ลูกอ่อน แม่ป่วย ตกงาน สามีไม่ได้เรื่อง ไม่รู้จะช่วยยังไงดี

เรื่องนี้เป็นปัญหาของเพื่อนดิฉัน
เธอเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิตอยู่บ่อยครั้ง จนเริ่มสับสนว่าเธอมีอาการซึมเศร้าหลังคลอด หรือว่าปัญหาชีวิตเธอมันรุมเร้าเข้ามาจริงๆคะ
เธอคลอดลูกมาได้5เดือนแล้วค่ะ โดยระหว่างนี้เธอมีปัญหากับสามีของเธอมาโดยตลอด เรื่องงานและเงินค่ะ ตั้งแต่เริ่มท้องแล้ว เธอบอกว่าทำงานไม่ไหว เดี๋ยวแพ้ท้อง เดี๋ยวปวดหลัง ปวดเข่า (ดิฉันเป็นคนพาเพื่อนคนนี้ไปหาหมอตลอดเลยค่ะ เลยรู้ดี) เพื่อนจะขอลาออกมาเพราะกลัวเป็นตัวถ่วงที่ทำงาน แต่สามีกับแม่เขาก็จะยัดเยียดให้เพื่อนดิฉันไปทำงาน โดยบอกว่าแค่ท้องไม่ได้ป่วย ทนๆไป ตลอดเวลาเพื่อนเรามันลางานบ่อยมาก เพราะแพ้ท้องหนัก ตอนใกล้คลอดก็ลาบ่อย เพราะปวดหลัง
จะนั่งแทกซี่มาทำงานก็โดนแม่สามีว่าเปลืองเงิน(ทั้วๆที่เพื่อนก็ออกเงินจ่ายเอง) สามีก็เห็นดีเห็นงามกับแม่เขา จะให้เพื่อนเรานั่งรถตู้ไปทำงาน
ตอนนั้นเห็นเพื่อนเท้าก็บวม มือก็บวม ส่วนสามีมันก็เอาแต่นอน ไปหาเพื่อน เป็นแบบนี้มาตลอด
พอเพื่อนดิฉันคลอดก็ขอแยกบ้านไปอยู่บ้านแม่ตัวเองค่ะ  ลาคลอดครบ3เดือนก็กลับไปทำงานต่อ
ตอนลางวันฝากแม่ช่วยดูให้ ตอนเย็นกลับมาเลี้ยงเอง
แม่เพื่อนดิฉันช่วงระยะหลังท่านป่วยเข้าโรงบาลอยู่บ่อยๆ เพื่อนเราก็ต้องคอยดูแล ทั้งแม่ และก็ลูกเล็กๆ
จะส่งเนอสก็แพงมาก พอไปขอเงินทางฝ่ายสามีเขาก็ไม่ให้ค่ะ  รวยชาตินึงกินก็ไม่หมดแล้ว เงินไม่กี่บาทยังงก (คหสต ดิฉันเอง)
แม่สามีเพื่อนจะให้เอาหลานมาเลี้ยงเอง โดยที่จ-ศ อยู่ที่บ้านสามีเลย ให้เพื่อนดิฉันมารับกลับ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์

คราวนี้เพื่อนดิฉันมันเครียด มันเอะอะว่าทางโน้นเขาจะยึดลูกไว้ไม่ให้อยู่กับแม่ ที่เพื่อนดิฉันเล่าให้ฟังมาอีกว่าที่เครียดเพราะพี่สาวสามีเป็นคนไม่รักเด็กค่ะ ออกแนวขี้รำคาญ หงุดหงิดง่าย สามีก็ไม่ชอบอยู่บ้านด้วย กลัวปล่อยเอาไว้ลำพังเดี๋ยวลูกงอแงแล้วจะโดนพี่สาวทำร้ายเอา แถมบ้านสามีเขา นอนรวมกันห้องเดียวเลยค่ะ พ่อแม่พี่น้อง 5 ชีวิต ส่วนห้องอื่นเขาเอาไว้เก็บของกัน  ฟังแล้วอึดอัดแทนเพื่อนค่ะ จะให้เอาเด็กเล็กๆไปนอนได้ไง

ประเด็นคือ ส่งเนอสก็จบ แต่สามีเพื่อนไม่ยอมให้เงินมาค่ะ จะเอาลูกไปให้แม่สามีเลี้ยงให้ได้ ทั้งๆที่สภาพที่บ้านเป็นแบบนั้น
เพื่อนดิฉํนบอกว่าสามีไม่ยอมออกเงินเลย เพราะเอาไว้ใช้ส่วนตัวสำเริงสำราญเองซะหมด กลายเป็นว่าเพื่อนดิฉันต้องเลี้ยงเอง

