เกร็คความรู้ในการฝึกฝนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพ จากที่ได้อ่านกระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ผมเห็นคนจำนวนมากโพสต์ข้อความสอบถามการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองว่าเราจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จริงๆแล้วผมอยากถามกลับไปจริงๆ ว่าคุณเห็นความจำเป็นและจริงจังกับมันแค่ไหน? ที่ถามอย่างงี้ไม่ใช่ดูถูกนะครับ แต่มันเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับผม เคยอยากจะเรียนภาษาอังกฤษเพราะมีคนบอกว่าจะทำให้ได้เปรียบเวลาไปสมัครงาน ก็ไปเรียนพิเศษช่วงเรียนปริญญาตรี แต่เนื่องจากเป็นคนที่ไม่เก่งด้านภาษาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเรายังมองไม่เห็นภาพว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญอย่างไร (เพียงแค่มีคนบอกว่ามันสำคัญ) ทำให้เราก็แค่เรียนไปเรื่อยๆ และไม่จริงจังมากสุดท้ายก็ล้มเหลว (ซึ่งตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าตัวเองใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าการใช้งานจริงๆต้องการทักษะแค่ไหน มารู้เอาตอนที่ต้องการใช้แล้วใช้ไม่ได้ นั่นแหล่ะความหมายของคำว่าล้มเหลวของผม!) จนเราเห็นความสำคัญของมันจริงๆ ทำให้ต้องปรับทัศนคติใหม่กับมัน จุดนี้แหล่ะครับจะทำให้ทักษะภาษาอังกฤษของเราพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน! เมื่อคุณคิดว่าคุณมีทัศนคติที่จะต้องฝึกฝนแล้วทุกๆ ขั้นตอนต่อไปนี้คือขั้นตอนที่ง่ายๆ ที่จำเป็นสำหรับคุณครับ
สร้างบรรยากาศในการเรียนภาษาอังกฤษครับ การไปเรียนพิเศษก็ส่วนหนึ่งครับแต่ผมไม่เน้นซักเท่าไหร่เพราะส่วนตัวผมไม่พัฒนาภาษาอังกฤษโดยการเรียนพิเศษ แต่การสร้างภรรยากาศในการเรียนภาษาอังกฤษของผมคือการหาโอกาสในการใช้ภาษาอังกฤษให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เช่น เวลาส่ง e-mail แทนที่เราจะเขียน e-mail เป็นภาษาไทย เราก็เปลี่ยนมาเขียน ภาษาอังกฤษแทน แต่ถ้าองค์การของคุณใช้ภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมคิดว่าบรรยากาศการฝึกภาษาอังกฤษเพียงพอแล้วทั้งหมดที่คุณต้องทำคือ Response มันบ่อยๆ
คุยกับเพื่อนชาวต่างชาติบ่อยๆ ถ้าในองค์กรของคุณมีเพื่อนทำงานเป็นคนต่างชาติ นั่นแหล่ะแหล่งความรู้ของคุณ คู่ซ้อมของคุณ คุยบ่อยๆ ไม่จำเป็นต้องเรื่องงานครับ แต่พยายามคุยภาษาอังกฤษครับ อย่าให้เค๊าต้องพยายามสื่อสารกับเราเป็นภาษาไทย (คนต่างชาติเมื่อคุยกับเราลำบากมากๆ เค๊าก็คิดว่า เรียนภาษาไทยแล้วมาคุยกับเราง่ายกว่า) สุดท้ายเพื่อนเราเก่งภาษาไทย ในขณะที่เราภาษาอังกฤษเท่าเดิมเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก
คุยกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ ครับอันนี้ในกรณีที่องค์การของคุณมีคนหลายเชื้อชาติอยู่รวมกันพยายามหาเพื่อนที่หลากหลายเชื้อชาติครับเพราะคนหลายชาติถึงแม้จะใช้ภาษาอังกฤษเหมือนกันแต่โครงสร้างไวยากรณ์จะไม่เหมือนกัน ถ้ายิ่งคุณคุยกับคนหลากหลายเชื้อชาติจะทำให้คุณสามารถเข้าใจภาษาหลากหลายมากขึ้น
ติดตามข่าวภาษาไทยแล้วไปอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ การทำเช่นนี้จะให้เราสามารถพัฒนาทักษะการอ่านและจับใจความได้ดีขึ้น ทำไมนะหรอ? เพราะว่าในการรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์นั้นมันมีบางคำที่ไม่มีความสำคัญกับใจความหลักๆ ถ้าเราติดตามข่าภาษาไทยก่อน เราจะมี Idea เกี่ยวกับเรื่องนั้นทำให้เราสามารถมองข้ามคำที่ไม่จำเป็นเหล่านั้นและจับใจความได้ดีขึ้น และสุดท้ายมันจะทำให้เรารักการอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ นอกจากนี้มันยังมีข้อดีคือเราจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ และศึกษาการใช้โครงสร้างไวยากรณ์ในการเขียน ทำให้เราเขียนได้ดีขึ้นอีกด้วย (อันหลังนี้ค่อยๆทำไปหลังจากที่เราจับใจความได้แล้ว)
จดคำศัพท์ใหม่ๆที่เราได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ลงใน Noted-book ผมแนะนำให้ซื้อ Noted-book เล็กๆซักเล่มแล้วจดคำศัพท์ใหม่ๆลงไปเพื่อเราจะสามารถเปิดดูได้ง่ายๆ แต่! การบันทึกคุณอย่าเขียนแค่คำศัพท์ และคำแปลภาษาไทยเด็ดขาด! สิ่ที่อย่างน้อยคุณจำเป็นต้องเขียนประกอบด้วย (1) คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ความหมายของคำเป็นภาษาอังกฤษ หน้าที่ของคำๆนั้นว่ามันสามารถทำหน้าที่อะไรได้บ้าง เช่น ทำหน้าที่เป็น นาม กริยา คำเชื่อม และอื่นๆ และ (2) คือตัวอย่างประโยค ซักสองสามประโยค ส่วนคำเหมือน คำตรงข้ามแล้วแต่ความยขยันครับ
นำคำศัพที่เราพึ่งได้เรียนรู้ใหม่มาใช้งาน! อันนี้สำคัญครับ ไม่ว่าในการพูดหรือการเขียน พยายามนำคำที่เราจดไว้มาใช้งานให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ อย่าพยายามคิดมากว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่อง ผมเคยมีปัญหาเหมือนกันครับ คือโดยปกติแล้วองค์กรที่มีคนไทยเป็นส่วนใหญ่นะ คำศัพท์ที่ใช้ก็จะเดิมๆ พอเราเริ่มฝึกฝนภาษาอังกฤษ เราได้คำศัพท์ใหม่ แล้วนำมาใช้บางครั้งก็มีบ่นมาเหมือนกัน ถึงกับหัวหน้าเรียกไปคุยว่าการสื่อสารที่ดีต้องทำให้ผู้อื่นเข้าใจง่าย เราก็ได้แต่เงียบแต่ผมก็ยังทำเหมือนเดิมเพราะที่ผมสื่อสารไป วัตถุประสงค์ของผมไม่ใช่แค่ให้เข้าใจอย่างเดียว ผมต้องการฝึกฝนการใช้ภาษาตัวเองด้วย (อย่าลืมวัตถุประสงค์ของตัวเองนะครับ เป็นเหตุผมที่ผมถามตอนแรกว่า คุณเห็นความจำเป็นและจริงจังกับมันแค่ไหน?)
