มีเรื่องทุกข์มาก อยากร้องทุกข์ถึงความไม่ยุติธรรมของระบบศาล

มีเรื่องทุกข์มาก อยากร้องทุกข์ถึงความไม่ยุติธรรมของระบบศาล
อาจยาวนิดนึง แต่มันคือความจริงของสังคม เรื่องความยุติธรรม ไม่มีในสังคมไทย
          ดิฉันเป็นคนทำงานโรงงานธรรมดา แม่ดิฉันตอนนี้อายุ 60 ปี จบแค่ ป.4 อ่านหนังสือพอได้แต่ไม่ทุกคำ เคยเป็นคนใช้ของครอบครัวนามสกุลดังในวงราชการ มา 10 ปี ซึ่งบ้านนี้จะมีแม่บ้าน 4 คน อีก 2 คนเป็นพี่เลี้ยงเด็กเพราะบ้านนี้เพิ่งแต่สะใภ้และได้หลานตั้งแต่ปี 2545 ถึง 2554 เมื่อปลายปี 2554 ตอนนั้นแม่ดิฉันอายุ 58 ปี โดนแจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ซึ่งนายจ้างไม่ให้แม่บอกดิฉันจนวันสุดท้านที่รู้เรื่องคือ แม่จะโดนเอาเข้าคุกแล้วจึงโทรหาดิฉัน ตอนนั้นดิฉันอยู่ต่างจังหวัดเลยขึ้นกรุงเทพในทันที สภาพที่เจอคือ แม่ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าและท่านยังอยู่ในห้องสอบสวน ตั้งแต่ 8.00 น. จนถึงเวลา 22.00 น. ตำรวจสน.หัวหมากได้ปล่อยตัวแม่ดิฉันออกมา ดิฉันเดินไปรับแม่ " จับแขนแม่ แล้วบอกว่า แม่เหมี่ยวมารับแล้ว แม่กินข้าวยัง เหมี่ยวซื้อนมมาให้ แม่หันมาแล้วบอกว่ายังไม่ได้กินตั้งแต่เช้า นี้มัน 4 ทุ่มแล้วน่ะแม่ กินนมก่อน แม่หันหน้ามาพยักหน้า  " ดิฉันเห็นว่าแม่เห็นแล้ว จึงปล่อยมือ แต่พอปล่อยมือปุ๊บ ท่านเดินลงจาก สน.หัวหมาก ตรงไปที่ถนน ดิฉันต้องวิ่งตามลงไปและคว้าแขนท่านก่อนถึงถนนไม่งั้นท่านคงโดนรถชน ดิฉันยอมรับว่าตอนนั้นที่เห็นแม่เบลอแบบนั้น ยอมรับว่าโกรธคนที่ทำกัับแม่แบบนั้นมาก ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง แม่บ้านอีกคนได้เก็บข้าวของหนีไปหลังจากเกิดเรื่องแค่ 2 อาทิตย์
           หลังจากรับแม่กลับบ้านที่ต่างจังหวัดได้เดือนกว่า ตำรวจสืบสวนพิเศษได้ไปค้นที่บ้านได้ไปเจอแบงค์ร้อย และ แบงค์สิบ เก่าที่แม่ไปซื้อของที่ตลาดแล้วได้มา ทางนั้นก็อ้างว่าเป็นของเค้าที่หาย แม่กระทั้งของเล่นลูกดิฉันยังอ้างว่าขโมยมาจากบ้านคนรวย
           ดิฉันสู้คดีโดยขึ้นศาลชั้นต้นแขวงพระโขนง โดยข้อหาที่แม่โดนคือ ลักทรัพย์นายจ้างโดยการงัดแงะทำให้สิ่งป้องกันเกิดความเสียหาย และ รับของโจร ในตอนแรกศาลไม่สั่งฟ้องด้วยหลักฐานด้านพยานเห็นไม่มี มีเพียงสร้อยคริสตัน กับ แบงค์ บาท และ สิบบาทโบราณ ซึ่งทางนั้นอ้างว่าเป็นของครอบครัวราชการนามสกุลดัง แต่ทางฝั่งครอบครัวราชการนามสกุลดังได้ทำข้อมูลหลักฐานมาใหม่ด้วยการเพิ่มรายการของหายเป็น 10 รายการ รวมมูลค่า 600,000 แสนกว่าบาท  ศาลสั่งฟ้อง  
