จิตกร บุษบา : เรากำลังท้อถอย...เพราะ "คนถ่อย?" และ "คำเท็จ" ..... คอลัมน์ เส้นใต้บันทัด ....... แนวหน้าออนไลน์

กระทู้สนทนา
เราทุกคนกำลังอยู่ในสังคมที่ต่ำทรามขึ้นเรื่อยๆ
                ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลบอกกับประชาชนว่า
จะสร้างรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่  ทั้งๆ ที่ในความจริง  
เขาจะสร้างได้แค่กรุงเทพฯ-พิษณุโลก
                มันเป็นลูกหลานของพ่อแม่ปู่ย่าตายายชนิดไหน  ถึงบอกกับประชาชนตรงๆ
ไม่ได้ ว่าสร้างได้แค่กรุงเทพฯ ไปถึงพิษณุโลกเท่านั้นค่ะ  
                หนังหน้าบุด้วยวัสดุอะไร ถึงได้ไม่มีความอายฉายฉาบ?
            ลิ้นเคลือบด้วยอะไร ถึงไม่สามารถพูดจาตรงไปตรงมากับความจริง?
                หรืออีกตัวอย่างหนึ่งก็เช่น ประชาชนเลือก ส.ส. กับ ส.ว.
ไปทำหน้าที่แทนในรัฐสภา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรง   แต่ ส.ส. กับ ส.ว.
จำนวนหนึ่ง สมคบกันทรยศประชาชนที่เลือกมา  ด้วยการรวมชื่อกันขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ตัดสิทธิการร้องเรียนหรือการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตามมารา 68 ที่เดิม รัฐธรรมนูญปี
2550 เปิดทางให้ประชาชนใช้สิทธิผ่านอัยการสูงสุดและร้องตรงต่อศาสรัฐธรรมนูญ  
คนพวกนี้กลับจะปิดประตูการใช้สิทธิให้เหลือช่องทางเดียว คือ
ต้องร้องผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น
                ถามว่า พวกมันเดือดร้อนอะไร ที่ประชาชนใช้สิทธิได้ 2 ทาง
                ถามว่า พวกมันทำหน้าที่แทนประชาชนประสาอะไร
ถึงไปตัดทอนสิทธิของประชาชนลงมาเสียหน้าตาเฉย
                ถามว่า คนพวกนี้ ดีหรือชั่ว?
                ถามว่า ทำไมประชาชนส่วนใหญ่ เลือกจะเป็นแค่ ‘ไทยเฉย’
ปล่อยเลยตามเลย มันจะข่มขืนรุมโทรมสิทธิของประชาชนอย่างไรก็ได้กระนั้นหรือ?
                ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ  ประชาชนควรตรวจสอบรายชื่อ
ว่าใครที่ยื่นขอแก้ไขมาตรานี้  หากเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. ที่ท่านเลือกมา  
ควรรวมตัวกันไปพบ ไปถามว่า ทำไมทรยศประชาชน ทำไมตัดสิทธิของประชาชน
ทำไมกระทำการเช่นนี้โดยไม่ถามประชาชนเลยสักคำ  ถือดียังไง รับใช้ใคร
หรือเซ้งประเทศนี้ไปจากประชาชนเสียแล้ว
                ในความเสื่อมทรามของสังคมวันนี้  สิ่งที่ร้ายแรงที่สุด คือ
คนพร้อมจะหลอกลวงกัน ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ สร้างชุดความคิดที่บิดเบือน
แล้วส่งต่อมาสู่สังคม  โดยเฉพาะแนวร่วมของรัฐโฉดที่แฝงตัวอยู่ในคราบของ
“สื่อสารมวลชน”
                แทนที่ พวกเขาจะค่อยตรวจสอบว่าอะไรจริง อะไรเท็จ แทนประชาชน  
เขากลับร่วมกันบิดเบือน บอกความเท็จให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นความจริงไปซะอย่างนั้น
                ยกตัวอย่างการ์ตูนของ “เซีย ไทยรัฐ” (ดูภาพประกอบ)
                เซีย สื่อสารผ่านการ์ตูนของเขา ด้วยภาพสาวสวย (ซึ่งเขาอาจจะหมายถึง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี?)  นั่งอยู่ในรถไฟหัวกระสุน (รถไฟความเร็วสูง)
ซึ่งเขียนข้อความกำกับว่า “พัฒนาประเทศ”  แล่นมาในบรรยากาศท้องทุ่ง หัวไร่ปลายนา  
แต่ที่รางข้างหน้า กลับมีคนมานอนขวางเต็มไปหมด  ประกอบไปด้วย
“ขบวนการจ้องล้มรัฐบาล” ที่มีผ้าโพกหัวเขียนคำว่ากู้ชาติ
ซึ่งเขาอาจหมายถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, ส.ว.ลากตั้ง ซึ่งก็คือ
