มโนทัศน์ - มองทุกอย่างเป็น 3 มิติ และเข้าถึง มิติที่ 4

ในการวิเคราะห์ หากเราวิเคราะห์่่ส่วนที่เป็นเหตุเป็นผลที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่ดูเบื่องหลัง หรือความเป็นไปได้อื่นๆ เราจะได้คำตอบที่แคบ

การเรียนรู้ หรือการสอนคิด อันนำไปสู่การคิดที่เป็นจริง และเป็นกลาง ในแบบวิชาการนั้น ไม่จำเป็นต้องลอกหรือเลียนแบบนักวิชาการคนอื่นๆ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้ไว้ แต่ต้องต่อยอดจากทฤษฎีหรือความรู้เดิม ให้เป็นแบบฉบับของตัวเราเองจริงๆ นี่เป็นหลักคิดเบื่องต้น สำหรับการคิดในเชิงวิชาการ ที่หลายคนเข้าใจผิด ว่าต้องคิดเหมือนนักวิชาการทั่วไป หรือไม่กล้าคิดเพราะเกรงว่าคุณวุฒิตัวเองจะไม่เพียงพอ

การใช้ มโนทัศน์

มโนทัศน์ หรือจินตนาการ การให้ค่า เชื่อมโยงเหตุผลต่างๆ กับสิ่งที่รับรู้ หรือสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า เช่น การมองเห็นต้นไม้ จะคิดถึงอะไรได้บ้าง

บางคน เห็นต้นไม้ แล้วคิดต่อไปว่า มันคือต้นอะไร มีใบเลี้ยงเดี่ยว หรือใบเลี้ยงคู่

บางคน เห็นต้นไม้ แล้วคิดต่อไปว่า ต้นไม้ต้นนี้ ออกดอก และมีผลหรือไม่

และบางคน เห็นต้นไม้แล้วคิดถึง " ป่า "

นี่คือ มโนทัศน์

มโนทัศน์ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ

1. มโนทัศน์ชั้นสูง ซึ่งจะครอบคลุมสมาชิกจำนวนมาก ( Superordinate concepts ) เป็นมโนทัศน์ ที่จะตัดรายละเีอียดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ได้ประเภทน้อยที่สุด เช่น การเอ่ยถึงสงครามคาบสมุทรเกาหลี จะนึกถึง รัสเซีย , จีน , อเมริกา โดยจะไม่นึกถึงประเทศเกาหลีเหนือ , เกาหลีใต้ ในมโนทัศน์ชั้นนี้ จะมีความเป็น " นามธรรม " สูงสุด

2. มโนทัศน์พื้นฐาน ( Basic concepts ) มีความครอบคลุมปานกลาง ยกตัวอย่าง เช่น การอ่านหนังสือ จะต้องเป็นการอ่านนวนิยาย โดยแท้จริงแล้ว หนังสือมีหลากหลายประเภท เรียกว่า การมองเห็นระดับสายตา ก็ได้

3. มโนทัศน์รอง ( Subordinate concepts ) มโนทัศน์แบบนี้ มีความครอบคลุมน้อยที่สุด ยกตัวอย่างเช่น คิดถึงประเทศอเมริกา แล้วนึกถึง อินเดียแดง โดยไม่ได้คิดถึง เทคโนโลยีที่อเมริกามีอยู่


เมื่อเราเข้าใจมโนทัศน์แต่ละประเภท เราจะมองเห็นกรอบความกว้าง ของความคิด และปฎิกิริยาสนองตอบต่อสิ่งเร้าที่แตกต่างกัน ต่อเรื่องราวในการสื่อสาร และเป็นพื้นฐานของการให้่ค่าความหมายของคำศัพท์และตัวอักษร

เพื่อนำไปต่อยอดเทคนิคในการเขียน ขอฝากไว้อย่างคร่าวๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่