           ในวันที่ดิฉันพาแม่ไปที่ศาลพระโขนง ทางศาลได้พยายามกล่อมให้แม่ดิฉันรับเรื่องจะได้จบเร็วๆ แต่แม่บอกไม่ได้เอาไปจึงไม่รับ จึงต้องทำเรื่องประกันทางศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวเท่ากับวงเงินของทั้งหมดที่แจ้งหาย คือ 600,000 บาท ซึ่งเท่าที่ดิฉันอ่านหนังสือกฏหมายและคุยกับทนาย วงเงินประกันไม่เกิน 150,000 บาท แม้ว่าจะร้ายแรงขนาดไหนก็ตามในประเด็น " ลักทรัพย์นายจ้างโดยการงัดแงะทำให้สิ่งป้องกันเกิดความเสียหาย และ รับของโจร "   ดิฉันเตรียมเงินไปไม่พอ แม่ต้องเข้าไปนอนในเรือนจำ ในวันนั้นดิฉันต้องรีบกลับมาที่ชลบุรีเพื่อหาเงินเพิ่มเป็น 200,000 บาทเพื่อประกันตัวแม่ ตอนนั้งรถกลับมาดิฉันเสียใจมากที่ช่วยแม่ไม่ได้และเห็นหน้าท่านแบบนั้น คนที่ไม่เคยเจออาจจะนึกไม่ออก มันเจ็บปวดมาก นั่งร้องไห้มาตลอดทาง แล้ววันรุ่งขึ้นต้องไปเขียนหนังสือขอความอนุเคราะห์ต่อศาลว่า ดิฉันสามารถหาเงินได้เพียงแค่นี้ ศาลได้ให้ประกันตัวในวันนั้นดิฉันต้องไปรอรับแม่ที่ฑัณทสถานคลองเปริม ตอนกลางวันดิฉันไปเยี่ยมแม่ ตั้งใจจะเข้มแข็งไม่ให้ท่านเห็นน้ำตา แต่พอเห็นแม่ที่ผอมข้าวไม่กิน และคำพูดที่แม่พูดออกมาคือ " แม่ไม่อยากอยู่ในนี้ แม่ร้องไห้" เห็นแบบนั้นน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว หยดลงมาทันที ดิฉันพยายามบอกแม่ว่า " แม่ไม่ต้องห่วงเหมี่ยวประกันแล้วรอรับอยู่น่ะ เค้าจะปล่อยตอน 1 ทุ่ม " แม่พยักหน้า ตอนเย็นดิฉันรับแม่กลับ ซึ่งระหว่างรอขึ้นศาลชั้นต้น มีตำรวจตามมาถึงโรงงานมาค้นที่หอดิฉันและพี่สาวที่ชลบุรี และดิฉันจำได้ว่าตำรวจบอกว่าตำรวจจับแม่บ้านอีกคนที่หนีไปแล้วเจอตั๋วจำนำจากของที่หาย และที่มาค้นเพื่อหาตั๋วจำนำกับพวกดิฉันเช่นกัน แต่ก็ไม่เจออะไร
             ในการสืบสวนในศาลชั้นต้นมีการไตร่สวน 2 วัน  ดิฉันอยู่ด้วยตลอดในวันแรกสืบสวนฝั่งโจทย์ ดิฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่การให้การฝั่งโจทย์ขัดแย้งกันหลายอย่าง และสุดท้ายต้องไตร่สวน นายตำรวจยศใหญ่คนนึง แต่ได้รับคำตอบที่ว่า "ไม่ว่าง ขอมาให้การวันที่ 2 "ทางดิฉันไม่ติดขัดอะไร พอวันไตร่สวนรอบ 2 ฝั่งจำเลย และ นายตำรวจยศใหญ่อีก1คน พวกดิฉันจากการนั่งฝั่งการไตร่สวนมีความข้องใจหลายอย่าง หลักฐานรูปถ่ายทำขึ้นใหม่ไม่ใช่ ณ วันที่แจ้งจับแม่ดิฉัน เสื้อผ้า มือที่ชี้ทุกอย่างเป็นฝั่งโจทย์ทำขึ้นมา , ใบธนาบัตรโบราณที่อ้างว่าเป็นของเค้าเพราะเลขเรียงกันก็ไม่นำมาแสดงต่อศาล , ขอหลังฐานการเงินของแม่ทางธนาคารย้อยหลัง 5 ปี แล้วอ้างว่ายอดเงินสุดท้ายที่รวมมาใกล้เคียงมูลค่าของที่หาย ซึ่งแม่ดิฉัน เงินเดือน 8000 ถ้าย้อนหลัง 5 ปี จะเป็นเท่าไหร่ค่ะลองคิดดู สรุปศาลไม่ฟังความฝั่งดิฉันเลย ตัดสินแม่ผิดว่าขโมย ขอถามแบบคนไม่รู้ค่ะ ว่าไม่มีพยานชี้ตัวเลยว่าแม่ดิฉันขโมย ระบุช่วงเวลาที่ทรัพย์สินหายไม่ได้ จากหลักฐานตู้ที่ว่าโดนงัดแงะตามภาพไม่มีรอยเลย ทำไมถึงว่า แม่ดิฉันผิดด้วยข้อหาขโมย ดิฉันยื่นประกันต่อด้วยวงเงินเดิมคือ 200,000 บาท ยื่นอุทรณ์ต่อ ส่วนแม่บ้านอีกคนที่จับได้ แจ้งความแค่ว่าขโมนกระเป๋าเดินทาง 2 ใบเท่านั้น แล้วที่ตำรวจบอกวันที่มาค้นหอดิฉันละ " ตำรวจจับแม่บ้านอีกคนที่หนีไปแล้วเจอตั๋วจำนำจากของที่หาย "