ระยะหลังๆเพื่อนดิฉันลางานไปดูแลลูกกับแม่อยู่บ่อยๆ เพราะแม่เข้าๆออกๆโรงพยาบาล จนที่ทำงานเริ่มต่อว่ามาค่ะ ว่าลางานบ่อย สุดท้ายโดนที่ทำงานกดดันจนเพื่อนเราเซ็นใบลาออกมาแล้ว  แถมสภาพแบบนี้เพื่อนไม่กล้าหางานใหม่ค่ะ กลัวไปถ่วงงานเขาอีก

ดิฉันเองก็ได้แต่ปลอบเพื่อนว่าไว้ลูกโตสักนิดก่อนค่อยหางานใหม่ เอาให้พร้อมก่อน เงินเก็บยังมี
ตอนนี้สภาพเพื่อนดิฉันไม่ไหวที่จะไปทำงานจริงๆค่ะ ลูกอ่อน ไม่มีเวลามาดูแลตัวเองเนื้อตัวมอมแมมกระเซอะกระเซิงหมด แม่ก็ป่วยต้องดูแลอีก

ส่วนทางสามีกับแม่เขาก็คอยกดดันเพื่อนดิฉันค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะหางานใหม่ เมื่อไหรจะไปทำงาน เอาลูกมาเดี๋ยวเลี้ยงให้
เพื่อนเรามันเครียด ร้องไห้โทรศัพท์หาดิฉันทุกวันค่ะ มันเอาแต่บ่นว่าเหนื่อย เหนื่อย ไม่มีใครเห็นใจมันเลย  ตัดพ้อชีวิตต่างๆนานา ค่ะ ว่าไม่น่าแต่งงานกับสามีคนนี้เลย อยากหย่า อยากตาย อะไรประมาณนี้ให้เราด้ยินอยู่บ่อยๆ
ดิฉันก็ใจคอไม่ดีแล้วค่ะ กลัวเพื่อนคิดสั้นจริงๆ ลูกก็ยังเล็กเพิ่งจะ5เดือน

ดิฉันเลยคิดเอาเองว่าเพื่อนเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดร่วมด้วยหรือเปล่า ทำอย่างไรที่จะช่วยบรรเทาอาการของเธอได้บ้างคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เราก็แม่ลูกอ่อนค่ะ ลูกอายุ 4 เดือน มีลูกชายอีกคนอายุ 6 ขวบ สามีเราทำงานต่างประเทศ
เดินทางตลอด เราเลี้ยงลูกเอง ขายของในเว็บไซด์ แพ็คของ ส่งของ รับส่งลูกไปโรงเรียนเอง
บางทีเหนื่อยจนน้ำตาไหล แต่ต้องอดทนค่ะ คิดไว้เสมอ เพื่อลูกๆๆๆๆๆ

เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากเพื่อนของคุณต้องช่วยเหลือตัวเอง เปลี่ยนความคิดใหม่
แก้ไขปัญหาไปทีละเรื่อง อย่าเอามารวมกัน ตอนนี้ลูกอายุ 5 เดือน ตกงาน ต้องพยายามเลี้ยง
เองโดยให้กินนมแม่ให้นานที่สุด ประหยัดได้เยอะ เงินเก็บที่มีต้องใข้อย่างประหยัดที่สุด แม่ที่ป่วย
ให้เข้ารักษาสิทธิบัตรทอง เลี้ยงลูกเหนื่อยก็จริง แต่ถ้าเราหัดให้เขากินอยู่เป็นเวลาจะช่วยได้เยอะ  
ไม่ต้องไปพึ่งใคร สามีไม่ดี ก็ไม่ต้องไปเอาค่ะ ให้มันไปเกาะผ้าถุงแม่กินยันตายไปเลย

พอลูกอายุสัก 1 ขวบ ฝากเนิสเซอรี่ไปเลยค่ะ แต่ถ้าสู้ไม่ไหว ไปสมัครงานเป็นแม่บ้าน หรือพี่เลี้ยง
แบบไปกลับ เลือกบ้านนายจ้างที่มีฐานะตามหมู่บ้านจัดสรร ขอนายจ้างเอาลูกไปเลี้ยงด้วย เฝ้าบ้านให้เขาด้วย
งานที่เราบอกไม่กระจอกนะค่ะ ถ้าทำงานดี นายจ้างง้อยิ่งกว่าอะไร สำคัญคือ เพื่อนคุณต้องตั้งสติ และเข้มแข็งค่ะ
บอกเขานะให้คิดถึงลูกไว้มากๆ คุยกับเขาเยอะๆ ค่ะ ให้เขาระบายออกมา จะบรรเทาความทุกข์ไปได้บ้าง

เหนื่อยแค่ปีเดียวค่ะ ลูกโตแล้วก็จะเบาลง อย่าไปคิดว่าชีวิตมันบัดซบ อะไรที่แก้ไขไม่ได้ก็ปล่อยมันไปค่ะ ทำให้ดีที่สุด
เป็นกำลังใจให้เพื่อนคุณนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่