ฟังวิทยุคลื่นภาษาอังกฤษ เพลง โฆษณา DJ ข่าวจากวิทยุ เป็นหนทางในการฝึกฝนภาษาอังกฤษที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะการฟังวิทยุเราจำเป็นต้องใช้ความพยายามในการจับใจความมากกว่าการดูข่าว TV เนื่องจากว่าเราไม่สามารถอ่านปากของผู้พูดได้ มันจึงเป็นด่านที่โหดพอสมควร
ดูหนังเรื่องเดียวอย่างน้องสามรอบ รอบแรกดูพากษ์ไทยครับ รอบสองดู Sound track + Sub-Thai รอบสามดู Sound track ครับแนะนำให้เลือกหนังที่ชอบครับถ้าทำได้เพราะมันจะทำให้เราสนุกผ่อนคลายได้ด้วย สำหรับผมเลือกไม่ได้ครับไม่มีตังค์เลือกดูใน Youtube.
ใช้ Paper English-English Dictionary ไม่ใช้ Electronics device ในการแปลภาษา ซึ่งข้อดีของ Paper English-English Dictionary คือเมื่อเราต้องเปิดหาความหมายของคำๆ นึงเราต้องไล่เรียงไปจากคำอื่นก่อนทำให้เรารู้สึกผ่านตากับศัพท์คำอื่นๆด้วย นอกจากนี้ เรายังจะได้เรียนรู้ตัวอย่างการใช้ศัพท์คำนั้นๆ ด้วยซึ่งจำเป็นมากเพราะความหมายของศัพท์ภาษาอังกฤษมันขึ้นอยู่กับบริบทที่นำไปใช้ในประโยค
เรียนรู้สำนวน (Idioms) การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะชาวต่างชาติจริงๆ นิยมใช้สำนวนกันมากในการพูด แต่โชคร้ายหลักสูตรการเรียนการสอนมาตรฐานของเมืองไทยไม่มีสอนเรื่องนี้ (แต่สมัยนี้ไม่รู้แล้วว่ามีเพิ่มเติมมาหรือยัง) ดังนั้นการเรียนรู้และหัดใช้สำนวนในภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องจำเป็น
Think in English อย่างที่ผมเกริ่นตั้งแต่ตอนต้นแหล่ะครับ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองต่างก็มีภาษาเป็นของตนเองและภาษาต่างๆ ก็มีโครงสร้างทางไวยากรณ์ไม่เหมือนกัน ภาษาไทยก็เหมือนกัน ดังนั้นคนไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษจะติดไวยากรณ์ไทย เราจึงควรหลีกเลี่ยงปัญหานี้โดยการฝึกคิดให้เป็นโครงสร้างไวยากรณ์อังกฤษ ตัวอย่างเช่นไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์ ขึ้นรถเมล์ ลงรถเมล์ ต้องใช้โครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างไร เมื่อเช้าทำอะไรไปบ้างถ้าจะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษต้องใช้โครงสร้าง Tense ไหนอะไร? เป็นต้น
