสายตาเคลิ้มฝัน
“หนูมิลค์เลยขอให้ฉันเป็นหุ่นซ้อมเต้นงาน งานอะไรนะหนูมิลค์” นิ่ง ไม่มีสัญญานตอบรับจากมนต์อัปสรเจ้าหล่อนยังคงจ้องอกเพื่อนของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดกรเทพก็ทนไม่ไหว
“ธีเราว่านายติดกระดุมให้เรียบร้อยก่อนดีไหม” พลางบุ้ยใบไปที่คนข้างตัว
ธีรักษ์มองตามสายตาเพื่อนมาที่คนข้างตัวเห็นท่าทางราวกับลูกแมวหิวโซนั่งมองชามนมด้วยความอยากกินแต่กินไม่ได้ “โทษทีพอดีเรารีบน่ะ เพิ่งผ่าตัดเสร็จ”
คุณหมอหัวใจติดกระดุมสองสามเม็ดบนที่ไม่เรียบร้อยด้วยท่าทางเรียบเรื่อย โดยมีมนต์อัปสรด้วยสายตาละห้อย แว่บหนึ่งกรเทพเห็นธีรักษ์มองคนข้างตัวด้วยแววตารื่นเริงราวกับสนุกสนานที่ได้หยอกเย้าลูกแมวตัวน้อย
“ว่าไงนะคะหนูมิลค์ งานอะไรนะคะ” กรเทพถามย้ำอีกครั้ง
....^^ A Little Strip To Tease Your Heart...ถอดทีละนิดพิชิตใจ (ถอด...ชิ้นทีสิบสี่ ยั่วยวน+ลูกล่อลูกชนของคนขี้หวง)
เสร็จจากการผ่าตัดคุณหมอหนุ่มก็เร่งฝีเท้ากลับห้องทำงานด้วยความเป็นห่วงคนที่รอเขาอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องวานคนอื่นลงไปเก็บลูกแมวตัวยุ่งขึ้นมาทิ้งไว้ที่ห้องทำงาน พอถึงหน้าห้องคุณหมอหนุ่มก็ต้องถอนใจ กำลังเตรียมจะดุคนที่เปิดประตูห้องทิ้งไว้ ก็ชะงักกับภาพที่เห็น
ลูกแมวตัวเจ็ดสีที่แปลงร่างเป็นนางแมวจอมยั่วยวนนอนราบบนพื้นพรม โดยมีกรเทพนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ตรงหน้า และที่ร้ายกว่านั้นเจ้าหล่อนวางเท้าทั้งสองขางบนต้นขาซ้ายขวาของกรเทพ ยกสะโพกเหนือพื้นแล้วหมุนเป็นวงกลมเข้ากับจังหวะเพลงช้าเร้าอารมณ์ ทำให้หน้าของคุณหมอหนุ่มหน้าเรียบตึงกำมือแน่นไม่รู้ตัว
กรเทพที่นั่งเป็นตุ๊กตาให้มนต์อัปสรซ้อมเต้นรู้สึกราวกับว่าบรรยากาศยั่วยวนที่คนนอนอยู่บนพื้นสร้างขึ้นถูกแทนที่ด้วยรังสีอำมหิตบางอย่างจนต้องเหลียวมองรอบตัว แล้วก็เจอกับสายตาพิฆาตของเจ้าของห้องที่มองมา คนนั่งเห็นท่าไม่ดีได้แต่ส่งยิ้มแหยๆเป็นทัพหน้า
พอดีกับที่มนต์อัปสรใช้เท้าสปริงตัวจากตักของกรเทพม้วนตัวเป็นนอนคว่ำ แล้วใช้แขนดันตัวขึ้นจากพื้นโดยเริ่มจากสะโพกกลมมนขึ้นสูงให้อกและใบหน้าไล้ไปกับพื้นช้าๆ ตามด้วยท่าลุกชวนเลือดกำเดากระฉูดโดยใช้สองมือน้อยดันพื้นส่งตัวขึ้นยืน แล้วยกตัวขึ้นโดย วตัวมาทางซ้ายค่อยไล้มือขึ้นมาตามเรียวขาทิ้งสายตามาด้านหลังอย่างยั่วยวน
“มนต์อัปสร” เสียงดุของธีรักษ์นอกจากจะหยุดการเต้นชวนเลือดกำเดากระฉูดของเจ้าหล่อนแล้ว ยังเปลี่ยนให้แม่เสือสาวเมื่อครู่กลายร่างเป็นลูกแมวน้อยในฉับพลัน
“คุณธีขากลับมาแล้ว” มนต์อัปสรยิ้มร่าวิ่งไปหาคนหน้าห้องอย่างดีใจ
“อย่างวิ่งระวังล้ม” แม้ธีรักษ์หมั่นเขี้ยวคนที่วิ่งดุ๊กดิ๊กมาหาแต่ก็อดเตือนอย่างเป็นห่วงไม่ได้เมื่อเห็นท่าวิ่งไม่มั่นคงของลูกแมวที่ต่อขาด้วยส้นสูงปรี๊ด
