คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เราก็แม่ลูกอ่อนค่ะ ลูกอายุ 4 เดือน มีลูกชายอีกคนอายุ 6 ขวบ สามีเราทำงานต่างประเทศ
เดินทางตลอด เราเลี้ยงลูกเอง ขายของในเว็บไซด์ แพ็คของ ส่งของ รับส่งลูกไปโรงเรียนเอง
บางทีเหนื่อยจนน้ำตาไหล แต่ต้องอดทนค่ะ คิดไว้เสมอ เพื่อลูกๆๆๆๆๆ
เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากเพื่อนของคุณต้องช่วยเหลือตัวเอง เปลี่ยนความคิดใหม่
แก้ไขปัญหาไปทีละเรื่อง อย่าเอามารวมกัน ตอนนี้ลูกอายุ 5 เดือน ตกงาน ต้องพยายามเลี้ยง
เองโดยให้กินนมแม่ให้นานที่สุด ประหยัดได้เยอะ เงินเก็บที่มีต้องใข้อย่างประหยัดที่สุด แม่ที่ป่วย
ให้เข้ารักษาสิทธิบัตรทอง เลี้ยงลูกเหนื่อยก็จริง แต่ถ้าเราหัดให้เขากินอยู่เป็นเวลาจะช่วยได้เยอะ
ไม่ต้องไปพึ่งใคร สามีไม่ดี ก็ไม่ต้องไปเอาค่ะ ให้มันไปเกาะผ้าถุงแม่กินยันตายไปเลย
พอลูกอายุสัก 1 ขวบ ฝากเนิสเซอรี่ไปเลยค่ะ แต่ถ้าสู้ไม่ไหว ไปสมัครงานเป็นแม่บ้าน หรือพี่เลี้ยง
แบบไปกลับ เลือกบ้านนายจ้างที่มีฐานะตามหมู่บ้านจัดสรร ขอนายจ้างเอาลูกไปเลี้ยงด้วย เฝ้าบ้านให้เขาด้วย
งานที่เราบอกไม่กระจอกนะค่ะ ถ้าทำงานดี นายจ้างง้อยิ่งกว่าอะไร สำคัญคือ เพื่อนคุณต้องตั้งสติ และเข้มแข็งค่ะ
บอกเขานะให้คิดถึงลูกไว้มากๆ คุยกับเขาเยอะๆ ค่ะ ให้เขาระบายออกมา จะบรรเทาความทุกข์ไปได้บ้าง
เหนื่อยแค่ปีเดียวค่ะ ลูกโตแล้วก็จะเบาลง อย่าไปคิดว่าชีวิตมันบัดซบ อะไรที่แก้ไขไม่ได้ก็ปล่อยมันไปค่ะ ทำให้ดีที่สุด
เป็นกำลังใจให้เพื่อนคุณนะค่ะ
เดินทางตลอด เราเลี้ยงลูกเอง ขายของในเว็บไซด์ แพ็คของ ส่งของ รับส่งลูกไปโรงเรียนเอง
บางทีเหนื่อยจนน้ำตาไหล แต่ต้องอดทนค่ะ คิดไว้เสมอ เพื่อลูกๆๆๆๆๆ
เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากเพื่อนของคุณต้องช่วยเหลือตัวเอง เปลี่ยนความคิดใหม่
แก้ไขปัญหาไปทีละเรื่อง อย่าเอามารวมกัน ตอนนี้ลูกอายุ 5 เดือน ตกงาน ต้องพยายามเลี้ยง
เองโดยให้กินนมแม่ให้นานที่สุด ประหยัดได้เยอะ เงินเก็บที่มีต้องใข้อย่างประหยัดที่สุด แม่ที่ป่วย
ให้เข้ารักษาสิทธิบัตรทอง เลี้ยงลูกเหนื่อยก็จริง แต่ถ้าเราหัดให้เขากินอยู่เป็นเวลาจะช่วยได้เยอะ
