วันนี้รถเมล์ของ ขสมก.บางส่วนได้ประท้วงหยุดเดินรถ เพื่อคัดค้านโครงการการจัดหารถโดยสารปรับอากาศเครื่องยนต์เอ็นจีวี (NGV) จำนวน 4,000 คัน ของกระทรวงคมนาคม
โดยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) ได้เตรียมยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยคัดค้านข้อเสนอของ สศช.เกี่ยวกับแผนปรับปรุง ขสมก.ที่ระบุว่าคณะรัฐมนตรีอาจพิจารณาทางเลือกอื่นในการจัดหารถโดยสารปรับอากาศนอกเหนือไปจากการเช่าหรือซื้อ เช่น การให้สัมปทานเอกชนเดินรถทั้ง 155 เส้นทาง ที่ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าให้ขสมก.บริหารเอง และทำให้ ขสมก.จำเป็นต้องปรับโครงสร้างองค์กรจากผู้ให้บริการเป็นผู้กำกับสัญญาสัมปทานรถโดยสารประจำทั้งระบบ
นอกจากนี้ยังอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาให้บริการกับรถโดยสารที่มีอยู่ในปัจจุบันก่อน ควบคู่ไปกับการจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดของพนักงาน 7,009 คน เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านบุคลากร
ทั้งนี้ สร.ขสมก. ไม่เห็นด้วยและคัดค้านกับข้อเสนอดังกล่าวของ สศช. เพราะแนวทางดังกล่าวเท่ากับเป็นการแปรรูปขสมก. และยุบเลิกขสมก.โดยเด็ดขาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพนักงานและประชาชนได้
"สหภาพแรงงานฯ ขอให้คณะรัฐมนตรียุติการพิจารณาข้อเสนอของสภาพัฒน์ และขอให้ทำสัญญาข้อตกลงกับสหภาพแรงงานฯ ให้ชัดเจนถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา และการช่วยเหลือขสมก.ที่ไม่นำไปสู่การแปรรูปและยุบเลิก ขสมก." นายสนาน บุญงอก ประธานสร.ขสมก. ระบุ
"มาร์ค"ยอมเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน
โดยวันเดียวกัน (29 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติกรอบการลงทุนของรัฐวิสหกิจของปีงบประมาณปี 2553 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการระบบรางทั้งขนส่งมวลชน โครงการปรับปรุงรางในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และระบบรถไฟรางคู่สายแก่งคอย-ฉะเชิง เทรา นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาผลการศึกษาของคณะกรรมการของคณะกรรมการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในโครงการรถเมล์ 4 พันคัน ซึ่งทางศสช.ได้สรุปว่าการเช่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อ ดังนั้นครม.ได้เห็นชอบเดินหน้าโดยการเช่า แต่ยังมีประเด็นที่ให้นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมไปดำเนินการกหนดแผนที่ชัดเจนกลับมาเสนอครม.ในเรื่องที่สำคัญ 3 เรื่องที่ต้องดำเนินการ คือ 1.การกำหนดแผนการใช้ระบบตั๋วอิเลกทรอนิกส์และต้องมีการลดจำนวนพนักงานเพื่อ ความคุ้มค่าให้ขสมก.มีกำไรโดยต้องไปจัดทำโครงการให้เกิดการเกษียณอายุก่อน กำหนดซึ่งมีจำนวนคร่าวๆ 6,000-7,000 คนได้เมื่อไหร่ 2.ต้องวางแผนเพิ่มจำนวนอู่รถเมล์ที่ให้สามารถเติมเอ็นจีวีได้ โดยสามารถรองรับปริมาณรถได้กี่คันระยะเวลาเท่าไหร่ 3.การจัดซื้อจัดจ้างจะต้องให้โปร่งใสมากที่สุดเพราะเป็นเรื่องที่ประชาชน ห่วงใยมาก โดยต้องตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางและจะต้องให้มีการแข่งขันให้มากที่สุด
