แชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าสเปนแบบ business

สวัสดีครับ

วันนี้มาขอแชร์ประสบการณืการขอวีซ่าไปสเปนแบบ business ครับ
เริ่มต้นผมขออธิบายก่อนละกัน คือผมต้องไปสัมมนาวิชาการที่สเปน งานจัดตั้งแต่ 21-23 พฤษภาคม แต่ปัญหาคือผมต้องไปทำวิจัยที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ 1 พฤษภาคม - ปลายปี 2556 (8 เดือน) ดังนั้นการจองวีซ่าสเปนของผมจะเดินทางจาก ญี่ปุ่น-สเปน แต่ไม่ได้กลับมาไทยก่อน คือจะกลับไปทำงานต่อที่ญี่ปุ่นเลย ปลายปีค่อยกลับ แต่ผมก็กะว่าตอนอยู่สเปนจะแวะไปพวกอิตาลี ฝรั่งเศสและค่อยกลับมาสเปนเพื่อนั่งเครื่องกลับ รวมช่วงเวลาในยุโรปตั้งแต่ 20-29 พฤษภาคม (10 วัน) แจกแจงเป็น สเปน (4 วัน) --> อิตาลี (3 วัน) --> ฝรั่งเศส (2 วัน) --> สเปน (1 วัน)

ก่อนขอวีซ่า
หลักสำคัญสุดคือ วางแผนครับ ว่าจะไปเที่ยวไหนบ้าง ที่เที่ยวที่จะไปเปิดกี่โมง-ปิดกี่โมง ไกลจากสถานีที่เราจะไปเมืองต่อไปหรือไม่ ใกล้ที่พักไหม เดินทางด้วยอะไร บล่าๆๆๆลิสต์มาให้หมด ส่วนเรื่องเอกสาร ก่อนขอวีซ่าก็คงเป็นแบบที่หลายๆคนชอบทำกันคือ หาในเนตตามพวกกระทู้รีวิวต่างๆ ผมก็อ่านไปจดไป จนมั่นใจว่าครบแล้วล่ะ ก็เอาไปยื่นๆมีแบบทั้งผ่านและไม่ผ่าน ดังนี้

1. แบบฟอร์มขอวีซ่าแบบเชงเก้น ติดรูปขนาด 2x2 นิ้ว พิ้นหลังรูปสีขาวเท่านั้น        2  ชุด
= อันนี้ไม่มีปัญหาไร แต่ถ้าระหว่างอยู่สเปนพักมากกว่า 1 ที่ก็เขียนให้เขาไปที่พักทั้งหมดที่เราจะพักในสเปน (ผมพัก 2 ที่)
รูปโอเค ย้ำกับทางร้านถ่านรูป เขามีประสบการณ์อยู่แล้วว่าจะเอาไปขอวีซ่า ต้องระยะขอบบนล่างซ้ายขวายังไง ไม่มีปัญหาอะไร ผ่าน

2. เล่มพาสปอร์ตตัวจริง + สำเนาพาสปอร์ต    1  ชุด (สำเนาพาสปอร์ตทางศูนย์ยื่นคำร้องวีซ่าเขาจะประทับตราพร้อมเย็บกับใบเสร็จค่าขอวีซ่า เอาหลักฐานนี้มายื่นรับเล่มพาสปอร์ตคืน)
= ผ่าน ไม่มีปัญหาไร

3. หลักฐานการเงิน + สำเนา      1 ชุด
= หลักฐานการเงินก็อาจจะเป็นการถ่ายเอกสารสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน ดูไม่มีอะไร แต่กรณีผมคือสมุดไม่ได้อัพมา 2 ปี พอไปอัพปุ๊บ นึกว่าจะมาเต็มเล่ม ปรากฏว่ามาไม่ถึงหน้า เอาง่ายๆคือตู้มันอัพสรุปมานั้นเอง ผมก็มึนล่ะคร้าบ พยายามหาทางออกว่าทำไง ตอนแรกกะว่าจะพริ้นหลักฐานการเงินผ่านธุรกรรมทางการเงิน (ibanking) แต่สุดท้ายมีคนแนะนำว่าอย่าใช้ มันไม่น่าเชื่อถือ ผมเลยต้องไปขอ bank statement กับทางธนาคารกรุงเทพ ใช้เวลาทำการ 3 วัน ก็งงๆทำไมในเนตเขาบอกว่าทำกันไม่เห็นนาน แต่ก็ทำไรไม่ได้รออย่างเดียว ยอดเงินรวมในบัญชีก็ประมาณ 280,000 บาท ก็เอาเงินตัวเองยัดเข้าบัญชีไปก่อน เดี๋ยวค่อยไปทำเรื่องเบิกกับทางมหาลัยอีกที (ขอทุนมหาลัยไปสัมมนา) แต่พอไปยื่นทางศูนย์รับคำร้องเขาตอบมาว่าขอ Bank Certificate ด้วย ????? อะไรหว่า อ่านมาในเนตไม่เห็นเคยเจอเลย งงล่ะคร้าบพี่น้อง ต้องไปขอใหม่เสียไปอีก 100 นึง  (ปัจจุบันก็งงๆว่ามันต่างกันไง)

