(ขอโอกาส) คู่กรรม รอบสอง : ความซาบซึ้งที่มากขึ้น : หนังรักประณีต ละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง งดงาม

ด้วยความที่ประทับใจหนังเรื่องคู่กรรมมากๆ  ทำให้ตัดสินใจไปดูรอบสอง ...

การดูคู่กรรมในรอบที่สอง ทำให้ได้เห็นอะไรที่ต่างออกไปจากครั้งแรก  

ที่น่าแปลกใจคือคิดไว้ว่าจะไปจับผิดภาพต่างๆ    แต่กลับตรงกันข้าม  ความบกพร่อง ประดักประเดิดที่เราเห็นในการดูครั้งแรกมันหายไปแทบหมดสิ้น  เช่น  
การแสดงของตัวประกอบ   อย่างบทคุณลุงคนหนึ่งที่ขอยาแก้มาลาเรีย  ตอนดูครั้งแรกรู้สึกว่าเล่นแข็งและโดดมาก  แต่ครั้งนี้รู้สึกคุณลุงแสดงได้จริงเหลือเกิน  ท่าทางคนแก่ที่งกๆเงิ่น  เอื้อมมือไปจับแขนโกโบริ (จำไม่ค่อยได้ น่าจะเป็นโกโบรินะ)  ทำให้ฉันรู้สึกสะท้อนใจอย่างมาก นึกถึงผู้สูงอายุที่ฉันเห็นในชีวิตจริง    / พ่อนางเอก (คุณเบิร์ธ) ที่ครั้งแรกก็ดูโดดๆ แต่พอดูครั้งที่สองก็เป็นการแสดงที่ดู"จริง"

การแสดงของนางเอก ริชชี่ อรเณศ...   แววตาเลื่อนลอย ไร้ความหมายที่ฉันรู้สึกในครั้งแรก   ฉันกลับพบความละเอียดในการแสดงของเธอ  ท่าทาง สายตา มันไม่ได้ไร้ความหมายทีเดียว  มีความรู้สึกมากมายอยู่ในนั้น...ถ่ายทอดให้เรารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดภายใน  สับสน อ้างว้าง
ฉันชอบฉากหลังสะพานพุทธระเบิด  แววตาของเธอเศร้ามาก ดั่งคนที่หลงทาง ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต  ในภาวะสงครามเช่นนี้...  



ในส่วนคุณยายของอังศุมาลินที่มีคนออกความเห็นเชิงขำขันว่า เป็นใบ้เหรอ ไม่พูดสักคำ  ใส่มาทำไม...   แต่ฉันกลับสะเทือนใจกับคุณยายที่ไม่พูดไม่จามาก   คุณยายเป็นเพียงคนแก่ที่อ่อนล้า  ไม่มีปากมีเสียง ต้องการที่พึ่งพิง   คนแก่จะมีความหมายอะไรเมื่อเทียบกับสงครามระดับโลก   แล้วฉันก็ย้อนไปคิดถึงคุณลุงที่มาขอยาในตอนต้นเรื่อง ท่าทางคุณลุงก็เหมือนต้องการที่พึ่งพิงเช่นกัน...

ฉันรักฉากในหลุมหลบภัยมาก  มันสวยงาม เศร้า และอบอุ่นในคราวเดียวกัน   ครั้งแรกอังศุมาลินกอดแม่กับยาย "ไม่ต้องกลัวนะคะ"  ครั้งต่อมามีโกโบริอยู่ในหลุมหลบภัยด้วย  โกโบรินั่งแนบชิดกุมมืออังศุมาลิน  เธอก้มหัวลงซบไหล่   แม่และยายหันมามองกันแล้วยิ้ม  บางทีอังศุมาลินอาจโหยหาพ่อ  ครอบครัวเธออยู่กันลำพังแต่เพียงผู้หญิง   เมื่อมีโกโบริเข้ามา เขาเป็นดั่งชายที่เข้ามาคุ้มภัย    หนังใช้ฉากหลุมหลบภัยสั้นๆ  บอกความสัมพันธ์ของตัวละครได้ลึกซึ้งโดยไม่ต้องปูที่มาใดๆเลย  การที่ต้องตัดความสำคัญในตัวละครแม่-ยายออกไป  แต่ฉากนี้ฉากเดียวก็รู้สึกได้ถึงความรักที่ทุกคนมีให้กัน   และเมื่อมีโกโบริอีกคน  เหมือนดั่งครอบครัวที่สมบูรณ์


ส่วนฉากจบ บางคนบอกว่าทำไมฉากจบไม่ขยี้ใจให้มากกว่านี้    ก็โกโบริเองไม่ใช่หรือที่บอกว่าชอบรอยยิ้มอังศุมาลิน  "นายชอบเรายิ้มเหรอ"  "ผมชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ"   จากนั้น เราได้เห็นอังศุมาลินยิ้มสดใสพูดคุยกับโกโบริแม้มีน้ำตา    เธออยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำเพื่อเขา  ยิ้มให้เขา   เก็บกลั้นความเศร้าเจ็บปวดดั่งที่เธอเคยทำเสมอมา   คู่กรรมครั้งนี้นอกเหนือความเศร้า  มันจึงช่างให้ความรู้สึกอบอุ่น โรแมนติก ได้อย่างมากมายเหลือเกิน  "เรารักนาย"  ....    แต่แท้จริงอังศุมาลินจะเศร้าเพียงใด  และจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร ....


เมื่อดูครั้งที่สอง ฉันพบว่าหนังถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต  ทุกฉากทุกตอน  มีความหมาย  มีความต่อเนื่อง  บางตอนที่เหมือนตัดฉับไปฉับมากลับซ่อนเร้นเป็นปริศนาเหมือนหนังลึกลับ    น้ำหนักบทในเรื่องความรู้สึกระหว่างพระเอกนางเอกถูกจัดวางอย่างเหมาะเจาะคล้องจอง  รายละเอียดต่างๆในเรื่องความสัมพันธ์ของโกโบริ-อังศุมาลิน ลึกซึ้งโรแมนติกมากโดยไม่ต้องแสดงออกชัดเจนแบบที่หนังรักส่วนใหญ่ทำ  ใช้ฉากเล็กๆสื่อความหมายได้ยิ่งใหญ่  หนังแสดงออกแบบ "น้อยแต่ได้มาก"  รูปแบบของหนังก็ดูกลมกล่อมไม่แปลกแยกอย่างที่รู้สึกตอนดูครั้งแรก




ไม่ได้ "รู้สึก" มานานแล้วกับหนังรักของไทย   คู่กรรมเป็นหนังรักที่ทำได้อย่างละเอียดอ่อน ซาบซึ้ง  ซึมลึก เหมือนอย่างหนังเกาหลีหรือญี่ปุ่น
เป็นทั้งหนังรักชั้นเยี่ยม และ หนังต่อต้านสงครามเรื่องเยี่ยม

ฉันขอให้กาลเวลาพิสูจน์ความดีของหนังเรื่องนี้...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่