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเงื่อนไขอื่นๆที่เคยพิจารณาในครม.ไปแล้ว เช่น ให้เป็นรถเมล์ที่ประกอบในประเทศ การลดเงินตัวเลขประมาณการวงเงินในสมัยที่พล.ต.สนั่น ขตรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีพิจารณาก็ให้นำไปประกอบการพิจารณาของกระทรวงคมนาคมที่จะเสนอ กลับมาอีกครั้ง
โดยตัวเลขงบประมาณเดิมที่ปรับลงมาคือ 6.6 หมื่นล้านบาท แต่ต้องไปจัดทำราคากลางดังนั้นต้องรอคณะกรรมาการกำหนดราคากลาง และหากการจัดซื้อจัดจ้างประมูลมีการแข่งขันให้ได้มากที่สุดน่าจะได้ตัวเลข ที่ดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมที่จะต้องทำแผนมา แต่หากตามความเป็นจริงกว่ารถจะเข้ามาและมีอู่รองรับได้ทั้ง 4 พันคันก็ใช้เวลาไม่เร็ว ต้องค่อยเป็นค่อยไปตามความพร้อมเรื่องอู่และการลดพนักงานซึ่งถ้ากระทรวง คมนาคมทำเรื่องการลดพนักงานไม่ได้โครงการนี้ก็เดินไม่ได้ เพราะเราคงไม่ไปเอารถและไปติดระบบตั๋วอิเลกทรอนิกส์และพบว่าใช้ต้นทุนทั้ง ตั๋วอิเลกทรอนิกส์และพนักงานเท่าเดิมถ้าเช่นนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตาม วัตถุประสงค์ของโครงการ
ต่อข้อถามที่ว่า เหตุผลที่เช่าดีกว่าซื้อดีกว่าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะรถที่หมุนเวียนหากซื้อจะต้องซื้อเผื่อเข้ามาอีก และดูจากประวัติของขสมก.จะพบว่าเรื่องค่าซ่อมบำรุงมักจะแพงกว่าซื้อ โดยกระทรวงคมนาคมจะต้องไปทำปฏิทินทั้งเรื่องอู่ พนักงาน รถและกรอบเสนอให้แข่งขัน ส่วนเรื่องหนี้สินเดิมของขสมก.จะต้องไปแก้ปัญหาต่างหากอยู่แล้ว ถ้าเอามาดูด้วยจะทำโครงการอะไรก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น แต่ตนไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการ ซึ่งตามแผนที่กระทรวงคมนาคมกำหนดเวลาไว้คือภายใน 2 ปี หากนับหนึ่งได้ก็เสร็จภายใน 2 ปี
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงมติครม.ที่อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ดำเนินการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ ด้วยวิธีการเช่า ใน
โครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ ใช้ก๊าชเอ็นจีวี จำนวน 4,000 คันมูลค่ากว่า 63,000 ล้านบาทว่า ครม.ได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนั้นให้ กระทรวงคมนาคมแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบ แผนปฎิบัติการในโครงการเช่ารถเมล์4,000 คัน ขึ้นมา 1 ชุด เพื่อมาดูรายละเอียดข้อบกพร่องในร่างเงื่อนไข ทีโออาร์ รวมถึงตารางเวลาในการดำเนินการของโครงการ หลังจากนั้นจะเสนอ ครม. เพื่อรับทราบ ก่อนที่จะประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจจะเข้ามาดำเนินการในโครงการ โดยเชื่อว่าภายใน 1 เดือน จะได้เอกชนเข้ามาดำเนินการอย่างแน่นอน
รมว.คมนาคม กล่าวต่อว่า ตามตารางระยะเวลาในการ ดำเนินการนั้น หากมีการจัดหาเอกชนเข้ามาดำเนินการ เอกชนจะต้องจัดหารถมาให้บริการภายหลังจากที่เซ็นสัญญา กับ ขสมก.ในระยะที่ 1 จำนวน 1,500 คัน และหลังจากนั้นภายในระยะเวลาอีก 24 เดือน เอกชนจะต้องส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศที่เหลือให้กับ ขสมก.
