เวลาเป็นองค์ประกอบพื้นฐานหนึ่งของจักรวาล เป็นสิ่งที่ทำให้เหตุการณ์และกิจกรรมของมนุษย์ดำเนินไปได้ จนมีคำกล่าวเกี่ยวกับเวลามากมายในภาษามนุษย์ เช่น “คนเรามีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน” แต่จะเป็นอย่างไร หากเวลาของเราแต่ละคนไม่เท่ากันเพราะเราพูดคนละภาษา
.
ในภาพยนตร์เรื่อง Arrival เมื่อยานต่างดาว 12 ลำลงจอดตามพื้นที่ต่างๆ ของโลก ดร.หลุยส์ แบงก์ส (รับบทโดยเอมี อดัมส์) นักภาษาศาสตร์ จึงถูกทางการสหรัฐฯ เรียกตัวไปยังสถานที่จอดยานต่างดาวในรัฐมอนแทนา เพื่อพยายามสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวผู้มาเยือนและสอบถามว่าพวกเขามาทำอะไรที่โลกกันแน่ ก่อนจะค้นพบว่ามนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์นี้สื่อสารด้วยการพ่นของเหลวสีดำออกมาเรียงเป็นรูปวงกลม ภาษาเขียนของมนุษย์ต่างดาวแทนได้ทั้งคำ วลี และประโยคในวงกลมวงเดียว อีกทั้งเป็นภาษาที่ไม่มีส่วนหน้าส่วนหลังและไม่ได้แยกอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทว่าเวลาที่ต่างกันทั้งหมดสามารถเขียนออกมาพร้อมกันในวงกลม
.
เมื่อศึกษาภาษาของมนุษย์ต่างดาวมากขึ้น ดร.แบงก์สเริ่มเห็นภาพลูกสาวตัวเองบ่อยขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้เวลาในมุมมองภาษาของมนุษย์ต่างดาว และในที่สุดก็รับรู้ว่ามนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ต้องการให้ดร.แบงก์สศึกษาภาษาตัวเองและนำไปเผยแพร่ให้แก่มนุษย์เพื่อให้มนุษย์สามัคคีกันและช่วยเผ่าพันธุ์ต่างดาวนี้ในอนาคตอันไกล
ภาพยนตร์ยังได้เฉลยตอนท้ายว่าภาพของลูกสาวนั้น ไม่ใช่ภาพอดีต แต่เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังจากนี้
.
แม้การมองภาพอนาคตจากการรู้ภาษาจะยังไม่สามารถทำได้จริงตอนนี้ แต่การรับรู้เวลาแตกต่างกันตามภาษาเป็นประเด็นที่นักภาษาศาสตร์มากมายศึกษา ข้อสรุปที่ชัดเจนคือ
ภาษามีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมภาพแทนเวลาในจิตใจมนุษย์ บางภาษามองเวลาดำเนินเป็นเส้นแนวนอน บางภาษามองเวลาดำเนินเป็นเส้นแนวตั้ง และบางภาษามองว่าเวลาเคลื่อนที่เป็นวงกลมด้วย เช่นภาษาอังกฤษมองอนาคตข้างหน้า (look forward) หรือคิดย้อนกลับไปในอดีต (think backward)
ขณะที่ภาษาจีนมองเวลาได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง โดยมองเหตุการณ์ที่เกิดก่อนอยู่ด้านบนและเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากนั้นอยู่ด้านล่าง
.
การมองเวลาที่แตกต่างกันเพราะภาษายังส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้พูดอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ชุดข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมทางการเงินและสุขภาพในหลายประเทศ พบว่าผู้พูดภาษาที่ไวยากรณ์แยกปัจจุบันและอนาคตชัดเจน เช่น อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส กรีก อิตาลี สเปน มีพฤติกรรมที่คำนึงถึงอนาคต (เช่นปรับมื้ออาหารให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ออมเงินสำหรับวัยเกษียณ) น้อยกว่าผู้พูดภาษาที่ไวยากรณ์ไม่แบ่งปัจจุบันและอนาคต เช่น จีนกลาง ฟินแลนด์ เอสโตเนีย เพราะในมุมมองของผู้พูดภาษาลักษณะนี้ อนาคตจะดูไม่ห่างไกล เทียบกับในภาษาที่มีอนาคตกาล ผู้พูดจะมองว่ามีเส้นแบ่งระหว่างปัจจุบันและอนาคต จึงอาจส่งผลให้ผู้พูดมีพฤติกรรมที่ไม่คำนึงถึงตัวเองในอนาคตเท่าไหร่นัก
.
แม้อาจมีปัจจัยอื่นนอกจากโครงสร้างภาษาส่งผลให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ ทว่าการมองเวลาไม่เหมือนกันระหว่างผู้พูดภาษาต่างๆ สะท้อนว่าสิ่งที่ผุดขึ้นในใจเราจากอิทธิพลของภาษาทำให้เราให้ความสนใจไปยังบางสิ่งมากกว่าอีกสิ่ง และทำให้เราแสดงพฤติกรรมออกแตกต่างกันตามภาษา อย่างไรก็ดี
เราสามารถฝึกฝนการมองเวลาในลักษณะที่แตกต่างกันได้เช่นกันผ่านการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เราคิด พูด และมีพฤติกรรมแตกต่างจากภาษาและวัฒนธรรมเดิมของเรา เช่นเดียวกับที่ดร.แบงก์สมองเห็นภาพอนาคตจากการเรียนรู้ภาษาต่างดาว
.