ไม่ต้องไปพึ่งใคร สามีไม่ดี ก็ไม่ต้องไปเอาค่ะ ให้มันไปเกาะผ้าถุงแม่กินยันตายไปเลย
พอลูกอายุสัก 1 ขวบ ฝากเนิสเซอรี่ไปเลยค่ะ แต่ถ้าสู้ไม่ไหว ไปสมัครงานเป็นแม่บ้าน หรือพี่เลี้ยง
แบบไปกลับ เลือกบ้านนายจ้างที่มีฐานะตามหมู่บ้านจัดสรร ขอนายจ้างเอาลูกไปเลี้ยงด้วย เฝ้าบ้านให้เขาด้วย
งานที่เราบอกไม่กระจอกนะค่ะ ถ้าทำงานดี นายจ้างง้อยิ่งกว่าอะไร สำคัญคือ เพื่อนคุณต้องตั้งสติ และเข้มแข็งค่ะ
บอกเขานะให้คิดถึงลูกไว้มากๆ คุยกับเขาเยอะๆ ค่ะ ให้เขาระบายออกมา จะบรรเทาความทุกข์ไปได้บ้าง
เหนื่อยแค่ปีเดียวค่ะ ลูกโตแล้วก็จะเบาลง อย่าไปคิดว่าชีวิตมันบัดซบ อะไรที่แก้ไขไม่ได้ก็ปล่อยมันไปค่ะ ทำให้ดีที่สุด
เป็นกำลังใจให้เพื่อนคุณนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ลูกอ่อน แม่ป่วย ตกงาน สามีไม่ได้เรื่อง ไม่รู้จะช่วยยังไงดี
เธอเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิตอยู่บ่อยครั้ง จนเริ่มสับสนว่าเธอมีอาการซึมเศร้าหลังคลอด หรือว่าปัญหาชีวิตเธอมันรุมเร้าเข้ามาจริงๆคะ
เธอคลอดลูกมาได้5เดือนแล้วค่ะ โดยระหว่างนี้เธอมีปัญหากับสามีของเธอมาโดยตลอด เรื่องงานและเงินค่ะ ตั้งแต่เริ่มท้องแล้ว เธอบอกว่าทำงานไม่ไหว เดี๋ยวแพ้ท้อง เดี๋ยวปวดหลัง ปวดเข่า (ดิฉันเป็นคนพาเพื่อนคนนี้ไปหาหมอตลอดเลยค่ะ เลยรู้ดี) เพื่อนจะขอลาออกมาเพราะกลัวเป็นตัวถ่วงที่ทำงาน แต่สามีกับแม่เขาก็จะยัดเยียดให้เพื่อนดิฉันไปทำงาน โดยบอกว่าแค่ท้องไม่ได้ป่วย ทนๆไป ตลอดเวลาเพื่อนเรามันลางานบ่อยมาก เพราะแพ้ท้องหนัก ตอนใกล้คลอดก็ลาบ่อย เพราะปวดหลัง
จะนั่งแทกซี่มาทำงานก็โดนแม่สามีว่าเปลืองเงิน(ทั้วๆที่เพื่อนก็ออกเงินจ่ายเอง) สามีก็เห็นดีเห็นงามกับแม่เขา จะให้เพื่อนเรานั่งรถตู้ไปทำงาน
ตอนนั้นเห็นเพื่อนเท้าก็บวม มือก็บวม ส่วนสามีมันก็เอาแต่นอน ไปหาเพื่อน เป็นแบบนี้มาตลอด
พอเพื่อนดิฉันคลอดก็ขอแยกบ้านไปอยู่บ้านแม่ตัวเองค่ะ ลาคลอดครบ3เดือนก็กลับไปทำงานต่อ
ตอนลางวันฝากแม่ช่วยดูให้ ตอนเย็นกลับมาเลี้ยงเอง
แม่เพื่อนดิฉันช่วงระยะหลังท่านป่วยเข้าโรงบาลอยู่บ่อยๆ เพื่อนเราก็ต้องคอยดูแล ทั้งแม่ และก็ลูกเล็กๆ
จะส่งเนอสก็แพงมาก พอไปขอเงินทางฝ่ายสามีเขาก็ไม่ให้ค่ะ รวยชาตินึงกินก็ไม่หมดแล้ว เงินไม่กี่บาทยังงก (คหสต ดิฉันเอง)