4. ประกันการเดินทาง (ชดเชยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 1,500,000 บาท, ส่งตัวผู้ป่วยกลับไทย)
= ประกันการเดินทางก็ดูไม่น่ามีไร แต่ก็ค้นพบความจริงว่าเราไม่สามารถซื้อประกันที่ครอบคลุมต่างประเทศได้ หมายความว่าผมไม่สามารถซื้อประกันที่ครอบคลุม 20-29 พฤษภาคมได้ เพราะผมอยู่ญี่ปุ่น ไม่ใช่เมืองไทย พี่พนักงานก็บอกว่าไม่มีบริษัทไหนในไทยที่ขายแนวระหว่างประเทศ เครียดอีกรอบเลย ทำไงล่ะน้อ จะไปทำประกันที่ญี่ปุ่นก็กลัวจะไม่ทันเพราะมีเวลาเดินเอกสาร 3 อาทิตย์ (ไม่นับเดินเอกสารเรื่องเรียนด้วย) สุดท้ายก็ค้นพบความจริง(ที่ชาวบ้านเขาอาจจะรู้กันหมดแล้ว ยกเว้นตัวผมเอง)ว่าเราต้องซื้อที่ไทย แต่ไม่จำเป็นต้องกลับไทย ก็ปล่อยให้มันหมดอายุไป ผมก็เลยต้องซื้อประกันการเดินทางครอบคลุม 31 วัน ตั้งแต่ 30 เมษายน-30 พฤษภาคม อ่ะโล่งอก มาถึงการหาว่าเอาบริษัทประกันไรดี ก็มีหลายเจ้าเหลือเกิน แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปซื้อประกันการเดินทางกับตัวแทนในเนตของบริษัทนึง เห็นมันถูกดีกว่าของบริษัทอื่น (แน่นอนว่าพวกเนื้อหาเงินประกันที่จะได้กรณีประสบอุบัติเหตุก็ย่อมไม่ดีกว่า) และเขาอ้างว่าได้ตัวประกันการเดินทางผ่านเนตภายใน 20 นาที ผมก็เอ้ย เร็วอย่างแรงส์ โทรไปติดต่อป้าบๆๆ รอไป 4 วัน งงเลย โทรไปตามหลายครั้งมาก จนผมทนไม่ไหวต้องโทรไปหา Call center ของบริษัทประกัน เขาบอกจะตามให้ สุดท้ายก็ได้มา เหนื่อยค่อด

5.  หลักฐานการเดินทาง+จองที่พัก
= ที่พักผมเน้นหาแถวสถานีรถไฟที่จะต้องเดินทางในวันถัดไป เพราะพวกผมเน้นออกเดินทางช่วงเช้า กลัวไปไม่ทันรถไฟ และเน้นถูก ห้องน้ำไม่รวม เนตไม่มีไม่เป็นไร ผมเน้นหาใน booking.com (ที่จริงมีหลายเวบ) จองไว้ก่อน (เอาแบบ refundable) แล้วกะไปจ่ายที่โรงแรม ส่วนการเดินทางเน้นรถไฟครับ หาใน eurail.com แต่ผมก็ไม่ได้ซื้อของเขานะ ไปหาดูเฉยๆว่ามันมีรถแนวไหนบ้าง (555) แล้วค่อยไปจองตรงกับเวบรถไฟนั้นๆแล้วเขาก็จะส่งหลักฐานมาให้ทางเมล
* เอกสารพวกนี้ให้เอาปากกาไฮไลบริเวณ ชื่อเรา วันที่ เอาไว้ ส่วนสถานีผมก็เขียนจั่วหัวเลยว่าจากเมืองไรประเทศอะไร ไป เมืองไรประเทศอะไร พนักงงานเขาจะได้อ่านง่ายๆ
ปัญหาดูเหมือนจะไม่มียกเว้น ไอ้ตั๋วไทย-ญี่ปุ่น ผมดันเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทย พี่พนักงานบอกท่านทูตอ่านไม่ออก อ่ะๆๆ ผมเลยโทรไปขอกับทางบริษัทใหม่