                ศาลชั้นอุทรณ์คำสั่งลงใน 1 ปี ตัดสินให้แม่ผิดยืนตามศาลชั้นต้น ลงคำสั่งที่ว่า " แม่เป็นคนใช้ เคยเบิกเงินล่วงหน้า ยากจน มีโอกาสจะขโมยของ แต่ไม่ได้พิจารณาถึงคำค้านที่ทางฝั่งนั้นให้การไม่ตรงกัน หลักฐานไม่ได้นำไปแสดงในศาล " เสียใจรอบสองกับความอยุตธรรม แม่โดนนำตัวไปขัง ทนายได้บอกว่าให้เตรียมเงินประกันเพิ่มเผื่อ ดิฉันในตอนแรกก็ งง ยอมรับค่ะว่าคดีลักทรัพย์ประกันตัว 200,000 แล้วยังไม่พอหรอ แต่ดิฉันก็หาเพิ่มจาก 200,000 เป็น 250,000 ดิฉันรีบยื่นประกันต่อด้วยวงเงิน 250,000 บาท แต่ศาลชั้นต้นไม่ให้ประกัน ดิฉัน งง รอบสอง เพราะเหตุผลอะไร แล้วแม่ดิฉันละ ประชาสัมพันธ์ บอกว่า ต้องรอคำสั่งศาลฎีกา อีก 3 วัน ดิฉันเสียใจอีกรอบด้วยความรู้สึกว่าขนาดเตรียมเงินมา 250,000 ยังไม่สามารถช่วยแม่ได้ท่านต้องเข้าเรือนจำอีก 3 วัน ลองคิดถึงจิตใจคนเป็นลูกที่ช่วยแม่ไม่ได้ เมื่อครบ 3 วัน ดิฉันไปที่ศาลแต่เช้าเพื่อรอเจอแม่เพื่อบอกท่านว่าไม่ต้องกังวล ดิฉันรอจนถึงบ่าย 3 กว่าศาลจะอ่านคำสั่งว่าจะให้ประกันไหม ศาลบอกต้องเพิ่มเงิน เป็น 300,000 จากราคามูลค่าของที่หาย 600,000 ( มากเกินไปไหม ) และดิฉันต้องหาเงินเพิ่ม 50,000 บาท ใน 1 ชั่วโมง เพราะยื่นประกันตัวได้แค่ 4 โมงเย็น ในตอนนี้ดิฉันคิดในใจต้องกดเงินสดดิฉันก็จะทำเพื่อช่วยแม่ออกมาให้ได้ สุดท้ายดิฉันยืมเงินเพื่อนพ่อมาประกันแล้วขายทองที่มีในตัวเอาไปคืน ดิฉันประกันแม่ออกมาได้
                 หลังจากประกันแม่ออกมา ดิฉันได้ทำเรื่องฎีกาต่อ ยื่นฎีกาเมื่อ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เมื่อวานแม่โทรมาบอกว่ามีจดหมายจากศาลมา แจ้งว่า ให้นำตัวจำเลยและนายประกันมา ดิฉันคุยกับทนายเค้าบอกว่าน่าจะไม่รับฎีกา ขอถามค่ะ ทำไมถึงไม่รับฎีกาค่ะ ทนายให้ข้อมูลว่า ถ้าโทษจำคุกไม่ถึง 5 ปี เค้าจะต้องให้ศาลฝั่ง ศาลชั้นต้นและศาลอุทรณ์ พิจารณาว่าจะให้ส่งฎีกาหรือไม่ ความยุติธรรมไม่มีให้เห็น ศาลทั้ง 2 ชั้น ไม่รับฎีกา บทสรุป แม่ดิฉันติดคุก จากการต่อสู้กับความยุติธรรมที่ทุกคนบอกว่ามีจากศาล
                ช่วยบอก ช่วยแนะนำที่ค่ะ ขอความกรุณา หากใครมีความรู้ทางด้านนี้ ช่วยแนะนำดิฉันที  เรื่องราวที่เขียนบนโพสเป็นความจริงหมด ดิฉันมีหลักฐานทุกอย่างตั้งแต่วันที่ครอบครัวคนรวยมียศสูงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน จนถึง คำขอฎีกา ใครมีแนวทางแก้ไขอย่างไร ใครอยากเห็นความจริงของความอยุติธรรม ระหว่างราชการกัลลูกชาวนาจบ ป.4 ที่อ่านหนังสือแค่พอออก เขียนได้แค่ชื่อตัวเอง ขอดูหลักฐานต่างๆได้เลยค่ะ ส่งเบอร์โทร หรือ เมลล์มาก็ได้ดิฉันพร้อมจะเอาข้อมูลให้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่