ส.ว.สรรหา, องค์กรอิสระ และ ‘ค้านทุกเรื่อง’ ซึ่งก็น่าจะหมายถึงฝ่ายค้าน
                บนสุดของภาพ ตั้งชื่อว่า ‘ความเร็วสูง VS ดันทุรังสูง’  
และมุมล่างขวาของภาพ มีเด็กกับหนูถือป้ายว่า “อย่าขวางอนาคตชาติ” กับ
“อย่าถ่วงความเจริญ”
                ถ้าภาพนี้มีข้อความว่า ‘พื้นที่โฆษณาชวนเชื่อ’ ผมจะไม่ติดใจอะไรเลย
แต่นี่เปล่าครับ  ทำเนียนๆ เหมือนการ์ตูนนิสต์ทั่วๆ ไป ซึ่งสำหรับผม
ถือว่าเป็นสื่อสารมวลชนอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องมี “จรรยาบรรณ” ต่อผู้อ่านทั้งมวล
                จรรยาบรรณหลักของความเป็นสื่อก็คือ ต้องให้ความจริงผ่านข้อเท็จจริง
ส่วนมุมมองหรือทัศนะนั้น เป็นเรือ่งส่วนตัว
                มีความชั่วร้ายใดปะปนอยู่ในภาพการ์ตูนภาพนี้บ้าง
                1.) คงเป็นทัศนะส่วนตัวของ ‘เซีย’ ที่คิดว่า
รถไฟความเร็วสูงคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า ประเทศได้รับการพัฒนาแล้ว  
เซียไม่ได้สนใจว่า เราได้รถไฟนี้มาอย่างไร  ลากพาประเทศไปสู่การเป็นหนี้เท่าไหร่
ใครใช้คืน และในเชิงพาณิชย์ คุ้มค่าต่อการลงทุนไหม ในเชิงการใช้บริการ
ตาสีตาสาที่หัวไร่ปลายนา คือผู้ใช้บริการหลักของรถไฟหัวกระสุนหรือไม่  
ทัศนะของเซียในภาพนี้ เหมือนคนด้อยการศึกษา บ้าวัตถุสัญลักษณ์ และไม่สนใจไถ่ถามว่า
“ได้มาด้วยอะไร?”  ขอแค่ให้ใครก็ได้ เอาสิ่งนี้มาให้ฉัน ฉันตื่นเต้นกับมัน
มันคือสัญลักษณ์ของความเจริญ ของการพัฒนา ไม่ล้าหลัง  
เซียกำลังปลูกฝังหรือสะท้อนค่านิยมฉาบฉวยเช่นนั้นออกมา
                2.) ในความเป็นจริง
รถไฟความเร็วสูงไม่ใช่ระบบขนส่งสาธารณะที่มุ่งตอบสนองวิถีชีวิตของคนหัวไร่ปลายนาเลย
เนื่องจากค่าโดยสารต่อเที่ยวไม่ถูก  เกือบจะแพงเท่าเครื่องบินโลว์คอสต์  
ซึ่งไม่ง่ายนัก ที่คนหัวไร่ปลายนาจะใช้บริการ  และหากเก็บค่าโดยสารต่ำกว่านั้น
เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสใช้  ถามว่า ใครจะเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายที่ติดลบ  
และคนหัวไร่ปลายนาที่ถูกสื่อสารผ่านภาพของเซีย จะมีธุระเร่งด่วนใด
ถึงกับต้องให้ประเทศนี้มีรถไฟความเร็วสูงโดยด่วนที่สุด
                3.) รถไฟความเร็วสูงยิ่งไม่ใช่รถขนผักอย่างที่นายกฯ
ยิ่งลักษณ์แสดงความโง่เขลาเบาปัญญาในสภาเมื่อครั้งอภิปรายถึงเรื่องนี้ด้วย  
เพราะต้นทุนสูงเกินไป
ทำให้ราคาขายปลีกสินค้าการเกษตรแพงขึ้นชนิดที่ผู้บริโภคยอมปล่อยให้เน่า
และขาดทุนกันไป
                4.) ประกอบกับประเทศไทย แทบไม่มีความต่างในสภาพภูมิอากาศ
จนทำให้พืชผักที่จำเป็นต้องกินและใช้ในชีวิตประจำวัน
จะถูกขนย้ายถ่ายเทมาจากพื้นที่ห่างไกล  คนกรุงเทพฯ กินผักนครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี
เป็นหลัก  ไม่ใช่ผักจากเชียงใหม่  เช่นกันครับ  ผักที่ปลูกในจังหวัดเหล่านี้
ที่เชียงใหม่ก็ปลูกได้  ไม่ต้องขนขึ้นไปจากกรุงเทพฯ  ที่นครราชสีมาก็เหมือนกัน
ที่พิษณุโลกก็เหมือนกัน  ฉะนั้น รถไฟความเร็วสูงมิได้นำ “โอกาส”
ไปสู่คนหัวไร่ปลายนา อย่างที่กำลังตบตากันอยู่
                5.) เซียจึงใส่ทัศนะส่วนตัวระดับที่ฉลาดเท่าๆ กับนายกฯ
ยิ่งลักษณ์ลงไปในภาพขบวนรถไฟของเขา ว่าเป็นสาย “พัฒนาประเทศ”  ทั้งๆ ที่จริงๆ
เป็นสายก่อหนี้ระดับสูงให้แก่คนทั้งประเทศ  แต่ไม่มีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์
รอวันขาดทุนและทำให้รัฐต้องเข้าไปชดเชยหนี้ในโอกาสข้างหน้า  แล้วถามว่า
เราจะเร่งมีมันไปทำไม  เราต้องอนุญาตให้รัฐบาลบ้ากู้ ลงมือกู้
แต่พวกเราใช้หนี้ไปอีก 50 ปี ดีตรงไหน?