สุดท้าย หวังว่าโพสต์นี้จะมีประโยชน์บ้างนะครับ
Helpful link
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
11 Tips-Brighten English Yourself!!
สร้างบรรยากาศในการเรียนภาษาอังกฤษครับ การไปเรียนพิเศษก็ส่วนหนึ่งครับแต่ผมไม่เน้นซักเท่าไหร่เพราะส่วนตัวผมไม่พัฒนาภาษาอังกฤษโดยการเรียนพิเศษ แต่การสร้างภรรยากาศในการเรียนภาษาอังกฤษของผมคือการหาโอกาสในการใช้ภาษาอังกฤษให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เช่น เวลาส่ง e-mail แทนที่เราจะเขียน e-mail เป็นภาษาไทย เราก็เปลี่ยนมาเขียน ภาษาอังกฤษแทน แต่ถ้าองค์การของคุณใช้ภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมคิดว่าบรรยากาศการฝึกภาษาอังกฤษเพียงพอแล้วทั้งหมดที่คุณต้องทำคือ Response มันบ่อยๆ
คุยกับเพื่อนชาวต่างชาติบ่อยๆ ถ้าในองค์กรของคุณมีเพื่อนทำงานเป็นคนต่างชาติ นั่นแหล่ะแหล่งความรู้ของคุณ คู่ซ้อมของคุณ คุยบ่อยๆ ไม่จำเป็นต้องเรื่องงานครับ แต่พยายามคุยภาษาอังกฤษครับ อย่าให้เค๊าต้องพยายามสื่อสารกับเราเป็นภาษาไทย (คนต่างชาติเมื่อคุยกับเราลำบากมากๆ เค๊าก็คิดว่า เรียนภาษาไทยแล้วมาคุยกับเราง่ายกว่า) สุดท้ายเพื่อนเราเก่งภาษาไทย ในขณะที่เราภาษาอังกฤษเท่าเดิมเป็นการเสียโอกาสอย่างมาก
คุยกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ ครับอันนี้ในกรณีที่องค์การของคุณมีคนหลายเชื้อชาติอยู่รวมกันพยายามหาเพื่อนที่หลากหลายเชื้อชาติครับเพราะคนหลายชาติถึงแม้จะใช้ภาษาอังกฤษเหมือนกันแต่โครงสร้างไวยากรณ์จะไม่เหมือนกัน ถ้ายิ่งคุณคุยกับคนหลากหลายเชื้อชาติจะทำให้คุณสามารถเข้าใจภาษาหลากหลายมากขึ้น
ติดตามข่าวภาษาไทยแล้วไปอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ การทำเช่นนี้จะให้เราสามารถพัฒนาทักษะการอ่านและจับใจความได้ดีขึ้น ทำไมนะหรอ? เพราะว่าในการรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์นั้นมันมีบางคำที่ไม่มีความสำคัญกับใจความหลักๆ ถ้าเราติดตามข่าภาษาไทยก่อน เราจะมี Idea เกี่ยวกับเรื่องนั้นทำให้เราสามารถมองข้ามคำที่ไม่จำเป็นเหล่านั้นและจับใจความได้ดีขึ้น และสุดท้ายมันจะทำให้เรารักการอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ นอกจากนี้มันยังมีข้อดีคือเราจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ และศึกษาการใช้โครงสร้างไวยากรณ์ในการเขียน ทำให้เราเขียนได้ดีขึ้นอีกด้วย (อันหลังนี้ค่อยๆทำไปหลังจากที่เราจับใจความได้แล้ว)
จดคำศัพท์ใหม่ๆที่เราได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ลงใน Noted-book ผมแนะนำให้ซื้อ Noted-book เล็กๆซักเล่มแล้วจดคำศัพท์ใหม่ๆลงไปเพื่อเราจะสามารถเปิดดูได้ง่ายๆ แต่! การบันทึกคุณอย่าเขียนแค่คำศัพท์ และคำแปลภาษาไทยเด็ดขาด! สิ่ที่อย่างน้อยคุณจำเป็นต้องเขียนประกอบด้วย (1) คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ความหมายของคำเป็นภาษาอังกฤษ หน้าที่ของคำๆนั้นว่ามันสามารถทำหน้าที่อะไรได้บ้าง เช่น ทำหน้าที่เป็น นาม กริยา คำเชื่อม และอื่นๆ และ (2) คือตัวอย่างประโยค ซักสองสามประโยค ส่วนคำเหมือน คำตรงข้ามแล้วแต่ความยขยันครับ
นำคำศัพที่เราพึ่งได้เรียนรู้ใหม่มาใช้งาน! อันนี้สำคัญครับ ไม่ว่าในการพูดหรือการเขียน พยายามนำคำที่เราจดไว้มาใช้งานให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ อย่าพยายามคิดมากว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่อง ผมเคยมีปัญหาเหมือนกันครับ คือโดยปกติแล้วองค์กรที่มีคนไทยเป็นส่วนใหญ่นะ คำศัพท์ที่ใช้ก็จะเดิมๆ พอเราเริ่มฝึกฝนภาษาอังกฤษ เราได้คำศัพท์ใหม่ แล้วนำมาใช้บางครั้งก็มีบ่นมาเหมือนกัน ถึงกับหัวหน้าเรียกไปคุยว่าการสื่อสารที่ดีต้องทำให้ผู้อื่นเข้าใจง่าย เราก็ได้แต่เงียบแต่ผมก็ยังทำเหมือนเดิมเพราะที่ผมสื่อสารไป วัตถุประสงค์ของผมไม่ใช่แค่ให้เข้าใจอย่างเดียว ผมต้องการฝึกฝนการใช้ภาษาตัวเองด้วย (อย่าลืมวัตถุประสงค์ของตัวเองนะครับ เป็นเหตุผมที่ผมถามตอนแรกว่า คุณเห็นความจำเป็นและจริงจังกับมันแค่ไหน?)