นักวิจัยชี้ เวลาของคนแต่ละประเทศ "ไม่เท่ากัน" ชี้ภาษาเป็นเหตุ
.
ในภาพยนตร์เรื่อง Arrival เมื่อยานต่างดาว 12 ลำลงจอดตามพื้นที่ต่างๆ ของโลก ดร.หลุยส์ แบงก์ส (รับบทโดยเอมี อดัมส์) นักภาษาศาสตร์ จึงถูกทางการสหรัฐฯ เรียกตัวไปยังสถานที่จอดยานต่างดาวในรัฐมอนแทนา เพื่อพยายามสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวผู้มาเยือนและสอบถามว่าพวกเขามาทำอะไรที่โลกกันแน่ ก่อนจะค้นพบว่ามนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์นี้สื่อสารด้วยการพ่นของเหลวสีดำออกมาเรียงเป็นรูปวงกลม ภาษาเขียนของมนุษย์ต่างดาวแทนได้ทั้งคำ วลี และประโยคในวงกลมวงเดียว อีกทั้งเป็นภาษาที่ไม่มีส่วนหน้าส่วนหลังและไม่ได้แยกอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทว่าเวลาที่ต่างกันทั้งหมดสามารถเขียนออกมาพร้อมกันในวงกลม
.
เมื่อศึกษาภาษาของมนุษย์ต่างดาวมากขึ้น ดร.แบงก์สเริ่มเห็นภาพลูกสาวตัวเองบ่อยขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้เวลาในมุมมองภาษาของมนุษย์ต่างดาว และในที่สุดก็รับรู้ว่ามนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ต้องการให้ดร.แบงก์สศึกษาภาษาตัวเองและนำไปเผยแพร่ให้แก่มนุษย์เพื่อให้มนุษย์สามัคคีกันและช่วยเผ่าพันธุ์ต่างดาวนี้ในอนาคตอันไกล ภาพยนตร์ยังได้เฉลยตอนท้ายว่าภาพของลูกสาวนั้น ไม่ใช่ภาพอดีต แต่เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังจากนี้
.
แม้การมองภาพอนาคตจากการรู้ภาษาจะยังไม่สามารถทำได้จริงตอนนี้ แต่การรับรู้เวลาแตกต่างกันตามภาษาเป็นประเด็นที่นักภาษาศาสตร์มากมายศึกษา ข้อสรุปที่ชัดเจนคือภาษามีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมภาพแทนเวลาในจิตใจมนุษย์ บางภาษามองเวลาดำเนินเป็นเส้นแนวนอน บางภาษามองเวลาดำเนินเป็นเส้นแนวตั้ง และบางภาษามองว่าเวลาเคลื่อนที่เป็นวงกลมด้วย เช่นภาษาอังกฤษมองอนาคตข้างหน้า (look forward) หรือคิดย้อนกลับไปในอดีต (think backward) ขณะที่ภาษาจีนมองเวลาได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง โดยมองเหตุการณ์ที่เกิดก่อนอยู่ด้านบนและเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากนั้นอยู่ด้านล่าง
.
การมองเวลาที่แตกต่างกันเพราะภาษายังส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้พูดอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์ชุดข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมทางการเงินและสุขภาพในหลายประเทศ พบว่าผู้พูดภาษาที่ไวยากรณ์แยกปัจจุบันและอนาคตชัดเจน เช่น อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส กรีก อิตาลี สเปน มีพฤติกรรมที่คำนึงถึงอนาคต (เช่นปรับมื้ออาหารให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ออมเงินสำหรับวัยเกษียณ) น้อยกว่าผู้พูดภาษาที่ไวยากรณ์ไม่แบ่งปัจจุบันและอนาคต เช่น จีนกลาง ฟินแลนด์ เอสโตเนีย เพราะในมุมมองของผู้พูดภาษาลักษณะนี้ อนาคตจะดูไม่ห่างไกล เทียบกับในภาษาที่มีอนาคตกาล ผู้พูดจะมองว่ามีเส้นแบ่งระหว่างปัจจุบันและอนาคต จึงอาจส่งผลให้ผู้พูดมีพฤติกรรมที่ไม่คำนึงถึงตัวเองในอนาคตเท่าไหร่นัก
.
แม้อาจมีปัจจัยอื่นนอกจากโครงสร้างภาษาส่งผลให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ ทว่าการมองเวลาไม่เหมือนกันระหว่างผู้พูดภาษาต่างๆ สะท้อนว่าสิ่งที่ผุดขึ้นในใจเราจากอิทธิพลของภาษาทำให้เราให้ความสนใจไปยังบางสิ่งมากกว่าอีกสิ่ง และทำให้เราแสดงพฤติกรรมออกแตกต่างกันตามภาษา อย่างไรก็ดี เราสามารถฝึกฝนการมองเวลาในลักษณะที่แตกต่างกันได้เช่นกันผ่านการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เราคิด พูด และมีพฤติกรรมแตกต่างจากภาษาและวัฒนธรรมเดิมของเรา เช่นเดียวกับที่ดร.แบงก์สมองเห็นภาพอนาคตจากการเรียนรู้ภาษาต่างดาว
.