                6.) ขณะเดียวกัน เซียปฏิเสธ “การตรวจสอบ”  เซียสะท้อนภาพฝ่ายค้าน
ขบวนการประชาชน องค์กรอิสระ และสมาชิกวุฒิสภาบางกลุ่ม ว่าเป็นพวก “ดันทุรังสูง”
ที่ขวางอนาคตชาติ และถ่วงความเจริญ  อยากถามเซียสักคำว่า มีสุจริตชนคนใด
เกรงกลัวการตรวจสอบบ้าง?  เรากำหนดให้มีวุฒิสภา ก็เพื่อให้ตรวจสอบถ่วงดุลมิใช่หรือ  
เรามีองค์กรอิสระไว้ช่วยตรวจสอบให้รอบคอบและถูกกฎหมายไม่ใช่หรือ  
เรามีประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ
และเจ้าของเงินทุกบาททุกสตางค์ในคลังที่เรียกเก็บมาจากภาษีสารพัดชนิดมิใช่หรือ  
เมื่อคนเหล่านี้ทำหน้าที่ตรวจสอบ  แทนที่เซียจะปรบมือให้
เซียกลับสื่อสารผ่านการ์ตูนรของตัวเองในทาง “ทำลายคนเหล่านี้”  คล้ายกับว่า
เซียมีสันดานไม่ต่างจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ของทักษิณเลย  ที่ไม่อยากให้ใครมาตรวจสอบ  
ซุกซ่อนอะไรไว้หรือ ถึงได้กลัวการตรวจสอบนัก
                7.) เซียนิยมชมชอบการกู้นอกระบบ ไม่ใช้ระเบียบพัสดุ ไม่มีราคากลาง
ไม่ศึกษาผลกระทบ ไม่ศึกษาเส้นทาง กู้แล้วไม่ต้องจ่าย  กู้แล้วไม่ต้องรับผิด  
กู้โดยไม่ต้องมีวินัยการคลัง  กู้แล้วเอาไปใช้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบกระนั้นหรือ?
                8.) เซียรู้ไหมครับ  รัฐบาลนี้ขออำนาจในการกู้เงินเป็นกรณีพิเศษ  
คนที่ต้องใช้หนี้คืน คือคนไทยทั้งมวล  แทนที่เซียจะช่วยคนไทยทั้งมวลตรวจสอบ
ว่าการกู้ครั้งนี้เป็น “วิธีที่ชอบ” ด้วยกฎหมายและด้วยสามัญสำนึกหรือไม่  
เซียกลับให้ท้ายเหมือนอยากจะสอพลอ  เซียทำเหมือนประจบประแจงรัฐบาล
แต่อีกด้านเซียไม่เห็นการทรยศต่อประชาชน ด้วยการช่วยรัฐมอมเมา ตบตา ด่าฝ่ายตรวจสอบ
เพิ่มความชอบให้รัฐบาล
                9.) เซียรู้ไหมครับ ว่ากลไกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ ได้บัญญัติ
หลักการและวิธีการในการใช้เงินแผ่นดินให้ต้องอยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย
ประจำปี กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยโอนงบประมาณ และกฎหมายว่าด้วย
เงินคงคลัง ซึ่งยังต้องอยู่ภายใต้บังคับการกำกับตรวจสอบควบคุมตามกฎหมายและระเบียบต่างๆ
รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ อย่างรอบคอบรัดกุม  
                แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี กลับสมคบกันเห็นชอบ
และเสนอร่างกฎหมายที่จะก่อภาระหนี้ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นจำนวนมากมายถึง
สองล้านล้านบาท และเป็นภาระประเทศชาติและประชาชนในการชำระหนี้ไม่น้อยกว่า 50 ปี
ซึ่งเป็นวงเงินกู้และระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ที่มากที่สุดและยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ชนเผ่าไทยได้ตั้ง
ประเทศชาติเป็นต้นมาถึงปัจจุบันนี้ โดยไม่มีการทำโครงการหรือรายละเอียดใดๆ เลย