“โครงการรถเมล์ 4,000 คัน รอมาจนป่านนี้ และวันนี้ ครม.ได้มีมติเห็นชอบในโครงการให้ ขสมก. จัดหาแล้ว ต่อไปก็ภาวนาอย่าให้โครงการต้องล้มประมูลอีกเลย เพราะถือว่ากว่าจะผ่าน ครม.ได้ก็ทุลักทุเล ต่อไปก็ต้องมาดูว่า โครงการได้ช่วยให้ประชาชนได้ประโยชน์จากการบริการหรือไม่ ถ้าได้ประโยชน์ และ ขสมก. ลดปัญหาการขาดทุนลงก็ถือว่า โครงการประสบความสำเร็จ แต่ถ้าหากเมื่อดำเนินโครงการแล้ว ขสมก.ยังขาดทุนอยู่ก็ถือว่าโครงการล้มเหลว”นายโสภณ กล่าว
รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่ พนักงาน และ สหภาพ ขสมก. ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการฟื้นฟู ขสมก. ในโครงการจัดหารถเมล์ 4,000 คันว่า ในเรื่องนี้อยากเตือนทุกฝ่ายว่า จะทำอะไรอย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ให้คำนึงว่าทำเพื่อองค์กรเป็นหลัก ส่วนการทำความเข้าใจ และ ประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร พนักงานนนั้น ในเรื่องนี้ตนคงไม่เป็นคนชี้แจง เพราะไม่ใช่หน้าที่ตนดำรงตำแหน่ง รมวคมนาคม มีหน้าที่กำกับนโยบาย ส่วนการทำความเข้าใจเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร
จาก
http://prachatai.com/journal/2009/09/26026
ปล. งบประมาณค่าเช่าจำนวน 63,000 ล้านบาท เช่าจำนวน 4,000 คัน ตกลงค่าเช่ารถเมล์ตกคันเท่าไร (ประมาณคันละ 15 ล้านบาท) หรือซื้อจะถูกกว่าไหม?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครม.อนุมัติให้ ขสมก.จัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท
(ซื้อตกราคาคันละ 4.5 ล้านบาท)
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ ครม.ได้อนุมัติโครงการดังกล่าว โดยแบ่งเป็นรถร้อน 1,659 คัน รถปรับอากาศ 1,524 คัน เพื่อไปทดแทนของเดิม โดยจะทยอยจัดซื้อในระยะ 18 เดือน คาดว่าจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากวันละ 1.7 ล้านคน เป็น 2.5 ล้านคน และหากในระหว่างการจัดซื้อ มีรถใช้พลังงานทดแทนแบบใหม่ก็ให้นำมาประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ให้ ขสมก.ไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มรถปรับอากาศ และ ลดค่าโดยสาร โดยเฉพาะสายที่วิ่งในเส้นทางที่รถติดมากๆ และสายที่ผ่านสถานีรถไฟฟ้า เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบขนส่งสาธารณะมากขึ้น
ปล. รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้เปลี่ยนวิธีจากเช่า 4,000คัน เป็นซื้อ จำนวน 3,183 คัน แบ่งเป็นรถธรรมดา 1,659 คัน รถปรับอากาศ 1,524 คัน วงเงินลดลงจาก 64,853 ล้านบาท เหลือ 27,020 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าซื้อรถ 13,162 ล้านบาท ค่าซ่อมประมาณ 13,858 ล้านบาท โดยเปรียบเทียบราคาต่อคัน วิธีเช่า รถปรับอากาศตกคันละ 4.5 ล้านบาท วิธีซื้อ ตกคันละ 4.5 ล้านบาท ส่วนรถธรรมดาเหลือ 3.8 ล้านบาท ส่วนค่าซ่อมบำรุง แบบเช่า เฉลี่ย 2,250 บาทต่อคันต่อวันตลอดระยะเวลา 10 ปี ส่วนการซื้อ ปีแรกค่าซ่อมอยู่ที่ 966 บาทต่อคันต่อวัน และปีที่ 10 จะอยู่ที่ประมาณ 1,381 บาทต่อคันต่อวัน
ข้อสำคัญ วิธีซื้อนั้นรถจะเป็นของ ขสมก.ตั้งแต่วันรับมอบรถครั้งแรก มองภาพรวมๆ เปรียบเทียบข้อต่อข้อ ซื้อดีกว่าเช่าหลายขุม
จาก http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/71164/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%8C-NGV-3-183-%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99.html
ครม.ไฟเขียวเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน ด้าน ขสมก.หยุดเดินรถประท้วง ระบุเป็นหนทางสู่การแปรรูป
โดยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) ได้เตรียมยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยคัดค้านข้อเสนอของ สศช.เกี่ยวกับแผนปรับปรุง ขสมก.ที่ระบุว่าคณะรัฐมนตรีอาจพิจารณาทางเลือกอื่นในการจัดหารถโดยสารปรับอากาศนอกเหนือไปจากการเช่าหรือซื้อ เช่น การให้สัมปทานเอกชนเดินรถทั้ง 155 เส้นทาง ที่ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าให้ขสมก.บริหารเอง และทำให้ ขสมก.จำเป็นต้องปรับโครงสร้างองค์กรจากผู้ให้บริการเป็นผู้กำกับสัญญาสัมปทานรถโดยสารประจำทั้งระบบ
นอกจากนี้ยังอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาให้บริการกับรถโดยสารที่มีอยู่ในปัจจุบันก่อน ควบคู่ไปกับการจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดของพนักงาน 7,009 คน เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านบุคลากร
ทั้งนี้ สร.ขสมก. ไม่เห็นด้วยและคัดค้านกับข้อเสนอดังกล่าวของ สศช. เพราะแนวทางดังกล่าวเท่ากับเป็นการแปรรูปขสมก. และยุบเลิกขสมก.โดยเด็ดขาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพนักงานและประชาชนได้
"สหภาพแรงงานฯ ขอให้คณะรัฐมนตรียุติการพิจารณาข้อเสนอของสภาพัฒน์ และขอให้ทำสัญญาข้อตกลงกับสหภาพแรงงานฯ ให้ชัดเจนถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา และการช่วยเหลือขสมก.ที่ไม่นำไปสู่การแปรรูปและยุบเลิก ขสมก." นายสนาน บุญงอก ประธานสร.ขสมก. ระบุ
"มาร์ค"ยอมเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน
โดยวันเดียวกัน (29 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติกรอบการลงทุนของรัฐวิสหกิจของปีงบประมาณปี 2553 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการระบบรางทั้งขนส่งมวลชน โครงการปรับปรุงรางในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และระบบรถไฟรางคู่สายแก่งคอย-ฉะเชิง เทรา นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาผลการศึกษาของคณะกรรมการของคณะกรรมการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในโครงการรถเมล์ 4 พันคัน ซึ่งทางศสช.ได้สรุปว่าการเช่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อ ดังนั้นครม.ได้เห็นชอบเดินหน้าโดยการเช่า แต่ยังมีประเด็นที่ให้นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมไปดำเนินการกหนดแผนที่ชัดเจนกลับมาเสนอครม.ในเรื่องที่สำคัญ 3 เรื่องที่ต้องดำเนินการ คือ 1.การกำหนดแผนการใช้ระบบตั๋วอิเลกทรอนิกส์และต้องมีการลดจำนวนพนักงานเพื่อ ความคุ้มค่าให้ขสมก.มีกำไรโดยต้องไปจัดทำโครงการให้เกิดการเกษียณอายุก่อน กำหนดซึ่งมีจำนวนคร่าวๆ 6,000-7,000 คนได้เมื่อไหร่ 2.ต้องวางแผนเพิ่มจำนวนอู่รถเมล์ที่ให้สามารถเติมเอ็นจีวีได้ โดยสามารถรองรับปริมาณรถได้กี่คันระยะเวลาเท่าไหร่ 3.การจัดซื้อจัดจ้างจะต้องให้โปร่งใสมากที่สุดเพราะเป็นเรื่องที่ประชาชน ห่วงใยมาก โดยต้องตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางและจะต้องให้มีการแข่งขันให้มากที่สุด
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเงื่อนไขอื่นๆที่เคยพิจารณาในครม.ไปแล้ว เช่น ให้เป็นรถเมล์ที่ประกอบในประเทศ การลดเงินตัวเลขประมาณการวงเงินในสมัยที่พล.ต.สนั่น ขตรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีพิจารณาก็ให้นำไปประกอบการพิจารณาของกระทรวงคมนาคมที่จะเสนอ กลับมาอีกครั้ง โดยตัวเลขงบประมาณเดิมที่ปรับลงมาคือ 6.6 หมื่นล้านบาท แต่ต้องไปจัดทำราคากลางดังนั้นต้องรอคณะกรรมาการกำหนดราคากลาง และหากการจัดซื้อจัดจ้างประมูลมีการแข่งขันให้ได้มากที่สุดน่าจะได้ตัวเลข ที่ดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมที่จะต้องทำแผนมา แต่หากตามความเป็นจริงกว่ารถจะเข้ามาและมีอู่รองรับได้ทั้ง 4 พันคันก็ใช้เวลาไม่เร็ว ต้องค่อยเป็นค่อยไปตามความพร้อมเรื่องอู่และการลดพนักงานซึ่งถ้ากระทรวง คมนาคมทำเรื่องการลดพนักงานไม่ได้โครงการนี้ก็เดินไม่ได้ เพราะเราคงไม่ไปเอารถและไปติดระบบตั๋วอิเลกทรอนิกส์และพบว่าใช้ต้นทุนทั้ง ตั๋วอิเลกทรอนิกส์และพนักงานเท่าเดิมถ้าเช่นนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตาม วัตถุประสงค์ของโครงการ