แม่สามีเพื่อนจะให้เอาหลานมาเลี้ยงเอง โดยที่จ-ศ อยู่ที่บ้านสามีเลย ให้เพื่อนดิฉันมารับกลับ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์
คราวนี้เพื่อนดิฉันมันเครียด มันเอะอะว่าทางโน้นเขาจะยึดลูกไว้ไม่ให้อยู่กับแม่ ที่เพื่อนดิฉันเล่าให้ฟังมาอีกว่าที่เครียดเพราะพี่สาวสามีเป็นคนไม่รักเด็กค่ะ ออกแนวขี้รำคาญ หงุดหงิดง่าย สามีก็ไม่ชอบอยู่บ้านด้วย กลัวปล่อยเอาไว้ลำพังเดี๋ยวลูกงอแงแล้วจะโดนพี่สาวทำร้ายเอา แถมบ้านสามีเขา นอนรวมกันห้องเดียวเลยค่ะ พ่อแม่พี่น้อง 5 ชีวิต ส่วนห้องอื่นเขาเอาไว้เก็บของกัน ฟังแล้วอึดอัดแทนเพื่อนค่ะ จะให้เอาเด็กเล็กๆไปนอนได้ไง
ประเด็นคือ ส่งเนอสก็จบ แต่สามีเพื่อนไม่ยอมให้เงินมาค่ะ จะเอาลูกไปให้แม่สามีเลี้ยงให้ได้ ทั้งๆที่สภาพที่บ้านเป็นแบบนั้น
เพื่อนดิฉํนบอกว่าสามีไม่ยอมออกเงินเลย เพราะเอาไว้ใช้ส่วนตัวสำเริงสำราญเองซะหมด กลายเป็นว่าเพื่อนดิฉันต้องเลี้ยงเอง
ระยะหลังๆเพื่อนดิฉันลางานไปดูแลลูกกับแม่อยู่บ่อยๆ เพราะแม่เข้าๆออกๆโรงพยาบาล จนที่ทำงานเริ่มต่อว่ามาค่ะ ว่าลางานบ่อย สุดท้ายโดนที่ทำงานกดดันจนเพื่อนเราเซ็นใบลาออกมาแล้ว แถมสภาพแบบนี้เพื่อนไม่กล้าหางานใหม่ค่ะ กลัวไปถ่วงงานเขาอีก
ดิฉันเองก็ได้แต่ปลอบเพื่อนว่าไว้ลูกโตสักนิดก่อนค่อยหางานใหม่ เอาให้พร้อมก่อน เงินเก็บยังมี
ตอนนี้สภาพเพื่อนดิฉันไม่ไหวที่จะไปทำงานจริงๆค่ะ ลูกอ่อน ไม่มีเวลามาดูแลตัวเองเนื้อตัวมอมแมมกระเซอะกระเซิงหมด แม่ก็ป่วยต้องดูแลอีก
ส่วนทางสามีกับแม่เขาก็คอยกดดันเพื่อนดิฉันค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะหางานใหม่ เมื่อไหรจะไปทำงาน เอาลูกมาเดี๋ยวเลี้ยงให้
เพื่อนเรามันเครียด ร้องไห้โทรศัพท์หาดิฉันทุกวันค่ะ มันเอาแต่บ่นว่าเหนื่อย เหนื่อย ไม่มีใครเห็นใจมันเลย ตัดพ้อชีวิตต่างๆนานา ค่ะ ว่าไม่น่าแต่งงานกับสามีคนนี้เลย อยากหย่า อยากตาย อะไรประมาณนี้ให้เราด้ยินอยู่บ่อยๆ
ดิฉันก็ใจคอไม่ดีแล้วค่ะ กลัวเพื่อนคิดสั้นจริงๆ ลูกก็ยังเล็กเพิ่งจะ5เดือน
ดิฉันเลยคิดเอาเองว่าเพื่อนเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดร่วมด้วยหรือเปล่า ทำอย่างไรที่จะช่วยบรรเทาอาการของเธอได้บ้างคะ