มีแต่สิ่งที่เรียกว่ายุทธศาสตร์และแผนงานเพียงสองหน้ากระดาษเท่านั้น  
ไม่มีหลักประกันใดๆ ในความสำเร็จของโครงการ
เป็นการกระทำความผิดที่ใจดำอำมหิตต่อประเทศชาติและประชาชน หนำซ้ำยังโกหกพกลม
ขายฝันต่อพี่น้องประชาชนว่าจะมีรถไฟวิ่งเหนือใต้ออกตกครบวงจร ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว
เป็นโครงการขาดๆ กุดๆ
                เช่นนี้แล้ว เซียไม่ดีใจหรือที่มีคนออกมาค้านและพยายามบังคับให้รัฐบาลไปใช้เงิน
ตามปกติในระบบงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งสามารถทำโครงการที่รัฐบาลนี้อยากทำได้
                ไม่มีใครขวางการพัฒนาหรอกครับ  เขาขวาง “วิธีการกู้เงิน”
และหาทางออกให้ด้วยว่า โครงการเหล่านี้ ทำได้โดยไม่ต้องกู้ 2 ล้านล้านบาทด้วย
“วิธีพิเศษ” อย่างที่รัฐบาลกำลังจะทำ
                เซียควรวาดการ์ตูนว่า เรามีรถไฟได้โดยไม่ต้องกู้
ทำไมรัฐบาลต้องกู้,  รัฐบาลทำรถไฟไปไม่ถึงหนองคาย ไปไม่ถึงปาดังเบซาร์
แล้วจะทำหาพระแสงวิมานอะไร แถมโกหกด้วยว่าจะทำไปถึง
                เซียครับ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นสื่อดีหรือสื่อชั่ว  
แต่ผมหวังว่าคุณจะไม่ชั่ว ไม่ทรยศต่อหลักจรรยาบรรณในวิชาชีพ
และไม่สมคบกับนักการเมืองหลอกลวงประชาชน
                เซียอาจเคยได้ไปชมฟุตบอลที่อังกฤษกับประธานสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์
เซียอาจจะรู้จักใครหลายคนในรัฐบาลชุดนี้ เซียอาจจะรัก อาจจะนิยมชมชอบตระกูลชินวัตร
ฯลฯ
                แต่เซียครับ ตราบใดที่ยังอาศัย “คราบ” สื่อสารมวลชนประกอบอาชีพ  
จงยึดถือจรรยาบรรณในวิชาชีพนี้ให้สุดหัวใจ
อย่ารับใช้คนถ่อยหรือกลายเป็นคนถ่อยกล่าวคำเท็จหลอกชาวบ้านชาวช่องเสียเอง!!

http://www.naewna.com/politic/columnist/6168


คลิกตาม link  ไปดูการ์ตูนที่เขาพูดถึงด้วย
เพื่อน  คนไหนมีความสามารถ   กรุณาแปะการ์ตูนประกอบ  ให้ด้วยค่ะ ....
เมื่อพูดถึง   positive  ในกระทู้ วิเคราะห์การเมือง   ไทยรัฐ   ก็มาอ่าน
แนวหน้าที่ เขามองแบบ negative  บ้าง ....  แถมไปทะเลาะ  กับ "เซีย"
อีกด้วย ....5555 ...แนวหน้า กับ ไทยรัฐ  ใครอ่านมากกว่ากัน นอกจาก
nonแดง  แล้ว  จะมีสักกี่คนที่อ่าน "แนวหน้า"   nonแดง# 1  แบบ  พี่ข้าง...
ยังมาขอให้ ...สาวเหลือน้อย... แปะให้อ่านเลย ... น่าจะมีแต่ยอดแจก ...

โทษทีแย่ง  หน้าที่  คุณอดีตหัวหน้าเผ่า  ซะแล้ว  ให้เพื่อน  มาเสริมคคห.
กันก็แล้วกัน  ...เอามาแปะให้อ่านกัน...เมื่อวาน  กระทู้จากแนวหน้า  ของคุณ..เผ่า...
ดูจะ ฮอต....สาวเหลือน้อยแปะ "แนวหน้า"   nonแดง   ไม่สนใจ  ต้องแกงค์เดียวกัน
แปะถึงจะอ่าน ...แปลกนะ ...  ลองมาดูกัน  วันนี้ คุณ...เผ่า ...  จะมาไหม ?????

ช่วยกันอ่านหน่อย ...  คนแปะขอร้อง  แล้ว  comment   ด้วยค่ะ  
เดี๋ยวแฟนขับ ....จะเสียจาาาาาาย    ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่