ต่อข้อถามที่ว่า เหตุผลที่เช่าดีกว่าซื้อดีกว่าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะรถที่หมุนเวียนหากซื้อจะต้องซื้อเผื่อเข้ามาอีก และดูจากประวัติของขสมก.จะพบว่าเรื่องค่าซ่อมบำรุงมักจะแพงกว่าซื้อ โดยกระทรวงคมนาคมจะต้องไปทำปฏิทินทั้งเรื่องอู่ พนักงาน รถและกรอบเสนอให้แข่งขัน ส่วนเรื่องหนี้สินเดิมของขสมก.จะต้องไปแก้ปัญหาต่างหากอยู่แล้ว ถ้าเอามาดูด้วยจะทำโครงการอะไรก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น แต่ตนไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการ ซึ่งตามแผนที่กระทรวงคมนาคมกำหนดเวลาไว้คือภายใน 2 ปี หากนับหนึ่งได้ก็เสร็จภายใน 2 ปี
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงมติครม.ที่อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ดำเนินการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ ด้วยวิธีการเช่า ในโครงการจัดหารถโดยสารปรับอากาศ ใช้ก๊าชเอ็นจีวี จำนวน 4,000 คันมูลค่ากว่า 63,000 ล้านบาทว่า ครม.ได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนั้นให้ กระทรวงคมนาคมแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบ แผนปฎิบัติการในโครงการเช่ารถเมล์4,000 คัน ขึ้นมา 1 ชุด เพื่อมาดูรายละเอียดข้อบกพร่องในร่างเงื่อนไข ทีโออาร์ รวมถึงตารางเวลาในการดำเนินการของโครงการ หลังจากนั้นจะเสนอ ครม. เพื่อรับทราบ ก่อนที่จะประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจจะเข้ามาดำเนินการในโครงการ โดยเชื่อว่าภายใน 1 เดือน จะได้เอกชนเข้ามาดำเนินการอย่างแน่นอน
รมว.คมนาคม กล่าวต่อว่า ตามตารางระยะเวลาในการ ดำเนินการนั้น หากมีการจัดหาเอกชนเข้ามาดำเนินการ เอกชนจะต้องจัดหารถมาให้บริการภายหลังจากที่เซ็นสัญญา กับ ขสมก.ในระยะที่ 1 จำนวน 1,500 คัน และหลังจากนั้นภายในระยะเวลาอีก 24 เดือน เอกชนจะต้องส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศที่เหลือให้กับ ขสมก.
“โครงการรถเมล์ 4,000 คัน รอมาจนป่านนี้ และวันนี้ ครม.ได้มีมติเห็นชอบในโครงการให้ ขสมก. จัดหาแล้ว ต่อไปก็ภาวนาอย่าให้โครงการต้องล้มประมูลอีกเลย เพราะถือว่ากว่าจะผ่าน ครม.ได้ก็ทุลักทุเล ต่อไปก็ต้องมาดูว่า โครงการได้ช่วยให้ประชาชนได้ประโยชน์จากการบริการหรือไม่ ถ้าได้ประโยชน์ และ ขสมก. ลดปัญหาการขาดทุนลงก็ถือว่า โครงการประสบความสำเร็จ แต่ถ้าหากเมื่อดำเนินโครงการแล้ว ขสมก.ยังขาดทุนอยู่ก็ถือว่าโครงการล้มเหลว”นายโสภณ กล่าว
รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่ พนักงาน และ สหภาพ ขสมก. ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการฟื้นฟู ขสมก. ในโครงการจัดหารถเมล์ 4,000 คันว่า ในเรื่องนี้อยากเตือนทุกฝ่ายว่า จะทำอะไรอย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ให้คำนึงว่าทำเพื่อองค์กรเป็นหลัก ส่วนการทำความเข้าใจ และ ประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร พนักงานนนั้น ในเรื่องนี้ตนคงไม่เป็นคนชี้แจง เพราะไม่ใช่หน้าที่ตนดำรงตำแหน่ง รมวคมนาคม มีหน้าที่กำกับนโยบาย ส่วนการทำความเข้าใจเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร
จาก http://prachatai.com/journal/2009/09/26026
ปล. งบประมาณค่าเช่าจำนวน 63,000 ล้านบาท เช่าจำนวน 4,000 คัน ตกลงค่าเช่ารถเมล์ตกคันเท่าไร (ประมาณคันละ 15 ล้านบาท) หรือซื้อจะถูกกว่าไหม?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้