ไม่ทันขาดคำลูกแมวใส่ส้นสูงก็เซแซดๆ จนคนเตือนต้องรีบประคอง ฝ่ายคนสะดุดอากาศก็พยายามทำท่าอ่อนระทวยเพื่อจะได้กระแซะอกล่ำๆให้หนำใจ ตามประสาคนแพ้อกล่ำยิ่งวันนี้เห็นคุณหมอหนุ่มติดกระดุมเสื้อเชิ้ตไม่คอยเรียบร้อยนักเจ้าหล่อนก็ตีความตามประสาคนมองโลกเข้าข้างตัวเองว่า ‘คุณธีขาคงรีบมาหาหนูมิลค์แน่ๆเลย แอร๊ย เขิน’
ธีรักษ์มองคนที่ทำตัวอ่อนแต่คอยืดยาวพยายามเอาหน้ามาไถอกเขาอย่างอ่อนใจ ไอ้ที่จะดุก็ดุไม่ออก เพราะคาดว่าดุไปก็เท่านั้นคนตรงหน้าก็คงไม่แคล้วทำหน้าหนูไม่รู้ตามประสา ขณะที่ไม่รู้จะทำอะไรกับลูกแมวตัวแสบที่พยายามจะคลอเคลียเขาอยู่ เจ้าตัวก็เริ่มฉอเลาะทันที
“คุณธีขาเหนื่อยไหมคะ หิวหรือเปล่า”
“ผมยังไม่หิว คุณทานอะไรหรือยัง” แม้จะหมั่นเขี้ยวคนที่พยายามมาคลอเคลียนัวเนียอกแค่ไหน แต่ก็อดเป็นห่วงลูกแมวตัวยุ่งไม่ได้
“ยังค่ะ”คนพูดส่ายหัวด๊อกแด๊กประกอบ
“ถ้าหิวคุณทานก่อนได้เลยไม่ต้องรอผม”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เห็นคุณธีหนูมิลค์ก็หายหิวข้าวแล้วค่ะ” คนช่างอ้อนหยอดคำหวานตามประสา พยายามจะยืดหน้าไปคลอเคลียอกล่ำแต่ก็ไม่สำเร็จ ได้แต่ทำหน้ามุ้ยอย่างขัดใจ ‘หนูมิลค์ไม่หิวข้าวแต่หิวไออุ่นจากคุณธีขานี่น่า งื้อ ไม่น่าใส่ส้นสูงเลยเรากะจังหวะพลาดเลย” มนต์อัปสรคิดในใจอย่างเข่นเขี้ยว
“คุณยืนดีๆ มีแขกมองอยู่เห็นไหม” ธีรักษ์เตือนเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าลูกแมวต่อขายังไม่ละความพยายามจะหาเศษหาเลยจากอกเขา
มนต์อัปสรยอมละความพยายามที่จะหาเศษหาเลยอย่างจำใจ แต่มือยังคงนัวเนียไม่ยอมปล่อยท่อนแขนแข็งแรงของคุณหมอหนุ่มง่ายๆ
“มานานแล้วหรือกร” เจ้าของห้องถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่สายตากับสีหน้าที่เย็นเยียบทำเอากรเทพอดหนาวๆร้อนไม่ได้
“เพิ่งมาได้แป๊บเดียวเองพอดีเจอหนูมิลค์” กรเทพพาดพิงอีกคนในห้องเพื่อหวังจะให้มาช่วยกันพูดให้เขารอดพ้นจากสายตาอำมหิตของเพื่อน แต่...นิ่ง พอมองไปที่คนต้นเรื่อง นั่นเจ้าหล่อนทำเป็นเดินกระย่องกระแย่งพร้อมที่จะล้มตลอดเวลาราวกับไม่เคยเดินบนส้นสูงมากก่อนจนต้องอาศัยแขนของเพื่อนเขาเป็นที่เกาะ ช่างต่างกับเมื่อกี้ที่ขอให้เขาเป็นหุ่นซ้อมเต้นลิบลับ แถมสายตาก็ไม่เหลือบแลมาทางเขาเลย เอาแต่จ้องมองอกเพื่อนด้วยสายตาเคลิ้มฝัน
“หนูมิลค์เลยขอให้ฉันเป็นหุ่นซ้อมเต้นงาน งานอะไรนะหนูมิลค์” นิ่ง ไม่มีสัญญานตอบรับจากมนต์อัปสรเจ้าหล่อนยังคงจ้องอกเพื่อนของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดกรเทพก็ทนไม่ไหว
“ธีเราว่านายติดกระดุมให้เรียบร้อยก่อนดีไหม” พลางบุ้ยใบไปที่คนข้างตัว
ธีรักษ์มองตามสายตาเพื่อนมาที่คนข้างตัวเห็นท่าทางราวกับลูกแมวหิวโซนั่งมองชามนมด้วยความอยากกินแต่กินไม่ได้ “โทษทีพอดีเรารีบน่ะ เพิ่งผ่าตัดเสร็จ”
คุณหมอหัวใจติดกระดุมสองสามเม็ดบนที่ไม่เรียบร้อยด้วยท่าทางเรียบเรื่อย โดยมีมนต์อัปสรด้วยสายตาละห้อย แว่บหนึ่งกรเทพเห็นธีรักษ์มองคนข้างตัวด้วยแววตารื่นเริงราวกับสนุกสนานที่ได้หยอกเย้าลูกแมวตัวน้อย
“ว่าไงนะคะหนูมิลค์ งานอะไรนะคะ” กรเทพถามย้ำอีกครั้ง