6. จดหมายเชิญ (invitation letter)
=  กรณีผมคือไปสัมมนาวิชาการ ดังนั้นหลักฐานก็จะเป็นจดหมายเชิญ เอกสารรายละเอียดของงาน (สถานที่ เวลา) ใบเสร็จค่าลงทะเบียน
* ควรทำไฮไลบริเวณชื่อเรา หรือพวกวันเวลาต่างๆ

7. เอกสารยืนยันสถานภาพนิสิต
= ดูๆมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เขาบอกมีปัญหาเพราะเราขอนานไป (3 เดือนก่อน) เขาต้องการไม่เกิน 1 เดือน  (-_-'') เลยต้องไปขอใหม่

8. เอกสารว่าเราไปญี่ปุ่น
= เนื่องจากรณีของผมคือสุดท้ายหลังจากสัมมนาไม่ได้กลับไทย ผมก็เลยแนบจดหมายเชิญจากจารย์ที่ญี่ปุ่นไป ในเอกสารก็บอกว่าทำวิจัยตั้งแต่วันนี้ถึงวันนี้ ก็ไม่น่าจะมีอะไร

9. อื่นๆ
= ผมก็เตรียมเผื่อ เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน มีไรเตรียมไปให้หมด เกินดีกว่าขาด แต่สุดท้ายไม่ได้ใช้

สรุปคร่าวๆ ตอนยื่นครั้งแรกมีปัญหาคือ
1. ไม่มี bank certificate
2. เอกสารรับรองสภาพนิสิตเก่าไป
3. ตั๋วเครื่องบินอันนึงเป็นภาษาไทย

ผมก็ไปเคลียร์ไอ้สามตัวด้านบน อ่ะไปยื่นใหม่ พนักงานศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าสเปน(ที่เหมือนจะเก๋าประสบการณ์ที่สุด) บอกว่าหลักฐานการอยู่ที่ญี่ปุ่นมันไม่เคลียร์ (ทั้งๆที่มีจดหมายเชิญ) น้องควรจะไปทำวีซ่าญี่ปุ่นก่อน มันไม่นานหรอกแล้วค่อยมาทำของสเปน อ้าาาาาาาาาาาว! วันแรกไม่เห็นบอกงี้เลยหนิพี่ (คิดในใจ) ผมก็ตอบไปว่าเอกสารตัวสุดท้ายังไม่มากลัวขอวีซ่าสเปนไม่ทันก่อนไปญี่ปุ่น พี่เขาก็เข้าใจ แล้วบอกให้ผมไปร่างจดหมายให้เอกอัคราชทูตสเปนอ่าน  (-_____-'''') อ่าๆๆ ผมก็เลยต้องหอบร่างกายไปนั่งพิมพ์จดหมายชี้แจงถึงท่านทูตว่าทำไมเราจึงไม่มีวีซ่าญี่ปุ่นทั้งๆที่อยู่ญี่ปุ่น ตัวกระพ้มก็ต้องมานั่งหาล่ะน้อ เขียนจดหมายหาท่านทูตทำไงหว่า พิมพ์ๆไป พริ้น เอาไปยื่นใหม่ ผ่านฉลุย เย้ๆๆ (แต่ท่านทูตจะอนุมัติรึเปล่า อีกเรื่องนึง) ก็จ่ายค่าธรรมเนียม+บริการติดต่อกลับกรณีวีซ่าออกแล้ว = 3,280 บาท

ตอนนี้ก็คือรอวีซ่าสเปน แล้วค่อยไปขอของญี่ปุ่นต่อ
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า การเดินเอกสารมันเหนื่อยจุงเบย บ่องตง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่