ฟังวิทยุคลื่นภาษาอังกฤษ เพลง โฆษณา DJ ข่าวจากวิทยุ เป็นหนทางในการฝึกฝนภาษาอังกฤษที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะการฟังวิทยุเราจำเป็นต้องใช้ความพยายามในการจับใจความมากกว่าการดูข่าว TV เนื่องจากว่าเราไม่สามารถอ่านปากของผู้พูดได้ มันจึงเป็นด่านที่โหดพอสมควร
ดูหนังเรื่องเดียวอย่างน้องสามรอบ รอบแรกดูพากษ์ไทยครับ รอบสองดู Sound track + Sub-Thai รอบสามดู Sound track ครับแนะนำให้เลือกหนังที่ชอบครับถ้าทำได้เพราะมันจะทำให้เราสนุกผ่อนคลายได้ด้วย สำหรับผมเลือกไม่ได้ครับไม่มีตังค์เลือกดูใน Youtube.
ใช้ Paper English-English Dictionary ไม่ใช้ Electronics device ในการแปลภาษา ซึ่งข้อดีของ Paper English-English Dictionary คือเมื่อเราต้องเปิดหาความหมายของคำๆ นึงเราต้องไล่เรียงไปจากคำอื่นก่อนทำให้เรารู้สึกผ่านตากับศัพท์คำอื่นๆด้วย นอกจากนี้ เรายังจะได้เรียนรู้ตัวอย่างการใช้ศัพท์คำนั้นๆ ด้วยซึ่งจำเป็นมากเพราะความหมายของศัพท์ภาษาอังกฤษมันขึ้นอยู่กับบริบทที่นำไปใช้ในประโยค
เรียนรู้สำนวน (Idioms) การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะชาวต่างชาติจริงๆ นิยมใช้สำนวนกันมากในการพูด แต่โชคร้ายหลักสูตรการเรียนการสอนมาตรฐานของเมืองไทยไม่มีสอนเรื่องนี้ (แต่สมัยนี้ไม่รู้แล้วว่ามีเพิ่มเติมมาหรือยัง) ดังนั้นการเรียนรู้และหัดใช้สำนวนในภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องจำเป็น
Think in English อย่างที่ผมเกริ่นตั้งแต่ตอนต้นแหล่ะครับ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองต่างก็มีภาษาเป็นของตนเองและภาษาต่างๆ ก็มีโครงสร้างทางไวยากรณ์ไม่เหมือนกัน ภาษาไทยก็เหมือนกัน ดังนั้นคนไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษจะติดไวยากรณ์ไทย เราจึงควรหลีกเลี่ยงปัญหานี้โดยการฝึกคิดให้เป็นโครงสร้างไวยากรณ์อังกฤษ ตัวอย่างเช่นไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์ ขึ้นรถเมล์ ลงรถเมล์ ต้องใช้โครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างไร เมื่อเช้าทำอะไรไปบ้างถ้าจะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษต้องใช้โครงสร้าง Tense ไหนอะไร? เป็นต้น
สุดท้าย หวังว่าโพสต์นี้จะมีประโยชน์บ้างนะครับ
Helpful link เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง